5 ข้อ ต้องรู้ จะตามหรือสวนกระแส ดั๊มพ์ราคาขาย Chevrolet ดีล่ะ
ปรากฏการณ์ บริษัทยักษ์ใหญ่ General Motor จากอเมริกา ที่ถือแบรนด์ Chevrolet เข้ามาทำตลาดในประเทศไทย ตั้งแต่เริ่มสหัสวรรษใหม่ปี 2000 หากนับย้อนกันไปตั้งแต่เริ่มต้นลุยตลาดในเมืองไทยด้วย Chevrolet Zafira ก็ได้รับความนิยมเป็นอย่างดีทีเดียว พร้อมๆ กับปัญหาในส่วน ของตัวรถ ที่ผู้ใช้ปวดหัวกันทุกวี่วัน แต่ด้วยความที่เป็นรถในแบบอเนกประสงค์ ขนาดกำลังดี หน้าตาสวยงาม จึงตอบโจทย์ผู้ใช้แม้จะมากับปัญหาจุกจิกก็ตาม
เมื่อกระแสดี รุ่นต่างๆ จึงตามมาในเกือบทุกเซ็กเม้นท์ทั้ง Optra, Aveo, Cruze, Captiva, Colorado และ Trailblazer รวมไปถึง Spin ซึ่งเป็นรุ่นหนึ่งที่กระแสถูกพรากไปกับสายลม
แต่จะอะไรก็เถอะ บทความนี้ ไม่ได้ต้องการทบทวนความจำ หรือรื้อฟื้นประวัติกับการจากไปของ Chevrolet ในเมืองไทย แต่ต้องการ กระตุก ถึง ปรากฏการณ์ ลดกระหน่ำซัมเมอร์เซลส์ หลังแถลงการณ์ยุติบทบาทแบรนด์ เชฟโรเลต ในไทยเพียงวันเดียวเท่านั้น
ให้หลังเพียงวันเดียว ดีลเลอร์ประกาศเลหลัง 4 รุ่นด้วยกันคือ (บริษัทแม่ยืนยันตามหลัง)
- Chevrolet Captiva 1.5 LS Turbo จากปกติ 999,000 บาท เหลือเพียง 499,000 บาท
- Chevrolet Trailblazer 2WD 2.5LT จากปกติ 1.144,000 บาท เหลือเพียง 895,000 บาท
- Chevrolet Colorado High Country 2WD จากปกติ 998,000 บาท เหลือเพียง 775,000 บาท
- Chevrolet Colorado Trailboss MT 2WD จากปกติ 859,000 บาท เหลือเพียง 655,000 บาท
แน่นอนว่า ดั๊มพ์ราคา กันขนาดนี้ ปรากฏการณ์มหาชนแห่แหนกันเต็มโชว์รูมแน่นอน ดังปรากฏตามหน้าเฟสบุ๊คของหลายๆ คน และรุ่นที่ได้รับความสนใจในแบบไม่ต้องคิดอะไรมาก มั่นใจอย่างเดียวว่ามีตังค์พอ มีปัญญาครอบครอง ก็คือรุ่น Captiva เพราะมันลดไปถึง 5 แสนบาท เรียกได้ว่าซื้อรถระดับล้านในราคาถูกกว่าอีคาร์อีก…บทความนี้จึงอยากขอ กระตุก ข้อคิดเพื่อความรอบคอบ ไม่วู่วาม ไปกับ “ป้าย SALE”
ข้อคิดก่อนซื้อ Chevrolet จากการ ดั๊มพ์ราคา
1. ดีลเลอร์ หรือโชว์รูม
ช่วงนี้ยังคงเปิดให้บริการ แต่หากพ้นสิ้นปีนี้ โชว์จะแปลงสภาพไปเป็นอะไร ถึงเวลานั้นเจ้าของโชว์รูมจะเปลี่ยนไปทำธุรกิจอะไรดีล่ะ คงพอนึกภาพออกนะ แม้ว่าการเมนเทนแนนซ์ปกติตามระยะ (เปลี่ยนถ่ายของเหลว) จะไม่เป็นปัญหา แต่หากมีชิ้นส่วน หรืออะไหล่ (บางชิ้น) ที่เกิดปัญหาขึ้นล่ะ โชว์รูม (ไม่รู้ว่าจะเปลี่ยนยี่ห้อมั้ย หรือปิดตัว) จะยังคงให้บริการเรามั้ย เพราะอย่าลืมว่าเวลา เคลม อะไหล่ เค้าก็ต้องไปเรียกเก็บกับบริษัทแม่..แต่ถ้ามั่นใจว่าเรื่องนี้ไม่เป็นปัญหา ก็ลุยโลด
