BMW i4 … ก้าวแรกแห่งการลุยตลาด “ซีดานพลังงานไฟฟ้า”
หลังจากเลียบๆ เคียงๆ ส่งยนตรกรรมพลังงไฟฟ้า ออกมาให้สาวกได้ลองสัมผัส ในที่สุดก็ถึงเวลาที่ค่ายใบพัดฟ้า-ขาวจะเข็นโปรดักส์ใหม่ล่าสุดออกมาสร้างความต่อเนื่องในสังกัดสาย BMW i ด้วยรุ่นย่อย BMW i4 ที่เผยรายละเอียดเบื้องต้นออกมาให้ชม ผ่านตัวเลือก 2 รุ่นย่อยมาตรฐาน คือ i4 eDrive40 และพระเอกของงานอย่าง i4 M50 ในฐานะยนตรกรรมพลังงานไฟฟ้าสมรรถนะสูงรุ่นแรกจาก BMW M GmbH ที่เปี่ยมด้วยคุณสมบัติอันโดดเด่น
เช่น ความกว้างขวางจากพื้นฐานตัวถังสไตล์ Gran Coupe ภายใต้งานดีไซน์ที่หรูหรา ประณีต ผสมผสานเข้ากับเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย ทั้งในส่วนของระบบความบันเทิง และระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ เหนืออื่นใดก็คือ ระบบขับเคลื่อนล่าสุดในชื่อ eDrive เจนเนอเรชั่นที่ 5 ซึ่งสร้างค่ามลพิษได้ในแบบที่เรียกว่าเป็น “ศูนย์” เพื่อให้คุณสมบัติทั้งหมดเหมาะสมกับคำว่า “Ultimate Driving Machine” อย่างแท้จริง
โดยเทคโนโลยี eDrive ของ BMW รุ่นล่าสุด คือ การรวมเอาความล้ำหน้าด้านเทคโนโลยีเข้าไว้ด้วยกัน ทั้ง มอเตอร์ไฟฟ้า และระบบส่งกำลังที่ถูกปรับให้มีขนาดกะทัดรัดมากขึ้น ขณะที่แบตเตอรี่แรงดันสูง ก็ถูกลดขนาดให้มีความสูงเพียง 4.3 นิ้ว และติดตั้งไว้ในตำแหน่งของพื้นรถ เพื่อสร้างจุดศูนย์ถ่วง และความคล่องตัวให้รถขณะขับขี่
รวมถึงทั้ง 2 รุ่นย่อยนั้นจะมากับจุดศูนย์ถ่วง (Center of Gravity) ที่ต่างกันอันมีผลมาจากระยะใต้ท้องรถที่ในรุ่น eDrive40 จะมากับความสูงขนาด 2.1 นิ้ว และในรุ่นย่อย M50 กับความสูงที่ 1.3 นิ้ว นอกจากนี้ก็มีการอัพเกรดระบบอิเล็กทรอนิกส์ และระบบการชาร์จไฟใหม่ประสิทธิภาพสูงขึ้นอีกด้วยเช่นกัน
ต่อเนื่องด้วยส่วนของโครงสร้างตัวถังแม้จะใช้พื้นฐานเดียวกับ BMW 4 Series แต่ก็มีการออกแบบใหม่ให้มีความแข็งแกร่ง พร้อมด้วยการเลือกใช้แชสซีร์ที่ล้ำสมัย โดยเฉพาะในรุ่นย่อย M50 ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นที่เน้นการถ่ายทอดสมรรถนะสุดเร้าใจ ด้วยเรี่ยวแรงสูงสุดถึง 536 แรงม้า ซึ่งแยกเป็นมอเตอร์ไฟฟ้าด้านหน้า 255 แรงม้า และด้านหลังอีก 308 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุดถึง 794 แรงม้า
โดยส่วนหนึ่งมาจากการเลือกใช้ฟังค์ชั่น Sport Boost ที่ออกแบบมาให้เป็นพิเศษ เมื่อขับขี่ด้วย Sport Mode ซึ่งจะได้พละกำลังเพิ่มเติมขึ้นมาอีก 67 แรงม้า พร้อมแรงบิด 65 นิวตันเมตร ขณะที่เวอร์ชั่นมาตรฐานอย่าง eDrive40 จะมากับการขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าในด้านหลัง ซึ่งมีพละกำลังสูงสุด 335 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 430 นิวตันเมตร
โดยทั้ง 2 รุ่นย่อยจะใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ลิเธียม ไอออน ขนาด 83.9 กิโลวัตต์ พร้อมด้วยความสามารถในการชาร์จกระแสไฟแบบ DC ระดับ 200 กิโลวัตต์ ที่เคลมว่าใช้เวลาเพียง 30 นาทีก็มีระยะทางที่ขับขี่เพิ่มเติมได้ประมาณ 48 – 380 กม. ขณะที่การชาร์จกระแสไฟ AC Level 2 ขนาด 11 กิโลวัตต์ จนเต็ม 1 ครั้งนั้นใช้เวลาอยู่ที่ราวๆ 8 ชั่วโมง ซึ่งในรุ่นย่อย eDrive40 นั้นสามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 5.7 วินาที พร้อมระยะทางสูงสุด คือ 590 กม. ขณะที่รุ่นย่อย M50 จะมากับความดุเดือดขึ้นด้วยตัวเลข 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 3.9 วินาที กับระยะทางสูงสุดที่ลดทอนลงมาเหลือ 510 กม.