ลดต้น-ลดดอก สัญญาเช่าซื้อรถใหม่ ใครได้ ใครเสีย ดีเดย์ 1 ก.ค.ผ่อนถูกลงเหรอ?
หลัง สคบ.ออกประกาศคณะกรรมการว่าด้วยเรื่องสัญญา ให้ธุรกิจให้เช่าซื้อรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ เป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญา พ.ศ.2561 ซึ่งจะมีผลบังคับใช้วันที่ 1 ก.ค.2561 นี้ โดยแหล่งข่าวจากหลายสำนัก ต่าง เฮโล พากันไปในทิศทางที่ให้ ผู้บริโภค หรือคนที่กำลังจะซื้อรถยนต์ ฉุกคิดว่า รัฐฯ กำลังจะเอาการคิดคำนวนดอกเบี้ยแบบ ลดต้น-ลดดอก มาใช้ แล้วมันจะมีผลดี ผลร้าย กับใครอะไรยังไง ทำไมกระแสถึงพยายามทำให้ผู้บริโภคเชื่อว่า กำลังจะซื้อรถได้ถูกลง
ค้นหาประกาศจาก สคบ.จนคอมพิวเตอร์แทบ โอเวอร์ฮีท จึงสรุปความจากประกาศได้ว่า ที่ผ่านมาผู้บริโภคร้องเรียนถึงความไม่เป็นธรรม จากสัญญาการเช่าซื้อรถยนต์ที่ค่อนข้างเอารัดเอาเปรียบ ดังนั้นสคบ.จึงได้ประกาศฉบับใหม่ที่แก้ไขจาก 2 ฉบับเดิมคือปี 2555 และ 2558 โดยสาระสำคัญแทบไม่ได้มีอะไรผิดเพี้ยนไปจากเดิม แต่ทำไมสื่อหลายสำนักจึงจุดกระแสว่า ดอกเบี้ยใหม่จะทำให้ ผ่อนค่างวดถูกกว่าเดิมล่ะ
เนื้อหาหลักๆ เท่าที่พลิกอ่านอยู่หลายตลบ มีก็แต่เรื่อง การคิดอัตราดอกเบี้ยกรณีผิดนัดชำระหนี้ (ตรงนี้ขีดเส้นใต้ไว้เลยนะ) การปรับลดดอกเบี้ยกรณีผู้เช่าซื้อต้องการชำระค่าเช่าซื้อทั้งหมดในคราวเดียว พูดง่ายๆ คือผ่อนไปสักระยะแล้วพอมีเงินก้อนก็ต้องการจะ โปะ หนี้ให้หมดนั่นแหละ (ตรงนี้ขีดเส้นใต้ไว้เช่นกัน) นอกนั้นก็จะเป็นเรื่องของเงื่อนไขที่ต้องจ่ายหากผิดสัญญาในกรณีต่างๆ
รวมถึงการแสดงรายละเอียดในสัญญาให้ชัดเจน เช่น ดอกเบี้ยเท่าไหร่ ค่างวดต่อเดือนเท่าไหร่ เงินต้นเท่าไหร่ อัตราค่าบริการเท่าไหร่ ค่าปรับเท่าไหร่ อะไรประมาณนี้
และที่สำคัญในเรื่องการปรับแก้ประกาศใหม่คือ ดอกเบี้ยค่าปรับกรณีผิดนัดชำระค่างวด โดยให้คิดบนอัตราดอกเบี้ยตามสัญญาเช่าซื้อที่แปลงเป็น effective rate บวก 3% แต่ต้องไม่เกิน 15%ต่อปี ซึ่งต่างจากประกาศฉบับเดิมที่ 16-17% ต่อปี
แล้วตรงไหนคือ ลดต้น-ลดดอก
นั่นน่ะสิ! แต่ก่อนอื่นขอทำความเข้าใจในเรื่อง อัตราดอกเบี้ย ที่สถาบันการเงินเค้าทำกำไรจากการให้กู้ยืมสักเล็กน้อยก่อน ซึ่งการคิดอัตราดอกเบี้ยแบบหลักๆ ที่เราเห็นกัน นั่นก็คือ
- Flat Rate หรืออัตราดอกเบี้ยคงที่ ซึ่งจะคำนวนดอกเบี้ยจากเงินต้น ก้อนที่เป็นหนี้ตลอดอายุของสัญญา เช่น กู้ 5 แสน ผ่อน 5 ปี ดอกเบี้ยจะคำนวนตามจำนวนตั้งต้นคือ 5 แสนบาท ไม่ว่าจะผ่านไปกี่เดือนแล้วก็ตาม วิธีการคำนวนแบบนี้จะง่ายต่อความเข้าใจของผู้กู้ ว่าจะผ่อนชำระเดือนละเท่าไหร่ ยิ่งจำนวนเดือนมากขึ้นก็ยิ่งจ่ายดอกเบี้ยมากขึ้น
