รีวิว : BMW 520d Touring Sport ในตระกูลของ BMW 5 Series ซึ่งมีความประหยัด หรูหรา สปอร์ต และ อเนกประสงค์

ความหรูหราที่เหมาะสำหรับการเดินทางแบบครอบครัว คงจะหนีไม่พ้นรถในสไตล์แวน 5 ประตูจากรถยนต์ค่ายหรูต่างๆ และหนึ่งในค่ายหรูที่โดดเด่นในเมืองไทยคงต้องเป็น BMW ที่มีชื่อเสียงมานานนมเรื่องสมรรถนะของขุมพลังและช่วงล่าง แต่ถ้าจะมองหาความประหยัด ความหรูหรา ความสปอร์ตและความอเนกประสงค์ เพิ่มเติมคงต้องมาค้นหาจาก BMW 520d Touring Sport ในตระกูลของ BMW 5 Series คันนี้แหละครับ

 

ตัวตนยังคงเดิม ความอเนกประสงค์เพิ่มขึ้น

เมื่อก่อนนี้จะหารถยนต์สไตล์แวน 5 ประตูจากค่าย BMW คงต้องไปพึ่งบริการจากโชว์รูมรถนำเข้า เพราะส่วนใหญ่ทาง BMW Thailand จะมุ่งเน้นรถยนต์นั่งหรู 4 ประตูมากกว่า แต่ในปัจจุบันปรับเกมส์การตลาด ส่งทั้งรถสปอร์ต รถอเนกประสงค์สไตล์หรูลงชิงส่วนแบ่งการตลาดระดับบน และ BMW 520d Touring Sport ก็เป็นอีกหนึ่งรุ่น ที่ได้รับความสนใจจากผู้บริโภคอย่างมาก ผมจึงขออนุญาติจาก BMW Thailand เพื่อมาทำการทดสอบ

 

 

BMW 520d Touring Sport

มาในรหัส F11 วิศวกรรมการออกแบบเป็นผลงานดีไซน์ ของ แอนเดรียน แวน ฮุยดอนค์ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นมือหนึ่งของการออกแบบจากแคว้นบาวาเรีย จึงทำให้เจ้า Touring คันนี้มีความลงตัวด้านการออกแบบเป็นอย่างมาก แถมการตกแต่งด้วยชุดแต่ง M Sport Package ที่มาพร้อมกับล้อ M Alloy Wheel Double Spoke 18” พร้อมยางรันแฟลท เพื่อความปลอดภัยสูงสุดในทุกรูปแบบของการขับขี่ ดังนั้นเจ้า BMW 520d Touring จึงเป็นทางเลือกใหม่ที่ละความจำเจของซีดานเดิมๆ ออกไปได้ชัดเจน

 

เกิดมาเพื่อการเดินทาง

ก้าวเข้าสู่ภายในการดีไซน์และการจัดวางอุปกรณ์ต่างๆ ไม่ได้ แต่ไปจากตัวซีดาน แต่ที่เพิ่มมาให้ คือ ระบบ Ambient Light ที่ช่วยเพิ่มบรรยากาศการขับขี่ยามค่ำคืน, ระบบปรับอากาศแบบ Climate Control พร้อมระบบกรองอากาศ Microfiber และ Active Carbon Filter, ระบบ Bluetooth เชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือ และระบบควบคุมสั่งการ iDrive แต่ส่วนที่ผมรู้สึกแตกต่างและชอบที่สุดคงเป็นส่วนของคอนโซลหน้าที่มีการตัดด้วยวัสดุลายคล้ายเคฟล่าสีบรอนด์เงินที่ดูแล้ว Sport และหรูหราในตัวชิ้นงานมากๆ ภายในของ Touring บ่งบอกถึงความอเนกประสงค์ ด้วยรูปแบบการวางเบาะนั่งผู้โดยสาร 5 ที่นั่ง สามารถพับเก็บในแบบต่างๆ เพื่อสะดวกในการบรรทุกสัมภาระที่มีขนาดใหญ่ หรือยาวมากๆ การจัดวางเบาะหลังแบบ 40-20-40 เหมาะมากกับการใช้งานในชีวิตประจำวัน หรือกิจกรรมในวันหยุดพักผ่อน

 

ระบบ “AUTO H”

คราวนี้มาดูเจ้าปุ่ม “AUTO H” ที่คอนโซลเกียร์ ระบบ “AUTO H” ช่วยเพิ่มความสะดวกสบาย เวลาขับรถในเมืองมากขึ้น เพราะระบบนี้ เมื่อรถหยุด และเหยียบเบรคค้างสักพัก ระบบจะทำการล็อคเบรคล็อกเกียร์ เราสามารถยกเท้าออกจากเบรคได้เลย โดยไม่ต้องคอยเลื่อนคันเกียร์ไปตำแหน่ง N เมื่อพร้อมออกตัวก็แค่แตะคันเร่ง ระบบจะปลดล็อคและพร้อมเดินทางต่อไปได้เลย ในส่วนฝาท้ายเปิด-ปิดด้วยไฟฟ้า ส่วนกระจกบังลมสามารถเปิด-ปิด ได้จากกุญแจรีโมททำให้ง่ายต่อการใช้งาน

