BMW Motorrad กับ 5 เรื่องราวเดินทางไกล กระตุ้นแรงบันดาลใจท่องโลก
ในชั่วอายุของมนุษย์ซักคน อาจมีซักครั้ง หรือหลายครั้งที่ “ความคิดอยากเดินทางไกล” แว่บเข้ามาในสมอง ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลสนับสนุนใดๆ ก็ตาม ทั้งความสุข, ความเศร้า, ความท้าทาย หรืออาจจะมาจาก “แรงบันดาลใจของนักผจญภัยซักคน … ฉะนั้นในระหว่างที่ยังไม่มีโอกาสได้ไปไหน ลองมาดูหนังสือ หรือ ภาพยนตร์บันทึกการเดินทางของบุรุษ 2 ล้อเหล่านี้ เพื่อปลุกไฟในการเดินทางให้ลุกโชนขึ้นมาอีกครั้ง เพราะใครจะรู้ … การเดินทางครั้งต่อไปของคุณหลังเหตุการณ์สงบอาจเกิดขึ้นบนหลังมอเตอร์ไซค์ BMW Motorrad ก็เป็นได้ !!!
Helge Pedersen สิบปีแห่งการเดินทาง 2 ล้อ
(Helge Pedersen) เฮลเก้ เพเดอร์เซ็น นักบิดชาวนอร์เวย์ ต้นตำรับของการเดินทางท่องโลกด้วย 2 ล้อ ซึ่งทำความฝันของเขาให้เป็นจริง เมื่อ BMW Motorrad เปิดตัว R 80 G/S มอเตอร์ไซค์แอดแวนเจอร์รุ่นแรกของโลกในปี 1980 ที่ทำให้เฮลเก้ขายทุกอย่าง และสั่งรถหนึ่งในสองคันแรกจากโรงงานในกรุงเบอร์ลิน พร้อมตั้งเป้าหมายว่าจะเดินทางไกลตามใจปรารถนา โดยไม่มีโจทย์ในใจว่าต้องไปถึงไหน แต่รู้อย่างเดียวว่าอีกนานถึงจะกลับมานอร์เวย์
การเดินทางของหนุ่มวัย 27 ปี ผู้มีความฝัน เริ่มต้นขึ้นในปี 1982 โดยมอเตอร์ไซค์คู่ใจชื่อ “โอลกา” และกินเวลานานถึง 10 ปี ผ่านระยะทางรวมมากกว่า 400,000 กิโลเมตร ในเส้นทางอันห่างไกล สู่เมืองต่างๆและผู้คนที่ไม่คุ้นเคยทั้งในจีน ปากีสถาน แอฟริกา รัสเซีย และที่อื่นๆ รวม 77 ประเทศ
ทั้งยังใช้ทักษะการถ่ายภาพ และนักข่าว พร้อมการทักษะการสื่อสารที่ทำได้ถึง 4 ภาษา คือ ภาษานอร์เวย์, อังกฤษ, สเปน และเยอรมัน สร้างรายได้ระหว่างท่องโลก ผ่านการเขียน, ถ่ายภาพนิ่ง และวิดีโอ ตลอดเส้นทาง เพื่อแบ่งปันประสบการณ์, เรื่องราวผู้คน, วัฒนธรรม และบ้านเมืองอันไม่คุ้นเคยในที่ต่างๆ รอบโลก รวมไปถึงการเขียนบทความลงนิตยสารทั้งสายมอเตอร์ไซค์ และนิตยสารสารคดีที่มีผู้ติดตามอ่านทั่วโลกอีกด้วย
