BMW 4-Series Convertible … 35 ปีแห่งการสืบทอดฐานะ Convertible จาก 3-Series รุ่นแรก
หลังจากการเปิดตัว BMW 4-Series เจนเนอเรชั่นใหม่อย่างเป็นทางการ ด้วยรูปลักษณ์ตัวถังสไตล์ Coupe เป็นที่เรียบร้อย … ก็ถึงเวลาต่อยอดครั้งใหม่ เพื่อเอาใจผู้ชื่นชอบยนตรกรรมสไตล์เปิดหลังคากันบ้าง กับโมเดลล่าสุดแห่ง The 4-Series ด้วย BMW 4-Series Convertible แบบ 4 ที่นั่ง
พัฒนาการที่เติบโตขึ้นของ BMW 4-Series Convertible
สำหรับ BMW ในรูปแบบตัวถังเปิดประทุน Convertible เจนเนอเรชั่นล่าสุด นั้นเรียกได้ว่ามีการเติบโต สู่ความเป็นยนตรกรรมระดับ Midsize อย่างชัดเจน นับตั้งแต่แยกจากกันเป็นครั้งแรกในเจนเนอเรชั่นที่ผ่านมา เพื่อกำหนดจุดยืนระหว่าง 4-Series และ 3-Series ที่มากับรูปแบบตัวถัง Sedan ซึ่งใน 4-Series เจนเนอเรชั่นล่าสุดนี้ยังเพิ่มความแตกต่างเข้าไปอีกขั้น เมื่อเทียบกับเจนเนอเรชั่นที่ผ่านมา
ด้วยส่วนของชุดหลังคาเปิดประทุนดีไซน์ใหม่แบบผ้าใบ Softtop ที่มาพร้อมกับการรวมเอา “ข้อดี” ของหลังคาแข็งเปิดประทุนแบบ Retractable Hardtop เข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว เช่น น้ำหนักที่เบากว่าถึง 40 เปอร์เซ็นต์ และสามารถเปิด หรือ ปิดด้วยไฟฟ้าได้เร็วกว่าเดิม ด้วยเวลาเพียง 18 วินาที ขณะที่รถกำลังวิ่งด้วยความเร็วไม่เกิน 31 ไมล์/ชม. หรือ 49 กม./ชม. ทั้งยังรวมไปถึงการช่วยนำเสนอความโดดเด่นในเรื่องของงงานดีไซน์ ที่เต็มไปด้วยส่วนผสมของความสปอร์ต และความหรูหราให้ชัดเจน
ภายใต้การกำหนดขนาดมิติตัวถัง ที่มีความยาว 4,768 มม. หรือยาวขึ้นกว่าเดิม 128 มม. ตามด้วยความกว้างที่ขยับไปอีก 27 มม. เป็น 1,852 มม. พร้อมความสูงที่ 1,384 มม. ขณะที่ความยาวของระยะฐานล้อได้มีการปรับเพิ่มขึ้นอีก 41 มม. เป็น 2,851 มม. กับความกว้างฐานล้อด้านหน้าที่มากขึ้น 28 มม. และด้านหลังที่ 18 มม. โดยวัตถุประสงค์ก็คือยกระดับสมรรถนะการควบคุมให้มีความสปอร์ต พร้อมการนำเสนอภาพลักษณ์บนท้องถนนที่สง่างามมากขึ้น จากดีไซยน์ฝากระโปรงหน้าที่ยาว และระยะโอเวอร์แฮ็งค์ที่สั้น รวมไปถึงการเลือกใช้ดีไซน์หน้าต่างแบบไร้กรอบ Frameless
ส่วนงานออกแบบยังคงมากับความโดดเด่น โดยเฉพาะมุมมองจากด้านหน้า ซึ่งประกอบด้วย ชุดกระจังหน้า BMW Kidney Grille แนวตั้งขนาดใหญ่ กินพื้นที่ไล่ลงมาถึงชุดกันชนหน้า ที่ดูราวกับการนำเอาจุดเด่นของยนตรกรรมยุคอดีตอย่าง BMW 328 และ BMW 3.0 CSi กลับมาปัดฝุ่นใหม่ให้มีความทันสมัยมากขึ้น รับกับเส้นสายที่ต่อเนื่องจากบนฝากระโปรง ตามด้วยการเพิ่มความน่าสนใจ จากชุดไฟหน้าแบบ LED ที่ฝังชุดไฟ Daytime Driving Lights แบบ Fibre-Optic รูปทรง U-Shaped ขณะที่ด้านล่างจะมากับช่องดักอากาศ ทั้ง 2 ฝั่ง พร้อมการติดตั้งชุดไฟตัดหมอกแบบ LED
ในมุมมองด้านข้างของ 4-Series Convertible แสดงออกถึงแนวเส้นที่ลาดต่ำ ที่ช่วยเน้นความทรงพลัง โดยเฉพาะเมื่อเปิดหลังจากการวางตำแหน่งของเบาะหลังที่มีระยะห่างมากขึ้น ขณะเดียวกันเมื่อปิดหลังคา เส้นสายโค้งจากแนวหลังคาเหนือห้องโดยสารอันสง่างาม จะช่วยสร้างความกระชับ ที่เกิดความโดดเด่น และสะดุดตามากขึ้น ต่อเนื่องไปถึงมุมมองด้านท้ายที่ประกอบด้วยชุดไฟท้ายดีไซน์เพรียวบางรูปทรง L-Shape เพิ่มความดุดันด้วยโทนสีเข้ม โดยมีด้านล่างที่มากับชุดกันชนอันแข็งแกร่ง เสริมด้วยชุด Diffuser และชุดท่อไอเสียทรงกลม Dual-Branch Tailpipes ประกบทั้ง 2 ฝั่ง
