Audi SQ7 TFSI 2021 SUV หรูมีระดับ กับม้า 507 ตัว
รหัส SQ จัดว่าเป็นรหัสร้อนแรงของรถยนต์ประเภท SUV ระดับพรีเมียมจากฝากฝั่งค่ายสี่ห่วง แน่นอนว่าเราเห็นหน้าค่าตา Audi SQ7 กันมาก่อนแล้ว เริ่มตั้งแต่เวอร์ชั่น TDI เครื่องยนต์ดีเซล 435 แรงม้า ต่อด้วยเครื่องยนต์เบนซินที่คลอดตามหลังมาเมื่อไม่นานนี้ กับความแรงระดับ 507 แรงม้า และปีหน้าก็พร้อมที่จะคลอดเวอร์ชั่น TFSI ที่ได้รับการพัฒนาในเรื่องของสมรรถนะ
Audi SQ7 TFSI รถยนต์ระดับหรู SUV พรีเมียม ที่ใช้เครื่องยนต์เบนซินแบบ V8 สูบ ขนาด 4.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 507 แรงม้าที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิดสุด 770 นิวตัน-เมตรที่ 2,000 – 4,000 รอบ/นาที มีอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.ด้วยเวลาเพียง 4.1 วินาที และมีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ยประมาณ 8 กม./ลิตร โดยสามารถทำความเร็วได้สูงสุด 250 กม./ชม.
เมื่อเป็น Audi SQ7 TFSI 2021 จึงได้รับการปรับปรุงพัฒนาในส่วนของสมรรถนะ โดยนำเทคโนโลยีประหยัดพลังงาน Cylinder on Demand (COD) เข้ามาใช้ ซึ่งการทำงานของระบบ COD จะเข้าไปตัดการทำงานของลูกสูบทั้ง 8 ให้เหลือเพียง 4 สูบ โดยขึ้นอยู่กับสภาวะการขับขี่ในขณะนั้นๆ เป็นการลดการเผาผลาญเชื้อเพลิงลงครึ่งหนึ่ง ในช่วงที่ไม่จำเป็น แต่ยังคงซึ่งกำลังเท่าเดิม
ระบบ COD นี้จะทำงานตามเงื่อนไขดังต่อไปนี้ ขณะที่เครื่องยนต์ทำงาน อุณหภูมิของน้ำหล่อเย็นต้องไม่ต่ำกว่า 30 องศาเซลเซียส และระบบ COD จะทำงานได้นั้นต้องอยู่ในเกียร์ 3 ขึ้นไป โดยมีรอบเครื่องหมุนอยู่ระหว่าง 960 – 3,500 รอบ./นาที เข้าใจง่ายขึ้นก็คือ ระบบ COD จะชอบทำงานที่รอบเครื่องยนต์คงที่ อย่างเช่น การขับขี่ทางไกล รอบเครื่องไม่ค่อยสวิงไปมา
จากการทดสอบที่ความเร็วคงที่ประมาณ 100 กม./ชม.ระบบจะช่วยลดการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงลงไปราว 10% และเมื่อทดสอบร่วมกับระบบ Start – Stop จะช่วยให้มีอัตราสิ้นเปลืองลดลงไปราว 12%
Audi SQ7 TFSI 2021 ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ Tiptronic 8 สปีด และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Quattro อันเป็นเอกลักษณ์ โดยช่วงล่างแบบ Adaptive Air Suspension ที่รองรับการใช้งานในแบบ on road และ off road อยู่แล้ว ได้รับการเติมแต่งด้วยระบบ Electromechanical Active Roll Stability ทั้งด้านหน้า และด้านหลัง หรือเรียกง่ายๆ ว่าเหล็กกันโคลงแบบปรับเปลี่ยนค่าความแรงได้ ซึ่งปรับได้ 3 ระดับ โดยการใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเข้ามาเป็นตัวปรับเปลี่ยนค่าความแข็งของเหล็กกันโคลง เพื่อเป็นการลดอาการโยนตัวที่มีมากในรถประเภท SUV
นอกจากนี้ยังมีระบบ All Wheel Steering หรือระบบเลี้ยว 4 ล้อ โดยที่ความเร็วต่ำ ล้อหลังจะหักเลี้ยวในทิศทางตรงกันข้ามกับล้อหน้า (ไม่เกิน 5 องศา) เพื่อช่วยให้การเลี้ยวทำได้แคบลง เมื่อความเร็วสูงกว่า 60 กม./ชม.พร้อมมีการหักเลี้ยวเกิดขึ้น ล้อหลังจะเลี้ยวในทิศทางเดียวกับการหักเลี้ยวของล้อหน้า (ไม่เกิน 1.5 องศา) เพื่อรักษาผิวสัมผัสของหน้ายางให้ยึดเกาะได้เต็มที่