EXPERIENCE THE 7 … ถอดรหัสแก่นแท้แห่งคำว่า “The Luxury” ในสไตล์ “สู่ขวัญ บูลกุล”
“ท้ายที่สุด เราจะกลับมาสู่ตัวตนที่แท้จริงอยู่ดี” ประโยคเรียบง่าย ที่ไม่ต้องตีความใดๆ จากหนึ่งในบุคคลต้นแบบของแคมเปญ EXPERIENCE THE 7 โดย BMW Thailand ซึ่งนำเสนอมุมมองในการใช้ชีวิตของบุคคลต้นแบบ เพื่อสร้างเส้นทางแห่งแรงบันดาลใจในการพัฒนาตนเอง และสังคม เช่นเดียวกับแนวคิดของแคมเปญ ที่ต้องการสะท้อนให้เห็นถึงอุดมการณ์อันยิ่งใหญ่ ซึ่งอยู่ในสายเลือดของ BMW
EXPERIENCE THE 7 เริ่มต้นปฐมบทด้วยคำว่า “Luxury” ในแบบฉบับของ BMW โดยบุคคลต้นแบบที่พร้อมด้วยความเหมาะสม “คุณสู่ขวัญ บูลกุล” อดีตพิธีกรมากความสามารถ ที่ปัจจุบันครองกระแสตอบรับท่วมท้น กับฐานะผู้นำแห่งแวดวง Celebrity Blog ในโลกออนไลน์ และกลายเป็นแนวทางสร้างแรงบันดาลใจสู่คนรุ่นใหม่ ด้วยการถ่ายทอดแนวคิดเรียบง่าย สะท้อนความหรูหราเป็นตัวเอง … ภายใต้ “มุมมอง” คำว่า “Luxury” ในแบบคาดไม่ถึง ซึ่งอาจเปลี่ยนมุมมองต่อการใช้ชีวิตของคุณให้ไม่เหมือนเดิมไปตลอดกาล
[embedyt] https://www.youtube.com/watch?v=96nSaFgcGr0[/embedyt]
Interview with “สู่ขวัญ บูลกุล”
Q : ทำไมคุณสู่ขวัญถึงคิดว่าตนเองเหมาะกับนิยามคำว่า “Luxury”
A : ถ้าถามว่าเพราะอะไรพี่ขวัญถึงเหมาะกับคำว่า Luxury … ในความรู้สึกส่วนตัวเท่าที่เรารับรู้ ที่ฟังจากที่คนเขาพูดกันนะคะ พี่คิดว่ามันเป็นภาพพจน์ ซึ่งคนส่วนใหญ่มอง ก็จะรับรู้ในแง่มุมที่เห็นเราแล้วจะนึกถึงความหรู ความสวยงาม ความสง่างามอะไรประมาณนั้นค่ะ
Q : และนิยามของคำว่า “The Luxury” สำหรับคุณสู่ขวัญคืออะไร
A : จริงๆ ถ้าตามความหมายของคำนี้เลย จะหมายถึงความหรูหรา สวยงาม สง่างาม อลังการ คือมากกว่า คำว่าสวย คำว่ายิ่งใหญ่ แล้วก็มีความสมบูรณ์แบบลงตัวเวลาที่เราได้มองไป เรียกว่าเป็นการผสมผสานคำหลายๆ คำเข้าด้วยกัน จนไม่สามารถที่จะหาคำภาษาไทยมาแปลคำๆ นี้ได้โดยตรง เช่น ความยิ่งใหญ่ของภูเขา ธรรมชาติ ก็สามารถใช้คำว่า Luxury ได้ เพราะฉะนั้นการให้คำจำกัดความจึงค่อนข้างยาก เอาเป็นว่าเวลาที่เราได้เห็นอะไรสวยงาม อลังการในความรู้สึกเรา มันก็คือความ Luxury
Q : คุณสู่ขวัญมองว่านิยามของความหรูหราสง่างามคืออะไร
A : ถ้าจะถามถึงนิยามก็ตอบยากเหมือนกันนะ พี่ขวัญมองว่ามันอาจจะเป็นภาพที่เรามองเห็นแล้วเรารู้สึกมากกว่าแค่คำว่าสวย คือมันเรียกว่ามีความน่าเคารพ น่ายำเกรงอยู่ในตัว เรียกว่าเป็นสิ่งที่เรามองแล้วรู้สึก Calm & Cool อยู่ในนั้นมากกว่า
Q : เวลาที่มีคนบอกว่าพี่ขวัญ คือความ “Luxury” พี่ขวัญรู้สึกอย่างไร