ห้องโดยสารภายในยังคงมากับมาตรฐานของ The 4-Series ที่เน้นความหรูหรา ผสมผสานด้วยความสปอร์ต และฟังค์ชั่นอำนวยความสะดวกสบายที่ครบครัน เช่น ชุดมาตรวัด และหน้าจอ Control Display ตามด้วยอารมณ์ความสปอร์ตจากเบาะนั่งแบบ Sports Seats ในคู่หน้า ส่วนวัสดุที่เลือกใช้มากับเกรดพรีเมี่ยมคุณภาพสูง เน้นโทนสีดำเงา High-Gloss Black ตัดสลับกับโทนสีขาวมุกแบบ Pearl-Effect Chrome และลายไม้ Fine Wood ตลอดจน Aluminium Mesh Effect โดยสามารถเลือกปรับเปลี่ยนได้ด้วยชุดแพคเกจ BMW Individual Interior Trim Strip
ตอบโจทย์ด้วยขุมพลัง หลากทางเลือก
สำหรับขุมพลังของ 4-Series Convertible เวอร์ชั่นมาตรฐานยังคงมีทางเลือกหลักเป็นเครื่องยนต์เบนซิน และดีเซล แบบ 4 สูบ และ 6 สูบ เสริมด้วยระบบอัดอากาศ BMW TwinPower Turbo พร้อมด้วยระบบ Mild Hybrid แบตเตอรี่ขนาด 48 โวลต์ ทำหน้าที่เป็น Starter-Generator เพื่อช่วยยกระดับประสิทธิภาพการประหยัดเชื้อเพลิง ตลอดจนระบบส่งกำลังที่ยังคงเป็นแบบเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด Steptronic
ประกอบด้วยรุ่นย่อย 420i Convertible เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ พิกัด 2.0 ลิตร พร้อม BMW TwinPower Turbo กำลัง 184 แรงม้า และแรงบิด 300 นิวตันเมตร กับอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ใน 8.2 วินาที ตามด้วยรุ่น 430i Convertible และ ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ พิกัด 2.0 ลิตร พร้อม BMW TwinPower Turbo ซึ่งมีเรี่ยวแรงสูงสุดที่ 258 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร กับการทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชมได้ใน 6.2 วินาที
โดยที่ฝั่งเครื่องยนต์ดีเซลจะเริ่มต้นด้วยรุ่น 420d Convertible พิกัด 2 ลิตร 4 สูบ BMW TwinPower Turbo กำลังสูงสุด 190 แรงม้า และแรงบิด 400 นิวตันเมตร กับอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ใน 7.6 วินาที ส่วนบล็อกใหญ่สุดจะอยู่ที่พิกัด 3.0 ลิตรแบบ 6 สูบในรุ่นย่อย 430d Convertible กับพละกำลังถึง 286 แรงม้า และแรงบิด 650 นิวตันเมตร พร้อมอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ใน 5.9 วินาที
ปิดท้ายด้วยรุ่นท็อปสุดแบบขับเคลื่อน 4 ล้อ BMW xDrive และมาพร้อมระบบส่งกำลังแบบเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด Steptronic Sport จะมีให้เลือกอีก 2 รุ่น คือ M440i xDrive Convertible เครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบ ขนาด 3.0 ลิตร พร้อมเทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo เจนเนอเรชั่นล่าสุด ซึ่งอัพเกรดพละกำลังข้นไปถึง 374 แรงม้า พร้อมแรงบิด 500 นิวตันเมตร และอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ใน 4.9 วินาที
ขณะที่เวอร์ชั่นดีเซลจะมากับรุ่นย่อย M440d xDrive Convertible พ่วงเทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo เช่นกัน พร้อมกำลังที่ไต่ขึ้นไปถึง 340 แรงม้า เช่นเดียวกับแรงบิดที่ขยับไปถึง 700 นิวตันเมตรเลยทีเดียว โดยมีอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ที่ทำได้ในเวลาเพียง 5.1 วินาที
