เครื่องเดินสะดุด เบาๆ อาจเกิดจากปัญหา เส้นผมบังภูเขา
การไม่มีโรค เป็นลาภอันประเสริฐฉันใด การที่รถยนค์ขับดีไม่มีปัญหากวนใจ คือสิ่งที่เจ้าของรถปรารถนาฉันนั้น แต่เมื่อเกิดปัญหาขึ้น ทุกอย่างมีทางแก้เสมอ เพียงแต่ว่าจะหาจุดจุดนั้นเจออย่างถ่องแท้หรือเปล่า ยิ่งเป็นเรื่องของ เครื่องเดินสะดุด ด้วย ยิ่งสร้างความหงุดหงิด รำคาญใจให้แก่ผู้ขับ
เมื่อเกิดปัญหาขึ้นกับรถ หลายครั้งเรามักคิดอะไรใหญ่ๆ ไว้ก่อน ซึ่งก็ไม่แปลก เพราะกรณีที่ผมจะเขียนถึงนั้น เป็นสิ่งเกิดขึ้นกับเพื่อนพ้องผู้เขียนเอง ที่โทรมาปรึกษา ประมาณว่า “พี่ๆ รถผมมีอาการ เครื่องเดินสะดุด..อ่ะ” เป็นเบาๆ บางครั้งนะตอนเครื่องเดินเบา พอเร่งก็เร่งได้ปกติ ไม่มีอะไร
จากคำบอกเล่านี้ แน่นอนว่า ตัวการเป็นได้หลายเหตุ เริ่มจากกว้างๆ ก่อน พื้นฐานของเครื่องยนต์เบนซินถ้าจะมีอะไรที่ทำให้เครื่องยนต์เดินผิดปกติไป ก็มีจำเลยหลักคือ อากาศ น้ำมัน และไฟ ซึ่งตัดเรื่องของอากาศออกไปเลย เพราะสะดุดเฉพาะรอบเดินเบา
ประการต่อมา เพื่อนเจ้ากรรมก็คิดไปว่า ปั๊มติ๊ก เริ่มเสียหรือเปล่า (คิดใหญ่ไว้ก่อน..ฮาๆๆ) แต่ถ้าปั๊มติ๊กเสีย หรือเริ่มงอแง อาการไม่น่าจะเป็นแค่ตอนเดินเบานะ ผู้เขียนเลยตอบกลับไป ถ้าอยากสบายใจให้ถอดมาดู (ไม่ทำให้หรอกนะเพราะขี้เกียจ แล้วก็ไม่อยู่หน้างานด้วย)
การตอบข้อสงสัยทางโทรศัพท์เป็นสิ่งที่ต้องใช้จินตนาการพอสมควร ต้องพยายามถามย้อนกลับไป-มา ปัญหานี้ถ้าจะสมมติฐานหาตัวการ ก็กำหนดจำเลยขึ้นมาเสียหน่อย (ทำอย่างกับในหนัง) เช่น หัวเทียน คอยล์ เป็นต้น โดยผู้เขียนข้ามผ่านจำเลยหลักในเรื่องระบบน้ำมันไปแล้ว เพราะคิดว่าไม่น่าจะใช่ เนื่องจากอาการที่เค้าเล่ามา ไม่น่าจะเข้าข่าย คือถ้าจะเป็นที่ระบบน้ำมัน ก็ควรจะเป็นทั้งช่วงเดินเบา ทั้งตอนขับด้วย
มิวายเพื่อนเจ้ากรรมก็ยังจะดึงไปเรื่อง หัวฉีด ผู้เขียนซึ่งอยู่ปลายสายก็ไม่อยากแย้งอะไรมาก จึงตอบกลับไปว่า ถ้าพี่ไม่สบายใจก็เอาไปให้ร้านเช็กดู ถ้าไม่หาย หรือไม่ได้มาจากหัวฉีด ก็ถือเสียว่าพี่ได้หัวฉีดชุดใหม่ แลกกับเงินประมาณ 2 พันกว่า (เป็นราคาโดยประมาณนะแบบล้างหัวฉีด) ความลังเลเยื้ยงกรายเข้าสู่ปลายสายอีกฝั่ง เป็นอันว่าการไม่หักดิบตอบปฏิเสธของผู้เขียนพอจะเห็นผล
เมื่อเงินในกระเป๋าเข้ามาเป็นเงื่อนไข ประกอบกับเจ้าของดูจะประเมินแล้วว่าอาการไม่สาหัสนัก เพราะอาการไม่ได้มาตลอด เป็นบ้าง ไม่เป็นบ้าง ไม่ได้ออกอาการทุกครั้งที่ติดเครื่อง จึงเป็นเหตุให้การหาตัวจำเลยทำได้ค่อนข้างยาก
ดังนั้นผู้เขียนจึงสอบถามไปว่า หัวเทียน เปลี่ยนมานานหรือยัง ซึ่งเอาจริงๆ ก็ไม่ปักใจเท่าไหร่ แต่เพราะเป็นอะไหล่ไม่แพง ถ้าไม่เคยเปลี่ยนเลยนับแสนกม.เปลี่ยนได้ก็เปลี่ยนไปก่อนนะ ผู้เขียนตอบไปเท่านี้ แต่ก่อนจะเปลี่ยน ผู้เขียนเลยบอกให้เค้าเช็ก คอยล์จุดระเบิด ว่าเสียหรือเปล่า โดยให้เค้าติดเครื่องแล้วถอดคอยล์ทีละตัว หรือไม่ก็ชักปลั๊กคอยล์ก็ได้ ดูว่าสูบไหนที่มีปัญหา แต่เชื่อเถอะว่าเค้าก็ไม่ทำ แล้วมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ
ผ่านไปราวหนึ่งสัปดาห์ เพื่อนเจ้ากรรมเอารถไปเข้าอู่ เค้าโทรมาเล่าว่า กำลังเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง พอดีช่างเห็น ปลั๊กคอยล์ แตก (อันเนื่องมาจากอายุการใช้งานจากความร้อนที่สะสมด้วย) ผู้เขียนจึงถามไปว่า ให้ช่างเค้าเปลี่ยนไปเลย ราคาไม่กี่บาท แล้วก็แนะนำให้เพื่อนเจ้าของรถ บอกช่างให้เช็ก ปลั๊กหัวฉีด ด้วย ถ้ากรอบแตกก็ให้เปลี่ยนด้วยเลย..จากนั้นมาอาการที่ว่า หายเป็นปลิดทิ้ง ซึ่งผู้เขียนเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่า จำเลยคือปลั๊กตัวไหน แต่เอาเป็นว่า ปลั๊กคอยล์ ปลั๊กหัวฉีด รวม 8 หัว รวมค่าแรงไม่น่าจะเกินพันบาท นี่มันปัญหาเส้นผมบังภูเขาจริงๆ