 

มาตรฐานความประหยัดที่เกินบรรยาย

เราออกไปลองสมรรถนะของมาเครื่องยนต์ Advanced Diesel ขนาด 4 สูบ ความจุ 2.0 ลิตร ผลิตจากวัสดุอลูมิเนียมน้ำหนักเบาพร้อมด้วยเทคโนโลยีอัดอากาศแบบเทอร์โบแปรผันและเทคโนโลยีระบบฉีดน้ำมันด้วยหัวฉีดแม่เหล็กไฟฟ้า สามารถผลิตแรงบิดสูงสุด 380 นิวตันเมตรที่รอบเครื่องยนต์ 1,900-2,750 รอบ และกำลังสูงสุด 184 แรงม้า ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ 8HP 8 สปีด ในเรื่องอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ยังสามารถทำได้ระดับ 8 วินาที ส่วนความเร็วจาก 0-160 กม./ชม. ไหลลื่นอย่างต่อเนื่อง หลังจากนั้นจะค่อยๆ ไต่ระดับไปจนแตะที่ความเร็วประมาณ 200 กม./ชม. แต่ในวันที่ผมทดสอบรถเยอะแถมฝนตกอีกต่างหากเลยหาความเร็วสูงสุดที่แท้จริงยังไม่ได้ แต่ที่น่าสนใจ คือ ระบบเกียร์ นอกจากจะนิ่มนวลแล้ว จังหวะการเปลี่ยนเกียร์ยังต่อเนื่องและรวดเร็วมาก ถ้าลองสังเกตดูที่เข็มวัดรอบในจังหวะที่มีการเปลี่ยนเกียร์ เข็มวัดรอบจะตกลงมานิดเดียวจากรอบการตัดในจังหวะเปลี่ยนเกียร์

 

ส่วนเรื่องที่น่าสนใจสำหรับผม คือ อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง ผมใช้ระยะการทดสอบ 412 กม. ความเร็วเฉลี่ยประมาณ 110-120 กม./ชม. ใช้เงินเติมน้ำมันไป 665 บาท (ราคาน้ำมันดีเซลลิตรละ 30.83 บาท) ซึ่งต้องบอกว่าเทียบกับรถกระบะที่ว่าประหยัดในตลาดเมืองไทย รถหรูอเนกประสงค์คันนี้ประหยัดกว่าอีก และยังมีอัตราการคายไอเสียคาร์บอนไดอ๊อกไซด์เพียง 139 กรัมต่อกิโลเมตร ตามนการวัดค่าเฉลี่ย EU ด้วย

 

มั่นใจได้ทุกเส้นทาง

ระบบช่วงล่างมีการปรับปรุงให้ดีขึ้น โดยด้านหน้าแบบดูอัล-บอลจอยท์ ชอร์ท-ลอง อาร์ม ซึ่งจะใช้ปีกนกคู่ที่มีความยาวต่างกัน นอกจากได้รับความนุ่มนวลที่ดีเยี่ยม ยังทำให้หน้าสัมผัสของยาง สัมผัสพื้นถนนเต็มที่ในทุกสภาวะพื้นผิว ส่วนช่วงล่างด้านหลังแบบมัลติลิงค์ที่เน้นความนุ่มนวล และการยึดเกาะถนนเป็นหลัก ความสมดุลในการบังคับควบคุมที่ดี มาจากการกระจายน้ำหนักระหว่างหน้าและหลังที่ดี ในการผ่านโค้งต่างๆ ในช่วงการทดสอบผมก็ตอบได้เลยว่าเยี่ยมมาก แต่ในโค้งแคบๆ รถเกิดแรงเหวี่ยงมากๆ จะออกอาการอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ต้องห่วง เพราะระบบควบคุมการทรงตัวจะเข้ามามีบทบาทช่วยเหลือให้ตัวรถสามารถเข้าโค้งไปได้อย่างไม่ยากเย็นครับ

 

ในราคาค่าตัว 4,999,000 บาท ถ้ามาเฉลี่ยเป็นความคุ้มค่าสำหรับ BMW 520d Touring Sport ที่ให้ทั้งความหรูหรา ปลอดภัยทุกการเดินทาง สมรรถนะที่เปี่ยมล้นของเครื่องยนต์และช่วงล่าง หากผู้อ่านสนใจ BMW 520d Touring Sport จอดรอทุกท่านที่โชว์รูม BMW ทั่วประเทศ

แท็กยี่ห้อรถยนต์ : BMW

แท็กฮิต : , , , , ,