ใหม่ CHEVROLET Captiva 2017-2018 (เชฟโรเลต แคปติวา 2017-2018) รถอเนกประสงค์สุด “คุ้ม” กับราคาเริ่มต้นที่ 1,249,000 บาท
CHEVROLET Captiva 2017-2018 (เชฟโรเลต แคปติวา 2017-2018) เปิดตัวพร้อมด้วยความโฉบเฉี่ยวของรูปลักษณ์ใหม่ บนพื้นฐานความอเนกประสงค์ที่คุ้มค่า สมรรถนะเครื่องยนต์อันทรงพลัง และราคาเริ่มต้นที่ 1,249,000 บาท
เติมความ “สด” ให้รูปลักษณ์ CHEVROLET Captiva
เชฟโรเลต แคปติวา มาพร้อมดีไซน์ล้ำสมัย ที่ผสานความหรูหรา และความสปอร์ตไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัว ตั้งแต่กระจังหน้า Dual-Port หรูดีไซน์ใหม่ ที่ออกแบบอย่างพิถีพิถัน ตกแต่งด้วยโครเมียม เสริมความโดดเด่นด้วยไฟหน้าโปรเจคเตอร์อัตโนมัติดีไซน์ใหม่ให้โฉบเฉี่ยวยิ่งขึ้น และมาพร้อมชุดไฟ Daytime Running Light ช่วยเพิ่มวิสัยทัศน์การขับขี่
ในขณะที่ด้านข้างตัวรถนั้นอัพเกรดความหล่อขึ้นด้วยล้ออัลลอยด์สีทูโทนขนาด 19 นิ้ว ในรุ่น LTZ ส่วนด้านหลังยังคงความบึกบึนของงานดีไซน์สไตล์ Captiva แต่มาพร้อมความสะดวกสบาย และความปลอดภัยในการขับขี่ด้วยชุดไฟท้าย LED, กล้องมองหลัง พร้อมเส้นกะระยะ Dynamic Guideline เพื่อให้ทุกรูปแบบการใช้ชีวิตไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ในเมือง หรือการขับขี่ออกต่างจังหวัดในวันหยุด เต็มไปด้วยความมั่นใจ
ตอบโจทย์ทุกการใช้งานด้วยความอเนกประสงค์
เชฟโรเลต แคปติวา มากับความอเนกประสงค์เต็มขั้นด้วยภายในห้องโดยสารแบบ 7 ที่นั่ง Flex 7 Seat ที่ปรับได้ถึง 23 รูปแบบ สำหรับรองรับผู้โดยสาร และสัมภาระต่าง ๆ ตามด้วยการติดตั้งฟังค์ชั่นอำนวยความสะดวกมาให้อย่างครบครัน เช่น “ของใหม่ล่าสุด” อย่าง Chevrolet MyLink ระบบเชื่อมต่อการสื่อสาร และความบันเทิง โดยการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนผ่านทาง USB หรือบลูทูธ ด้วย Apple CarPlay และ Android Auto ให้สามารถเข้าถึงแอพพลิเคชั่นที่ชื่นชอบได้อย่างง่ายดาย ด้วยการสั่งงานเสียงผ่าน Siri หรือผ่านจอแสดงผลแบบสีขนาด 7 นิ้วความละเอียดสูงระบบสัมผัส ตลอดจนระบบมัลติฟงัค์ชั่นบนพวงมาลัยทรงสปอร์ตแบบ 3 ก้าน
ขุมพลังเร้าใจทั้งสไตล์เบนซิน และดีเซล
เครื่องยนต์ของ เชฟโรเลต แคปติวา ยังคงมีให้เลือกทั้งแบบดีเซล และเบนซินเช่นเดิม โดยเครื่องยนต์เบนซินเป็นแบบ 4 สูบ ขนาดความจุ 2.4 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 167 แรงม้า ที่ 5,600 รอบต่อนาที และมีแรงบิดสูงสุด 230 นิวตันเมตร ที่ 4,600 รอบต่อนาที ส่วนในรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลเป็นแบบ 4 สูบ ขนาดความจุ 2.0 ลิตร เทอร์โบแปรผัน ให้กำลัง 163 แรงม้า ที่ 3,800 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร ที่ 2,000 รอบต่อนาที
โดยทุกรุ่นจะมากับระบบส่งกำลังแบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด (Driver Shift Control) ที่ให้คุณเลือกเปลี่ยนเกียร์ได้เอง หรือใช้ระบบอัตโนมัติที่สั่งการโดยระบบส่งกำลังอัจฉริยะ (Transaxle Control Module) ทำงานร่วมกับระบบควบคุมเครื่องยนต์ (Engine Control Module) เพื่อคำนวณค่าความเร็วรถ ความเร็วรอบเครื่อ งและแรงบิดเครื่องยนต์ให้สอดคล้องเพื่อการเปลี่ยนเกียร์ที่นุ่มนวลมากขึ้น