หลัง 10 ปีแห่งการท่องโลก เฮลเก้เขียนหนังสือเรื่อง “10 Years on 2 Wheels” จนกลายเป็นหนังสือ Best Seller ที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ใฝ่ฝันจะเดินตามรอย แต่นั่นไม่ใช่จุดจบของการเดินทางซะทีเดียว เพราะต้นทศวรรษที่ 1990 เขาย้ายจากนอร์เวย์มาปักหลักที่ซีแอตเติล สหรัฐฯ แล้วตั้งบริษัททัวร์ด้วยมอเตอร์ไซค์ชื่อ GlobeRider เพื่อพาผู้รักการท่องเที่ยวผจญภัยท่องไปในที่แปลกใหม่ต่างๆ ที่ยังไม่มีผู้ไปเยือนมาก่อนด้วยมอเตอร์ไซค์ เพื่อสานต่อความฝันให้กับทั้งผู้ชื่นชอบการเดินทาง และตัวเขาเองต่อไป
หนังสือ : 10 Years on 2 Wheels
มอเตอร์ไซค์คู่ใจ : BMW R 80 G/S
Neil Peart การออกเดินทางเพื่อเยียวยาใจ
สำหรับบางคนการออกเดินทาง คือ วิถีแห่งการเยียวยาจิตใจ และนั่นคือเรื่องราวของ Neil Peart มือกลอง และนักแต่งเพลงระดับตำนานแห่ง Rush วงดนตรีแนว Progressive Rock ยุคบุกเบิก ซึ่งหลังจากสูญเสียลูกสาวคนเดียวไปด้วยอุบัติเหตุรถยนต์ และภรรยาสุดที่รักต้องจากไปด้วยโรคมะเร็งภายในเวลาห่างกันไม่ถึง 10 เดือน ในปี 1998 ทำให้ Neil Peart จึงตัดสินใจหันหน้าออกจากหุบเหวแห่งความโศกเศร้า และเริ่มต้นการเดินทางครั้งสำคัญอย่างไร้จุดหมาย ที่ต่อมากินระยะทางถึง 88,500 กิโลเมตร
การเดินทางเพื่อตามหาความสงบในใจของนักดนตรีหนุ่ม ที่ควบขี่มอเตอร์ไซค์คู่ใจจากทวีปอเมริกาเหนือ เลาะเรื่อยมาประเทศเม็กซิโก และย้อนกลับ ถูกบันทึกเอาไว้ในหนังสือเรื่อง Ghost Rider : Travels on the Healing Road พร้อมกัยหลายคนที่ได้เดินทางผ่านตัวหนังสือร่วมกับเขา ในการผจญภัยจากภูเขาสู่มหาสมุทร จากทะเลทรายสู่ดินแดนขั้วโลก ที่เราต้องชื่นชมว่าหนังสือเล่มนี้เป็นบันทึกความทรงจำจากมุมมองผู้เขียนที่ดีที่สุดเล่มหนึ่ง
โดยในเวลาต่อมา Neil Peart ได้พูดถึงความทรงจำในช่วงเวลานั้นว่า BMW R1100GS คือ มอเตอร์ไซค์ที่เปลี่ยนชีวิตของเขา ด้วยการพาเขาเดินทางผ่านช่วงเวลาแห่งความโศกเศร้าสู่การค่อยๆ เยียวยา และหลังจากเดินทางมาครบ 100,000 ไมล์ ด้วยมอเตอร์ไซค์คันนี้ ซึ่งเป็นมอเตอร์ไซค์ตระกูล GS คันแรกในบรรดา 7 คันที่เขามี พร้อมกับตั้งชื่อเรียกเล่นๆ ว่าแก๊ง Geezers ก็ได้ถูกนำไปจัดแสดงที่ AMA Motorcycle Hall of Fame สหรัฐฯ ส่วน Neil Peart เองก็ได้กลับมาเล่นดนตรีอีกครั้ง และสร้างครอบครัวใหม่ ทั้งยังต่อสู้กับโรคมะเร็งสมองอยู่ถึง 3 ปี ก่อนจะเสียชีวิตด้วยวัย 67 เมื่อปี 2020
หนังสือ : Ghost Rider : Travels on the Healing Road
มอเตอร์ไซค์ : BMW R1100GS
Benka Pulko ขี่มอเตอร์ไซค์ไม่เป็นแล้วไง ถ้ามั่นใจก็ลุยเลย!