- Effective Rate หรือการคิดอัตราดอกเบี้ยแบบลดต้น-ลดดอก คือการคิดดอกเบี้ยจากเงินต้นคงเหลือในแต่ละงวด เช่น กู้ 5 แสนบาท ผ่อน 5 ปี ดอกเบี้ยจะถูกคำนวนในเดือนแรกเป็นเท่านี้ ส่วนเดือนถัดไปค่าดอกเบี้ยจะลดลง เพราะเงินที่จ่ายไปงวดที่แล้ว มันไปตัดทอนเงินต้นและดอกเบี้ย
อย่างนี้คนซื้อรถยนต์ก็ยิ้มสิ เพราะจะได้จ่ายดอกเบี้ยถูกลง
ช้าก่อนนะคร้าบ! ถ้ามองตามวิธีการคำนวนอัตราดอกเบี้ยน่ะใช่ เพราะสินเชื่อรถยนต์จะคิด และแสดงเป็น Flat Rate เพื่อความเข้าใจที่ง่าย ที่นี้ถ้าประกาศใหม่ให้คิดแบบ Effective Rate ก็เตะหมูเข้าปากคนซื้อรถน่ะสิ
เปล่าเลยครับ เพราะในความเป็นจริง อัตราดอกเบี้ย ที่ไฟแนนซ์เค้าให้ ก่อนจะมาคิดในแบบแรก หรือแบบที่ 2 นั้น มันไม่เท่ากัน (ขีดเส้นใต้ไว้เลยนะ) ยกตัวอย่างเช่น ดอกเบี้ย 2% ถ้าไฟแนนซ์คิดแบบ Flat Rate มาให้ แต่ถ้าอยากดูการคำนวนแบบ ลดต้น-ลดดอก ไฟแนนซ์จะไม่คิดดอกเบี้ยแค่ 2% แต่จะต้องคิด 4-5% เลยทีเดียว เมื่อคำนวนออกมาตามตัวอย่างข้างต้น เงินต้น 5 แสนบาท ผ่อน 5 ปี ไม่ว่าจะคิดแบบไหน เมื่อครบ 5 ปี คุณก็จ่ายหนี้ใกล้เคียงกันนั่นแหละ
ที่สำคัญ ประกาศฉบับนี้ ไม่ได้เปลี่ยนเพดานอัตราดอกเบี้ยสูงสุดที่ กม.ฉบับอื่นกำหนดไว้นะจ๊ะ แต่ไหนแต่ไรในสัญญาเช่าซื้อ ก็จะมีระบุไว้ทั้ง 2 แบบการคำนวน (แล้วแต่ไฟแนนซ์) เพียงแต่การยกการคำนวนแบบ Flat Rate มาใช้ในสินเชื่อรถยนต์ มันเข้าใจง่าย ดูปั๊ปรู้ปุ๊ป ว่าระยะเวลาเท่านี้เดือนต้องจ่ายเดือนละเท่าไหร่
สรุปแล้วจะมีประกาศใหม่ทำไม
หากเป็นหนี้แล้วไม่มีสิ่งใดมากระทบลูกหนี้ตลอดระยะสัญญา มันก็ไม่มีอะไร แต่หากลูกหนี้
- ผิดนัดชำระ เบี้ยปรับก็จะไม่ถูกโขกสับแบบมหาโหด จาก 17% มาเป็น 15%
- ตารางแสดงเงินต้น และดอกเบี้ยมีให้ลูกหนี้อย่างชัดเจน ซึ่งประกาศเดิมไม่ได้บังคับว่าต้องมี ดังนั้นลูกหนี้จะได้เคลียร์ (ถ้าขยันอ่านสัญญาหน่อย)
- วันหนึ่งวันใดเกิดมีเงินก้อน อยาก โปะหนี้ ให้หมด ก็จะได้ลดดอกเบี้ย 50% ซึ่งของเดิมก็ลดให้อยู่แล้ว แต่ไม่ได้กำหนดชัดเจน ลูกหนี้เลยไม่รู้ อีกอย่างเวลาคิดดอกเบี้ยคงที่ การเอาเงินก้อนไปโปะ ก็ไม่ได้มีผลอะไรเพราะจ่ายเท่าเดิมอยู่ดี
- หากถูกยึดรถ ลูกหนี้มีสิทธิ์ก่อนเป็นอันดับแรกในการซื้อคืน
- ค่าธรรมเนียมทวงถามสามารถเก็บได้ แต่ห้ามเก็บค่ายึดรถ
รวบรัดเลย เวลา 1 เดือนที่เหลือ ถ้าอยากซื้อรถก็ซื้อไปเถอะ เพราะดอกเบี้ยไม่ได้มีผลอะไรกับลูกหนี้ จะเอาเงินก้อนไปปิดหนี้ เค้าก็ไม่ได้ตัดดอกเบี้ยออกไป ไม่เหมือนกู้ซื้อบ้าน แต่มันเกิดประโยชน์กับคนที่ค้างค่างวด หรือไม่ก็โดนยึด เพราะทำให้ไม่ต้องจ่ายค่าโสหุ้ยยิบย่อยแบบถูกโขกสับ..หวังว่าคงเข้าใจตรงกันนะ จะได้ไม่ตื่นตูมไปกับกระแสที่โดนปั่น ว่าจะได้เป็นลูกหนี้ที่จ่ายดอกเบี้ยน้อยกว่าเดิม คริคริ
