BMW 5-Series Saloon & Touring … พร้อมเกรดความสปอร์ต พร้อมตอบโจทย์สมรรถนะที่มากขึ้น
ค่ายใบพัดฟ้า-ขาว เผยรายละเอียดยนตรกรรมระดับเรือธง BMW 5-Series เวอร์ชั่นปรับโฉมใหม่ ส่งตรงสู่ผู้บริโภคด้วย 2 ทางเลือกตัวถังสุดหล่อ ทั้งแบบ Saloon และ Touring พร้อมการเสริมทัพด้วยตัวแรงสุดในสายเพื่อตอบโจทย์สุภาพบุรุษผู้ชื่นชอบความเร้าใจ
BMW 5-Series กับการยกระดับความสปอร์ตเต็มขั้น
สำหรับทั้ง 2 รุ่นตัวถังนั้นมีความโดดเด่นไม่แพ้กัน ด้วยการกำหนอดมิติตัวถังทั้งความกว้าง, ความสูง และฐานล้อที่เท่ากัน ยกเว้นขนาดความยาวของตัวรถที่ในเวอร์ชั่น Saloon ได้ถูกเพิ่มขึ้นอีก 27 มม. ขณะที่รุ่น Touring เพิ่มขึ้น 21 มม. ซึ่งทำให้ทั้ง 2 ตัวถังนั้นมีความยาวเท่ากันอยู่ที่ 4,963 มม.
งานดีไซน์รูปลักษณ์นั้นอัพเกรดความสปอร์ต ตั้งแต่ด้านหน้าซึ่งมากับชุดกระจัง BMW Kidney Grille ขนาดใหญ่ ประกบด้วยชุดไฟหน้าแบบใหม่ที่สะดุดตาด้วยชุดไฟ Daytime Driving Lights แบบ LED รูปทรง L-Shaped เช่นเดียวกับชุดไฟท้ายดีไซน์ใหม่รูปทรง L-Shaped อันโดดเด่นแบบ LED และลงตัวกับการออกแบบชุดท่อไอเสียทรงเหลี่ยม ทั้งยังมากับล้ออัลลอยด์ดีไซน์ใหม่ ที่มีขนาดให้เลือกตั้งแต่ 17-20 นิ้ว โดยในขนาด 20 นิ้วจะมากับไฮไลต์ด้านเทคโนโลยีการออกแบบที่เรียกว่า BMW Individual Air Performance Wheels ที่ช่วยเพิ่มศักยภาพด้านอากาศพลศาสตร์ ไปพร้อมๆ กับการลดน้ำหนักอีกด้วย
นอกจากนี้ยังปรับปรุงเรื่องของอากาศพลศาสตร์จนทำให้ได้ค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานที่ดีขึ้นเป็น 0.23 Cd ในรุ่น Saloon และ 0.26 Cd ในรุ่น Touring จากการติดตั้งระบบ Active Air Flap Control เพื่อทำหน้าที่ควบคุมการเปิด-ปิดของช่องดักอากาศที่กระจังหน้า รวมไปถึงการติดตั้งช่องดักอากาศทรงแนวตั้งไว้ที่มุมกันชนด้านหน้า
สำหรับภายในห้องโดยสารยังคงมีอารมณ์ของยนตรกรรมระดับหรู ควบคู่ไปกับความสปอร์ต ภายใต้แนวคิด Driver-Focused Cockpit Design พร้อมด้วยการติดตั้งออพชั่นอำนวยความสะดวกมาตรฐาน ที่แต่ละรุ่นย่อยนั้นก็จะมากับออพชั่น และสไตล์วัสดุการตกแต่ง ตลอดจนโทนสี ที่มีความแตกต่างกันไป
หลากหลายทางเลือก ด้าน “สมรรถนะ” อันเร้าใจ
จุดเด่นสำคัญที่ทำให้ The 5-Series เวอร์ชั่นล่าสุดมีความน่าสนใจก็คือ ทางเลือกขุมพลังที่ตอบโจทย์ได้อย่างหลากหลาย เริ่มต้นจากน้องใหม่สาย Plug-in Hybrid กับรุ่นย่อย 530e และ 530e xDrive ที่มากับเทคโนโลยี eDrive เจนเนอเรชั่นล่าสุด ซึ่งเป็นการทำงานระหว่างเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ และมอเตอร์ไฟฟ้า ที่มาพร้อมฟังค์ชั่น XtraBoost รวมกันสร้างพละกำลังสูงสุดได้ถึง 292 แรงม้า พร้อมแรงบิดสู.สุด 420 นิวตันเมตร ส่วนรุ่นท็อปสุดจะมากับรหัส 545e xDrive ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบ และมอเตอร์ไฟฟ้า รวมกันทำกำลังสูงสุดได้ถึง 394 แรงม้า พร้อมแรงบิดระดับ 600 นิวตันเมตร
ต่อเนื่องด้วยเวอร์ชั่นเครื่องยนต์เบนซิน พ่วงระบบอัดอากาศ BMW TwinPower Turbo ที่จะมีให้เลือกตั้งแต่รุ่นย่อย 520i แบบ 4 สูบ พิกัด 2 ลิตร พละกำลังสูงสุด 184 แรงม้า ตามด้วยรุ่นย่อย 530i และ 530i xDrive แบบ 4 สูบเช่นกัน แต่ขยับเรี่ยวแรงไปที่ 252 แรงม้า ปิดท้ายด้วยรหัสแรงจากรุ่นมาตรฐานกับ 540i และ 540i xDrive แบบ 6 สูบ พิกัด 3 ลิตร พร้อมกำลังสูงสุดระดับ 333 แรงม้า ส่วนของจริงต้องยกให้ M550i xDrive ขุมพลัง V8 พิกัด 4.4 ลิตร ที่มากับระบบ BMW TwinPower Turbo เจนเนอเรชั่นล่าสุด จัดสรรกำลังสูงสุดมาให้ใช้ที่ 530 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุดที่ 750 นิวตันเมตร
ด้านขุมพลังดีเซล ก็มากับการอัพเกรดขึ้นใหม่ ด้วยระบบฉีดจ่ายเชื้อเพลิง Common-Rail Direct Injection เจนเนอเรชั่นล่าสุด พร้อมระบบอัดอากาศแบบ BMW TwinPower Turbo และทางเลือกความเร้าใจที่หลากหลายเช่นกัน ตั้งแต่รุ่นย่อย 520d และ 520d xDrive แบบ 4 สูบ 2 ลิตร 190 แรงม้า ไล่มาเป็น 530d และ 530d xDrive แบบ 6 สูบ 3 ลิตร พละกำลัง 286 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 650 นิวตันเมตร ปิดท้ายด้วยตัวแรงสุดอย่าง 540d xDrive ที่มากับเรี่ยวแรง 340 แรงม้า และแรงบิดระดับ 700 นิวตันเมตร
ส่วนระบบส่งกำลังของทุกรุ่นจะมากับชุดเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด Steptronic อีกทั้งทุกรุ่นเครื่องยนต์ทั้งแบบ 4 สูบ และ 6 สูบ ยังได้รับการติดตั้งระบบ Mild Hybrid ขนาด 48 โวลท์ สำหรับช่วยเสริมสมรรถนะการออกตัว และอัตราเร่ง มาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ขณะที่ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อนั้นจะมีมาให้เฉพาะในรุ่นย่อย xDrive เท่านั้น