Benka Pulko เป็นสาวชาวสโลวีเนีย ที่หลังจากเรียนจบด้านชีววิทยา เธอเริ่มอาชีพนักการศึกษาก่อนจะผันตัวไปเป็นนักนวดบำบัด ซึ่งอยู่ดีๆ ก็มีความคิดแว่บเข้ามาในหัวสมอง ขณะที่เธอกำลังนอนมองเพดานว่า “อีกไม่นานก็จะอายุ 30 แล้ว ฉันจะออกเดินทางรอบโลก ด้วยมอเตอร์ไซค์!” ภายใต้ก็มีปัญหาเล็กๆ เท่านั้น ตรงที่ตอนนั้นเธอยังขี่มอเตอร์ไซค์ไม่เป็น
แต่ถ้าเราตั้งใจ อะไรก็ทำได้ ซึ่งภายในเวลา 5 เดือนหลังจากนั้น หญิงสาวผู้ขี่มอเตอร์ไซค์ไม่เป็น และไม่มีมอเตอร์ไซค์เป็นของตัวเอง ก็เริ่มการเดินทางที่กินเวลายาวนานถึง 5 ปีครึ่ง ผ่าน 75 ประเทศใน 7 ทวีป โดยก่อนที่จะตัดสินใจออกเดินทาง Benka ได้รับอิสระในฐานะมือใหม่ที่จะทดลองขี่มอเตอร์ไซค์ทุกรุ่น ทุกยี่ห้อ เพื่อหารถที่เหมาะกับเธอที่สุด และผู้ที่ผ่านเข้ารอบสุดท้ายก็คือ BMW F650 ที่เธอบอกว่าขี่สบาย ควบคุมได้ง่าย และทำให้ตัวเองรู้สึกมั่นใจมากที่สุด
Benka ออกเดินทางจากบ้านเกิดที่ประเทศสโลวีเนีย เมื่อ 19 มิถุนายน 1997 ด้วยมอเตอร์ไซค์ BMW F650 และกลับบ้านอีกครั้งในวันที่ 10 ธันวาคมปี 2002 พร้อมถูกจารึกชื่อไว้ใน Guinness World Record ด้วยฐานะผู้หญิงที่ขี่มอเตอร์ไซค์บินเดี่ยวเป็นระยะไกลที่สุด (180,015 กิโลเมตร) และยาวนานที่สุด (2,000 วัน) แถมเธอยังเป็นผู้หญิงคนแรกที่ขี่มอเตอร์ไซค์ไปถึงขั้วโลกใต้ และเป็นผู้หญิงคนแรกที่ขี่มอเตอร์ไซค์คนเดียวข้ามประเทศซาอุดีอาระเบียอีกด้วย
หนังสือ: Circling the Sun
มอเตอร์ไซค์: BMW F650
Kevin และ Julia Sanders ท่องโลกติดสปีด
การเดินทางรอบโลกอาจเป็นความฝันของใครหลายๆ คน ซึ่งขณะที่บางคนทำได้แค่ฝัน แต่ Kevin และ Julia Sanders ได้ทำมันให้สำเร็จ…แบบใช้เวลาน้อยที่สุดในโลกอีกต่างหาก
Kevin และ Julia Sanders เป็น 2 สามีภรรยาชาวอังกฤษที่เคยเดินทางท่องเที่ยวทวีปอเมริกาใต้ด้วย BMW R80GS มอเตอร์ไซค์ในตำนานแห่งยุค 1980 อยู่แล้ว และเมื่อ Kevin คิดขึ้นมาว่า เขาจะออกเดินทางรอบโลก พร้อมกับภรรยา การออกเดินทางในเดือนมิถุนายนปี 2002 ก็เกิดขึ้น ซึ่งพวกเขาเลือกใช้มอเตอร์ไซค์ BMW R1150GS มอเตอร์ไซค์ตระกูล GS ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นที่สุดของสายแอดเวนเจอร์ เดินทางอย่างต่อเนื่อง ด้วยระยะทางเฉลี่ยวันละ 1,600 กิโลเมตร เป็นระยะทางรวม 31,319 กิโลเมตร และไปสิ้นสุดการเดินทางภายในเวลา 19 วัน 8 ชั่วโมง 25 นาที นับเป็นการเดินทางรอบโลกที่ใช้เวลาน้อยที่สุด เร็วกว่าสถิติที่ Nick Sanders (ซึ่งบังเอิญนามสกุลเหมือนกัน) ทำไว้เมื่อปี 1997 ถึง 12 วันครึ่ง