2. ราคามือสอง
คิดว่าคนที่อยากได้รถจริงๆ คงประเมินแล้วว่า ไม่คิดจะขายต่อ เพราะพอพ้นระยะประกัน (3 ปี 100,000 กม.) ราคามันคงน่าจะอยู่ราวๆ ที่ซื้อมานี่แหละ แต่ปัญหาจริงๆ คือ จะหาใครมารับช่วงต่อ ฉะนั้นต้องคิดไว้เลยว่า เราจะครอบครองรถคันนี้ไปอีกนานแสนนาน หาที่จอดเอาไว้ด้วย…ฉะนั้นเรื่องคิดจะขายต่อ ให้มองข้ามไปเลย ต้องคิดให้ได้ว่าเป็นสมบัติไว้ใช้งาน
3. อู่นอกซ่อมได้
หลายคนที่อยากได้โปรโมชั่นนี้ คงหาเหตุผลให้ตัวเองแล้วล่ะว่า หากพ้นระยะประกัน อู่นอกก็ยังมี ตรงนี้คงไม่เป็นประเด็น แต่ประเด็นมันจะย้อนกลับไปในเรื่องของ อะไหล่ แล้วเมื่ออะไหล่หายาก หรืออาจจะพอหาได้ แต่อาจจะไม่สะดวกนัก ช่างอู่นอกก็อาจจะตัดบทไม่รับซ่อมก็ได้ คงรับเพียงแค่เปลี่ยนถ่ายของเหลว หรือไม่ก็ลูกค้าต้องเป็นคนวิ่งหาอะไหล่เอง ซึ่งจะตัดความสะดวกสบายในการซ่อมแซมไปเยอะทีเดียว และต้องพอมีความรู้เรื่องเครื่องยนต์กลไกอยู่พอสมควร
4. ราคาอะไหล่
ณ ตอนนี้ประเมินไว้ก่อนเลยว่า อะไหล่ เมื่อพ้นระยะประกัน จะเป็นอะไรที่เป็นของมีค่า เพราะเมื่อรถไม่ได้รับความนิยม ใครที่ไหนจะมา สต๊อกอะไหล่ ฉะนั้นมันจะเข้าเคสเดียวกับรถยุโรปบางรุ่นที่ผ่านๆ มาเมื่อมีการหนีหายไปจากตลาดเมืองไทย คราวนี้อะไหล่อาจจะมีขายแค่บางร้าน ดังนั้นเตรียมใจเลยว่า ราคาต้องเกินกว่าปกติแบบที่ยังเคยมีบริษัทแม่ดูแลตลาดดังแต่ก่อน
5. ใบจองมหาโหด
เป็นปรากฏการณ์ที่รวดเร็วมาก วันเดียวก็ปล่อยรถหมดแล้ว ในมหกรรมเช่นนี้ มีทั้งคนอยากได้รถไว้ใช้จริงๆ และพวกทำนาบนหลังคน ถ้าอ่านผ่านมา 4 ข้อด้านบนแล้ว และมั่นใจว่า ไม่ใช่สาระสำคัญของการอยากมีรถหลักล้าน แต่จ่ายเพียงครึ่งไว้ใช้งานจริง ยังไงก็ยั้งใจไว้นิด กับคนบางพวกที่เอาใบจองมาปล่อยในราคาแพงกว่าหลายสิบเท่า อดทนรอหน่อย ยังไงพวกที่กะเก็งกำไรส่วนต่างก็ต้องปล่อยออกมาในราคาสมเหตุสมผล เพราะเค้าไม่ได้ตั้งใจซื้อไปใช้จริง
แม้เชฟโรเลต แคปติวา จะไม่เหลือให้จับจองกันแล้วตอนนี้ แต่เชื่อได้ว่ารุ่นอื่นๆ ยังน่าจะต้องมีการ ดั๊มพ์ราคา แบบปฏิเสธไม่ลง มาอีกระลอกแน่ๆ เพราะ GM คงไม่เก็บรถค้างเติ่งเอาไว้หรอก สู้เค้ากำเงินสดกลับไปบ้างเสียยังดีกว่า..รอติดตามก๊อกต่อไป เผื่อเจ้าของเชฟโรเลตคันใหม่อาจเป็นคุณก็ได้