ฟิล์มกรองแสงรถยนต์ มีกี่ประเภท แต่ละเบอร์แตกต่างกันอย่างไร

การที่จะติดฟิล์มกรองแสงรถยนต์ บางคน บางคัน อาจจะไม่ใส่ใจอะไรมากมายนัก โดยเฉพาะการออกรถยนต์ใหม่ป้ายแดง ที่มักจะได้ฟิล์มเป็นของแถมมา แต่ถ้าหากจะไปติดฟิล์มเองทั้งที ก็น่าจะเลือกฟิล์มรถยนต์ที่เหมาะสมกับราคาและคุณภาพดีกว่า

ประเภทของฟิล์มกรองแสงรถยนต์

– ฟิล์มรถยนต์แบบย้อมสี (Deep Dye or Chip Dye Window films) เป็นฟิล์มรถยนต์ที่ราคาถูกที่สุด และคุณภาพแย่ที่สุด ฟิล์มประเภทนี้จะสีจะซีดและสีจะเพี้ยนค่อนข้างไว ตอนติดใหม่ๆฟิล์มจะมีสีดำ แต่เวลาติดไปนานๆเข้า ฟิล์มจะเปลี่ยนเป็นสีม่วง ที่สำคัญ ฟิล์มรถยนต์แบบย้อมสีนั้นจะกันแต่แสง แต่ไม่กันความร้อน และรังสีUV

-ฟิล์มรถยนต์แบบฉาบไอโลหะ (Metallized Evaporation Window Films) หรือที่ภาษาตลาดฟิล์มกรองแสงบ้านเราเรียกกว่า “ฟิล์มปรอท” ( แต่ความจริงฟิล์มแบบนี้ไม่มีปรอทผสมอยู่เลย) ฟิล์มรถยนต์แบบฉาบปรอทแบบนี้จะกันร้อนได้ดีมากพอสมควร ในราคาที่ไม่แพงมาก ผิวฟิล์มจะมีความมันเงา เงามากหรือเงาน้อยก็แล้วแต่กระบวนการผลิต ซึ่งก็เป็นที่นิยมในตลาดฟิล์มรถยนต์บ้านเรา ให้ความเป็นส่วนตัว และกันร้อนได้ดี

 

 

-ฟิล์มรถยนต์แบบเคลือบอนุภาคโลหะ( Metal Sputtering Window Films ) กระบวนผลิตการจะคล้ายๆ ฟิล์มแบบฉาบไอโลหะ แต่จะฉาบโลหะด้วยวิธี sputtering แต่ตัวเนื้อฟิล์มจะเงาน้อยกว่า ผลที่ได้คือจะได้ฟิล์มรถยนต์แบบใสที่คุณภาพการกันร้อนสูง แต่ก็ตามมาด้วยราคาที่สูงเช่นเดียวกัน

-ฟิล์มรถยนต์แบบนาโน( Nano-Super IR Window Films ) เป็นฟิล์มที่ใช้เทคโนโลยีการผลิตสมัยใหม่ ใช้อนุภาคนาโน เช่น อนุภาคเซรามิค ฝังเข้าไปในเนื้อฟิล์มแทนการฉาบด้วยโลหะ ฟิล์มรถยนต์ประเภทนาโนจะสามารถป้องกันรังสีอินฟราเรดหรือรังสีความร้อนได้โดยเฉพาะ และก็มีความทนทานกว่าฟิล์มรถยนต์ทั่วๆไป อายุการใช้งานนานเกิน 10 ปี ราคาก็จะแพงกว่าฟิล์มรถยนต์ทั่วๆไป

– พิล์มนิรภัย ชื่อก็บอกอยุ่ว่านิรภัย คือการป้องกันการแตกร้าวของกระจก และมีแบบทนความร้อน กับไม่ทันความร้อน มีความหนาอยู่ที่ 4 MIL ขึ้นไป แต่ก่อนนิยมเป็นอย่างมากที่จะใช้ในอาคารตึกสูงๆ แต่ปัจจุบันนำมาใช้ประกอบกับหน้าจอมือถือ และ กระจกหน้ารถยนต์

 

ส่วนค่าที่ว่าเปอร์เซ็นต์ของฟิล์มกรองแสงรถยนต์ นั้น ความหมายมันก็คือความเข้มของฟิล์มที่ยอมให้แสงสามารถส่องผ่านเข้ามาได้ ปัจจุบันแบ่งได้เป็น 3 ชนิดคือ 40, 60 และ 80 ใช้ในการเรียกระดับความเข้มของฟิล์มซึ่งไม่มีหลักเกณฑ์ที่แน่นอนในการวัด แต่ละยี่ห้อก็กำหนดแตกต่างกัน แต่ค่ากลางๆสามารถแบ่งได้ตามนี้

• ฟิล์ม 40% คือฟิล์มที่มีค่าของแสงส่องผ่านได้ 35% ขึ้นไป
• ฟิล์ม 60% คือฟิล์มที่มีค่าของแสงส่องผ่านได้ประมาณ 20%
• ฟิล์ม 80% คือฟิล์มที่มีค่าของแสงส่องผ่านได้ประมาณ 5%