สถิติโลกรายการแรกของพวกเขา ยังเร็วกว่าสถิติการเดินทางรอบโลกด้วยรถยนต์ที่มีคนผลัดกันขับ 2 คนอยู่ 1 ชั่วโมง 50 นาที อีกด้วย แถมจิตวิญญาณแห่งนักเดินทาง ยังทำให้ Kevin และ Julia ออกเดินทางไกลอีกครั้งในปีต่อมา และคว้าสถิติ Guinness World Record ที่ 2 มาครอง ในฐานะนักเดินทางข้ามทวีปอเมริกา จากอลาสกาไปถึงอาร์เจนตินา โดยใช้เวลา 35 วัน เร็วกว่าสถิติเดิม 12 วัน จากนั้นทั้งคู่จึงได้ตั้งบริษัททัวร์ด้วยมอเตอร์ไซค์ GlobeBusters ขึ้นในปี 2004 และจับมือกับช่องรายการโทรทัศน์ National Geographic พานักบิดอีก 11 คน ออกเดินทางเพื่อถ่ายทำสารคดีเรื่อง The Ride: Alaska to Patagonia ในปี 2005 การเดินทางออกจากอลาสกาไปยังสุดปลายแหลมของทวีปอเมริกาใต้ครั้งนี้ไม่ใช่เพื่อสถิติ แต่เพื่อถ่ายทอดประสบการณ์การสำรวจโลกที่น่าจดจำอีกด้วย
หนังสารคดี : The Ride: Alaska to Patagonia
มอเตอร์ไซค์ : BMW R1150GS
Ewan McGregor และ Charley Boorman ฝันให้ไกลแล้วต้องไปให้ถึง!
เมื่อพูดถึงการเดินทางด้วยมอเตอร์ไซค์ คงไม่มีใครไม่รู้จักหนังสือบันทึกการเดินทางเรื่อง Long Way Round ของสองหนุ่มนักแสดง Ewan McGregor และ Charley Boorman ที่กลายมาเพื่อนซี้ เพราะคลั่งมอเตอร์ไซค์เหมือนกัน
โดยก่อนจะออกทริปได้ทั้งคู่ต้องจัดการกับคิวงานอันแสนแน่น และวิ่งวุ่นหาสปอนเซอร์ตามประสา Celebrity ทำให้ทริปของพวกเขาจึงต่างจากทริปล่าฝันสองล้อทั่วๆ ไป ตรงที่เป็นการเดินทางพร้อมอุปกรณ์จัดเต็ม (เท่าที่ทำได้) โดยดาราดัง ซึ่งมีกล้องคนละสองตัว ตัวหนึ่งติดที่หมวกกันน็อก อีกตัวถอดออกมาถือได้ พร้อมทั้งยังมีจอเล็กๆ ติดที่แฮนด์บาร์เอาไว้มองภาพที่ถ่าย แถมยังมีทีมช่างภาพอาชีพคอยบันทึกภาพนักขับ และทิวทัศน์อันสวยงามเสริมอีกแรง
พวกเขาออกเดินทางด้วย BMW R1150GS ซึ่งเริ่มต้นจากลอนดอนลัดเลาะผ่านทวีปยุโรปไปยูเครน, คาซัคสถาน, มองโกเลีย, รัสเซีย ก่อนจะข้ามมหาสมุทรมาทวีปอเมริกาเหนือ จากนั้นก็เริ่มที่อลาสก้า ผ่านแคนาดา และมุ่งสู่จุดหมายปลายทางที่นิวยอร์ก สหรัฐฯ ก่อนบินกลับสู่ลอนดอนอีกครั้ง
การเดินทางครั้งนี้ทำระยะทางไว้ 31,000 กิโลเมตร และถูกถ่ายทอดออกมาเป็นหนังสือบันทึกการเดินทางที่ Ewan McGregor และ Charley Boorman ผลัดกันเล่าเรื่องราวอย่างสนุกสนาน จนการอ่าน Long Way Round เป็นเหมือนการได้ร่วมเดินทางไปกับทั้งคู่ด้วย อีกทั้งยังจะกลายเป็นแรงบันดาลใจ และแรงกระตุ้นให้นักล่าฝันทั้งหลาย ลุกขึ้นมาทำฝันให้เป็นจริงกันซักที