ส่วนระบบช่วงล่างนั้นมากับพื้นฐานด้านหน้าแบบอิสระแมคเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง และงด้านหลังแบบอิสระ Multi-Link 4 จุด ที่ปรับแต่งให้มีความนุ่มนวล และมีเสถียรภาพการทรงตัวที่ยอดเยี่ยม ทั้งยังเพิ่มความสมดุลย์ในการขับขี่ด้วยระบบ Self-Levelizer บริเวณโช๊คอัพด้านหลัง ซึ่งจะทำการปรับระดับยกตัวอัตโนมัติ เพื่อรักษาความสูงของตัวรถด้านหน้า และหลังให้อยู่ในระดับสมดุลย์
อุ่นใจทุกเส้นทาง ด้วยระบบความปลอดภัยครบเครื่อง
ในส่วนของระบบความปลอดภัยนั้น เรียกว่าติดตั้งมาให้ในระบบเทียบเท่ารถอเนกประสงค์ระดับหรู เพื่อยกระดับความมั่นใจในทุกการเดินทาง โดยจะประกอบด้วย ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (HDC) ซึ่งควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน โดยปล่อยให้เครื่องยนต์อและเบรกทำงานร่วมกันเพื่อให้สามารถควบคุมการลงทางลาดชันได้ดีขึ้น และ ระบบป้องกันการไหลของรถเมื่อขึ้นทางชัน (HSA) เพื่อป้องกันการไหลของรถเมื่อขึ้นทางชันทำงานโดยหยุดรถจากการไหลไปข้างหลังเมื่อจะขึ้นทางลาดชัน
ตามด้วยการติดตั้งระบบแจ้งเตือนการจราจร และสิ่งกีดขวางด้านหลัง โดยมี Radar Sensor ซึ่งจะทำงานอัตโนมัติ เมื่อมีการเข้าเกียร์ถอยหลังออกจากช่องจอด โดยสามารถตรวจจับรถยนต์ที่วิ่งมาจากทางด้านหลัง และส่งเสียงสัญญาณเตือน เพื่อลดความเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุตลอดจนระบบช่วยเหลือการถอยจอดด้านหลังพร้อมกล้องมองหลัง ที่จะเตือนสิ่งกีดขวางและช่วยให้จอดรถได้ปลอดภัยอย่างมั่นใจ ในขณะที่กล้องมองหลังคอยช่วยให้มองเห็นวัตถุได้ง่ายขึ้น อีกทั้งยังมีระบบแจ้งเตือนมุมอับสายตา ซึ่งจะมีไฟ LED จะกระพริบแจ้งเตือนที่กระจกมองข้าง เพื่อช่วยเตือนผู้ขับขี่ เมื่อมีรถยนต์คันอื่นวิ่งมาจากจุดอับสายตา
นอกจากนี้ยังเพิ่มความมั่นใจในขณะเดินทางทุกสภาพการณ์ด้วย ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ซึ่งจะทำงานโดยใช้เซ็นเซอร์ช่วยส่งแรงบิดไปที่ล้อแต่ละข้าง เพื่อให้มีการยึดเกาะที่เหมาะกับการขับรถในแต่ละสภาพถนน พร้อมด้วยตัวช่วยสำคัญอย่าง ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (ESC), ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และการลื่นไถล (TCS)
ตลอดจนระบบกระจายแรงเบรก (EBD) ซึ่งจะทำงานควบคุชู่ไปกับระบบดิส์เบรก 4 ล้อ และระบบ ABS ในขณะที่ภายในห้องโดยสารนั้นมากับโครงสร้างตัวถังนิรภัยพร้อมคานเหล็กนิรภัยด้านข้าง พร้อมการติดตั้งม่านถุงลมนิรภัย (Curtain Airbag) และถุงลมนิรภัยคู่หน้า (SRS), หมอนรองศีรษะนิรภัยช่วยลดแรงกระแทกที่ต้นคอหากเกิดจากการชนท้าย, เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงรั้งกลับอัตโนมัติ และ ISOFIX จุดยึดแบบแข็งที่ออกแบบมาเพื่อการยึดเบาะนั่งเด็กอย่างอัตโนมัติโดยไม่ต้องใช้เข็มขัดนิรภัยสำหรับผู้ใหญ่ เพื่อความปลอดภัยสำหรับลูกน้อยของคุณ
ราคารถใหม่ CHEVROLET Captiva
CHEVROLET Captiva รุ่น 2.4 LSX AT FWD ราคา 1,249,000 บาท
CHEVROLET Captiva รุ่น2.4 LTZ AT AWD ราคา 1,549,000 บาท
CHEVROLET Captiva รุ่น 2.0 DSL AWD LTZ (White Pearl) ราคา 1,699,000 บาท
CHEVROLET Captiva รุ่น 2.0 LSX AT FWD ราคา 1,389,000 บาท
CHEVROLET Captiva รุ่น 2.0 LTZ AT FWD ราคา 1,539,000 บาท
CHEVROLET Captiva รุ่น 2.0 LTZ AT AWD ราคา 1,689,000 บาท
บทความแนะนำ
บทสรุป ” 5 อันดับรถ Eco Car ราคาถูกสุดๆ ” จากหนุงหนิง … สวิงแรง เที่ยวในงาน Big Motor Sale 2017
ปตท. มอบสิทธิ์เฟรนไชส์ Jiffy ในประเทศลาว ผลักดันแบรนด์คนไทยสู่เวทีอาเซียน