BMW i8 … Classic of the Future
การยุติไลน์ผลิตของ BMW i8 เมื่อเดือนมิถุนายน ปี 2020 ที่ผ่านมา คือ อีกหนึ่งเรื่องฮือฮา ที่มาพร้อมกับสถานะ “ดราม่า” ในโลกแห่งยนตรกรรม โดยเฉพาะสำหรับเหล่า Bimmer ทั่วโลก ขณะที่ผู้ดูแลคอลเลคชั่นรถยนต์คลาสสิกขนาดใหญ่แห่ง BMW Group Classic นั้น “ตื่นเต้น” กับการได้ต้อนรับสมาชิกใหม่ ซึ่งเปี่ยมด้วยความสง่างาม ผสมผสานด้วยความล้ำสมัย ที่ก่อกำเนิดเกิดเป็นความโดดเด่น “เหนือกว่า” รถรุ่นใหม่เกือบทุกคันในยุคนี้
ด้วยคุณสมบัติจากอนาคตที่เต็มไปด้วยความล้ำสมัย ตั้งแต่เริ่มต้นการผลิตในปี 2014 สืบสานต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ทำให้ทั้ง i8 Coupe และ Roadster ได้กลายเป็นยนตรกรรม ซึ่งถือได้ว่าเป็นตัวแทนของยานยนต์แห่งอนาคต ผ่านการออกแบบอันซับซ้อนตามหลักอากาศพลศาสตร์ ภายใต้แนวคิด BMW Vision EfficientDynamics
เพื่อนำเสนอต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรกในงานแสดงรถยนต์นานาชาติปี 2009 (IAA) ณ เมืองแฟรงก์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนี ด้วยจุดเด่นทั้งในเรื่อง “สมรรถนะ” อันเป็นหัวใจหลักของรถสปอร์ตจากแบรนด์ BMW ในการเน้นย้ำเรื่อง “สุนทรียภาพแห่งการขับขี่” ผสมผสานด้วยการ “ประหยัดพลังงาน” จากองค์ประกอบสำคัญ เช่น
“แชสซีร์ และตัวถัง” ที่เรียกได้ว่าเป็นการปฏิวัติทางเทคโนโลยี ด้วยพื้นที่ Cockpit ซึ่งทำจากโพลีเมอร์เสริมคาร์บอนไฟเบอร์ (CFRP) รวมเข้ากับโครงอะลูมิเนียม เพื่อสร้างความสมบูรณ์แบบในส่วนของ “โครงสร้างน้ำหนักเบา” รวมไปถึงความสามารถในการกระจายน้ำหนักอย่างสมบูรณ์แบบที่ 50:50 จากตำแหน่งการวางแบตเตอรี่บริเวณพื้นรถ เพื่อทำให้มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ และสร้างแรงยึดเกาะถนนที่ยอดเยี่ยมที่สุด
“ขุมพลังขับเคลื่อน” เป็นหน้าที่ของเครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบขนาดเล็ก เสริมด้วยเทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo ส่งกำลังไปยังล้อหลัง โดยมีทัพเสริมเป็นมอเตอร์ไฟฟ้ารับผิดชอบในส่วนล้อหน้า เพื่อรองรับการถ่ายทอดเรี่ยวแรงระดับ 369 แรงม้า แถมด้วยความสามารถในการทำความเร็วสูงสุดได้ถึงราวๆ 75 ไมล์/ชั่วโมง (120 กม./ชม.) และขับขี่ได้ไกลถึง 50 กม. หากใช้โหมดไฟฟ้าในการขับขี่ ทั้งยังหมายถึงการไม่ปล่อยมลพิษใดๆ ทั้งสิ้นในพื้นที่เลยทีเดียว
นอกจากนี้ i8 ยังพิสูจน์ให้เห็นถึง “ความสามารถในการสร้างรถสปอร์ต และสร้างความยั่งยืนได้พร้อมกัน จากการเลือกใช้วัสดุธรรมชาติ” มาเป็นองค์ประกอบ เช่น วัสดุหนังที่ฟอกด้วยสารสกัดจากใบต้นมะกอก, สิ่งทอนวัตกรรมใหม่ที่ใช้เม็ดโพลีเอสเตอ ร์ซึ่งส่วนหนึ่งมาจาก PET รีไซเคิล ตลอดจนวัสดุอลูมิเนียมที่ส่วนใหญ่ได้มาจากการรีไซเคิลอีกด้วย
รวมไปถึงการแสดงความล้ำหน้าทางเทคโนโลยี นับตั้งแต่การเปิดตัวด้วยการ “เป็นรถโปรดักชั่นคันแรกของโลกที่สามารถติดตั้งไฟหน้าแบบเลเซอร์ เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน” ซึ่งมีคุณสมบัติอันโดดเด่นก็คือ ช่วยลดการใช้พลังงานของระบบไฟ ขณะเดียวกันก็ให้แสงสว่างที่มากกว่า เพื่อช่วยยกระดับความปลอดภัยในการขับขี่ให้มากขึ้นไปอีกขั้นเช่นกัน
และจากความโดดเด่นด้านคุณสมบัติอันเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร “ส่งผลให้ i8 กลายเป็นรถยนต์เพียงไม่กี่คัน ที่ได้รับการยอมรับในฐานะไอคอนแห่งยุค ตั้งแต่ยังอยู่ในสายพานการผลิต จากแนวคิดการผสมผสานความเป็นรถสปอร์ต Coupe และ Roadster ซึ่งบุกเบิกสร้างแบรนด์ ผ่านนวัตกรรมโดดเด่น และดีไซน์ล้ำสมัย” จนทำให้ “มาร์ค ธีสเบอร์เกอร์ นักประวัติศาสตร์สายรถยนต์ และการแข่งขันรถจาก BMW Group Classic ฟันธงอย่างชัดเจนว่าในอีกไม่เกิน 20 ปี รถรุ่นนี้จะกลายเป็นรถคลาสสิคแน่นอน”