ก้าวสำคัญของ BMW กับการเปลี่ยนโลโก้ใหม่ … สื่อวิสัยทัศน์อนาคตสู่ “โลกดิจิตอล”
เมื่อเร็วๆ นี้ BMW แบรนด์ยนตรกรรมระดับโลกสัญชาติเยอรมนี ที่ชาวโลกรู้จักกันดี ทำเซอร์ไพรส์ครั้งใหญ่ในรอบกว่า 20 ปี กับการเปลี่ยนตราสัญลักษณ์ใหม่จากที่คุ้นเคย ด้วยการยกระดับงานดีไซน์ขึ้นไปอีกขั้น บนพื้นฐานแห่งความ “เรียบง่าย” สไตล์ 2 มิติ กับการโบกมือลารูปแบบ 3 มิติดั้งเดิม
ที่ประกอบด้วยรายละเอียดของ “แสง และ เงา” ตลอดจนพื้นที่ส่วนสีดำบริเวณวงแหวนรอบนอกของตราสัญลักษณ์ เพื่อสร้างลักษณะใหม่ที่โปร่งใส และมีเพียงตราสัญลักษณ์โทนสี “ฟ้า-ขาว” อันเป็นโทนสีธงชาติประจำรัฐบาวาเรีย ซึ่งเป็นบ้านเกิดของแบรนด์ BMW นั่นเอง
BMW คือ แบรนด์ที่ถือกำเนิดขึ้นมาตั้งแต่ปี 1916 จาก Rapp Motorenwerke ผู้ผลิตเครื่องยนต์สำหรับอากาศยาน โดยผู้ก่อตั้งชื่อ Friedrich Karl Rapp ก่อนจะกลายมาเป็น BMW (Bayerische Motoren Werke) ในปี 1917 และให้กำเนิดตราสัญลักษณ์รุ่นแรกขึ้นจากภาพของใบพัดเครื่องบินขณะกำลังหมุน และรวมเข้ากับสีฟ้า และสีขาว ซึ่งเป็นสีธงชาติประจำรัฐบาวาเรีย เป็นโทนสีหลัก
โดยหากนับตั้งแต่จุดเริ่มต้นของตราสัญลักษณ์ในปี 1917 จนถึงปัจจุบัน 2020 นับเป็นระยะเวลาถึง 103 ปีแล้วของแบรนด์ BMW และมีการเปลี่ยนแปลงให้เห็นถึง 6 ครั้ง หลังจากปี 1917 คือ ปี 1933 ที่ยังคงมีลักษณะที่ใกล้เคียงกัน ยกเว้นความต่างในเรื่องของตัวอักษร BMW และขอบวงกลมโทนสีทองที่ออกแบบให้มี “ความหนา” ขึ้นจากเดิม
ก่อนจะหายไปในการเปลี่ยนแปลงช่วงปี 1953 ที่ปรับเปลี่ยนโทนสีทองให้กลายเป็นโทนสีขาว พร้อมด้วยการ “เปลี่ยน” ตัวอักษรใหม่ให้มีขนาดที่ “บาง” ลง จนกระทั่ง 10 ปีต่อมา คือ 1963 ก็มีการเปลี่ยนแปลงอีกครั้งในส่วนของตัว “อักษร BMW” รวมถึงขนาดของกรอบวงแหวน
และยึดถือตราสัญลักษณ์รูปแบบนี้ต่อเนื่องมาจนถึงปี 1997 ที่เพิ่มเติมสไตล์ 3 มิติเข้าไป ด้วย “แสง เงา” ยาวนานมาถึงปัจจุบัน ก่อนที่จะสร้างข่าวใหญ่ล่าสุดในปีนี้ 2020 หรือ 23 ปีต่อมาจากการปรับดีไซน์ตราสัญลักษณ์แบรนด์ BMW ครั้งล่าสุด ซึ่งคงไว้เพียงโทนสี “ฟ้า-ขาว” อันเป็นโทนสีธงชาติประจำรัฐบาวาเรีย
และนำเสนอผ่านการเปิดตัวครั้งแรกของรถต้นแบบ BMW Concept i4 ยนตรกรรมพลังงานไฟฟ้า ที่วางแผนการผลิตเพื่อจำหน่ายจริงในปี 2021 เพื่อนำเสนอย่างก้าวใหม่ของแบรนด์ BMW ที่ตอบรับสู่ยุคสมัยใหม่แห่งโลกดิจิตอลมากขึ้น และเราจะเห็นตราสัญลักษณ์ใหม่ได้นับจากนี้ทั้งใน BMW รุ่นมาตรฐาน หรือสายพันธ์สมรรถนะสูงอย่าง BMW M ไปจนถึงยนตรกรรมสุดล้ำด้านเทคโนโลยีเช่น BMW i