A : เวลาที่ได้ยินทุกครั้งเราก็จะตั้งคำถามว่า “เราเป็นแบบนั้นหรือ” เพราะถ้าบอกให้พี่ขวัญพูดถึงตัวเอง พี่ก็จะบอกว่าเราเป็นคนง่ายๆ อะไรก็ได้ เฮฮาสนุกสนาน ออกจะติดบ้าๆ บอๆ ด้วยซ้ำ แต่ถ้ามีคนเริ่มพูดถึงเราแบบนั้น ก็อาจจะเพราะว่าเราทำงานอยู่ในจุดที่คนได้เห็นเราเยอะ ก็เลยมี Feedback ว่าสู่ขวัญมีความสง่างาม … ซึ่งตอนแรกที่ได้ยินก็รู้สึกแปลกใจนะ เพราะเราไม่เคยมองตัวเองมุมนี้เลย อาจจะเพราะด้วยบุคลิก คำพูด คำจา โดยที่เราทำไปโดยไม่รู้ตัว เลยอาจจะเป็นเพราะสิ่งนี้แหละ ที่ทำให้คนอื่นมองเห็นเป็นแบบนั้น
Q : คิดว่าเป็นเพราะรสนิยมเราด้วยหรือเปล่า คนถึงได้มองว่าเราเป็นแบบนั้น
A : อย่างที่พี่พยายามอธิบายแล้ว คำว่าสง่างามมันมีส่วนผสมของหลายอย่าง เช่น คำว่าสวย หลายๆ คนมอง ก็อาจจะบอกได้ง่ายๆ ว่าสวย หรือไม่สวย แต่พอมีคำว่าสง่างามเข้าไป มันรวมเข้าไปหลายๆ อย่างในคำนี้คำเดียว ถ้าถามว่าเกี่ยวกับรสนิยมของเราไหม ก็อาจจะเป็นไปได้ค่ะ พี่ขวัญว่ามันเกี่ยวกับ “ทัศนคติ” ของเราเป็นเรื่องสำคัญ “ทัศนคติที่เรามีต่อตัวเราเองที่ทำให้เราเข้าถึงตัวตนของเรา และรู้จักตัวเองอย่างแท้จริง รวมถึงทัศนคติที่เรามีต่อคนรอบข้าง” ทำให้เราแสดงออกมาได้อย่างธรรมชาติ โดยที่ไม่ได้ปรุงแต่งอะไรที่ไม่เป็นตัวเอง ซึ่งคนที่มีโอกาสได้ใกล้ชิดเรา สัมผัสเรา รู้จักเรา เขารับรู้ได้ถึงสิ่งนี้ และมันน่าจะเป็นสิ่งที่ส่งผลต่อบุคลิกภาพของเรา มากกว่าที่เราจะแต่งตัวอย่างไรค่ะ
Q : คุณสู่ขวัญคิดว่ารสนิยมที่ดีของเราเกิดจากอะไร
A : พี่ขวัญว่าทุกอย่างที่เราสร้างให้เป็นคนๆ หนึ่ง มันเกิดจากประสบการณ์ชีวิต เพราะถ้าเราจะหยิบคนๆ หนึ่งมาทำให้มีรูปร่างหน้าตาคล้ายๆ กัน จับให้แต่งตัว แต่งหน้า ทำเหมือนกันทุกอย่าง มันก็เหมือนกันได้แค่ภาพนิ่งเท่านั้น แต่เมื่อไรที่เกิดการเคลื่อนไหว การติดต่อสื่อสาร การแสดงออกต่างๆ แล้วเนี่ย สิ่งที่อยู่ข้างในมันไม่สามารถจะบิดเบือนได้ … คือ สิ่งที่สำคัญมันเกิดจากการหล่อหลอมค่าที่เราให้กับสิ่งต่างๆ รอบตัว ว่าเรามีทัศนคติอย่างไรกับสิ่งเหล่านั้น ซึ่งพี่ขวัญคิดว่าทั้งหมดนี้มันหล่อหลอมให้เกิดบุคลิกแบบนี้ ด้วยประสบการณ์ชีวิต แล้วก็การเรียนรู้ชีวิตในแบบของเรา
“ไม่ต้องกลัวถ้าใครมองว่าเราไม่เพอร์เฟกต์ เพราะความเพอร์เฟกต์น่าเบื่อ”
Q : เราควรจะมีความคิดอย่างไรเพื่อที่จะสร้างรสนิยมที่ดี
A : บางทีเราก็ไม่กล้าที่จะบอกนะว่าเรามีรสนิยมที่ดี เพราะพี่ขวัญรู้สึกว่าสิ่งเหล่านี้มันจับต้องค่อนข้างยาก คือบางทีเราก็รู้สึกว่าวันนี้เราแต่งตัวมาสวยแล้ว แต่คนอื่นอาจจะมองว่าน่าเบื่อไม่มีสีสันก็ได้ เพราฉะนั้นเราจะเป็นคนที่ไม่ค่อยตัดสินใคร และสิ่งที่เราชอบก็คือความเป็นตัวของตัวเองมากกว่า ชอบที่แต่ละคนมีสไตล์เป็นของตัวเอง บางทีในสังคมก็มักจะมีการวิพากษ์ วิจารณ์คนอื่นกัน … แต่สำหรับเรา เราจะรู้สึกว่า “สไตล์” มันไม่มีถูกหรือผิด เพราะเสน่ห์ของโลกใบนี้คือ “ความหลากหลาย” และ “เสน่ห์ของโลกก็คือความไม่เพอร์เฟกต์” นี่แหละ ไม่ใช่ว่าเรามีรสนิยมที่ดีที่สุด และสไตล์ของเราก็ไม่ใช่สไตล์ที่ดีที่สุด ซึ่งถ้าจะถามว่าทำอย่างไรให้มีรสนิยมที่ดี เราจึงตอบไม่ได้ เพราะแต่ละคนมีเสน่ห์ และความแตกต่างที่ไม่เหมือนกัน ซึ่งมันก็สะท้อนความเป็นไปของโลกใบนี้ พร้อมๆ กับการสร้างสีสัน และความสนุก ที่ทำให้โลกมันไม่น่าเบื่อเวลาเราได้ออกไปพบเจอ ฉะนั้นพี่ขวัญคงจะไม่บอกว่าต้องทำอย่างไรถึงจะมีรสนิยมที่ดี เพราะส่วนตัวไม่ใช่คนแบบนั้น และพี่ขวัญชอบมากกว่าที่จะบอกให้ใครก็ได้มีความเป็นตัวของตัวเอง ไม่ว่าคุณจะสไตล์ไหน คุณก็สามารถเป็นเวอร์ชันที่ดีที่สุดของคุณได้ และ “ไม่ต้องกลัวถ้าใครจะมองว่าเราไม่เพอร์เฟกต์ เพราะความเพอร์เฟกต์น่าเบื่อ”
Q : เพราะฉะนั้นการที่จะดูหรู ดูแพงเราควรจะต้องทำอย่างไร
A : อย่างที่พี่ขวัญบอก ว่าการที่คนอื่นมองว่าเราเป็นแบบนั้น เราก็รับรู้ว่าคนมองเราอย่างไร แต่ถ้าถามว่าเราเป็นอย่างไร เราก็จะบอกว่าจริงๆ แล้วเราเป็นคนธรรมดามากๆ เป็นคนง่ายๆ ติดดินมากๆ แต่ถ้าจะบอกว่าการติดดินของเรา คือ การที่วันเสาร์ อาทิตย์เราไม่แต่งตัว เราสะพายย่ามมันก็ไม่ใช่ เราแค่รู้สึกว่าเราสนุกสนานกับชีวิต กับทุกสิ่งทุกอย่าง สิ่งที่คนเห็นเราใส่มากที่สุดก็อาจจะเป็นอะไรที่เรียบๆ … คนอื่นอาจจะบอกว่างั้นพี่ขวัญเป็นพวกมินิมอลหรือเปล่า ก็ไม่ใช่ค่ะ เพราะบางทีถ้าเราอยากจะสนุก อยากจะเล่นใหญ่ขึ้นมา เราก็สามารถที่จะแต่งตัวอลังการได้เลย เพราะพี่เคยบอกหลายคนว่าเสื้อผ้าที่มีโบว์เล็กๆ ติดอยู่นี่ไม่ใส่นะ ไม่ชอบ ไม่เอา แต่ถ้าให้ใส่โบว์ที่ใหญ่ๆ เราใส่ และคนแบบนี้ไม่น่ามินิมอล … พี่ขวัญเลยคิดว่าถ้าให้พูดถึงตัวเอง คือ เราไม่ได้ตั้งใจให้ตัวเองดูหรู หรือดูแพง แต่สิ่งต่างๆ ที่เราเป็นมันทำให้คนรอบตัวมองเราเป็นแบบนี้ โดยเราก็จะอธิบายว่าเราเป็นในสิ่งที่เราเป็น ฉะนั้นการที่ทำให้ตัวเองดูหรู ดูแพง คงตอบไม่ได้ว่าเป็นอย่างไร “เพราะถ้าเราเป็นในแบบที่เราไม่ใช่ เราก็เป็นได้ แต่ท้ายที่สุด เราก็จะคืนกลับมาสู่ตัวตนที่แท้จริงของเราอยู่ดี”
Q : คุณสู่ขวัญเป็นคนที่ชอบเรื่องการออกแบบดีไซน์ไหม
A : จริงๆ เป็นคนชอบการออกแบบ เพราะด้วยหน้าที่การงาน เราเลยต้องคอยคิดว่าเราจะต้องแต่งตัวแบบไหน และเราก็แต่งมาแล้วทุกแบบที่อยากแต่ง ซึ่งบางทีเราก็อยากจะบอกหลายๆ คนว่าเสื้อผ้าทุกอย่างเนี่ยมันสวยนะ แต่ที่เราไม่เลือกหยิบมาใส่ เพราะมันไม่เหมาะกับเรา ซึ่งนั่นไม่ได้แปลว่ามันไม่สวย ส่วนบางอย่างมันดูธรรมดามากๆ อาจจะเป็นแค่สี่เหลี่ยมผืนผ้าที่แพงมาก แต่เรามองแล้วเรารู้สึกว่าเขาทำของแบบนี้ขึ้นมาได้อย่างไร ของแบบนี้มันทำให้เราประทับใจได้ตลอด และบางทีของแบบนี้มันมีเต็มไปหมด คล้ายๆ กันไปหมด สวยไปหมด แต่ก็ไม่ใช่ทุกชิ้นที่จะดึงดูดเรา … เพราะสำหรับพี่ขวัญ เรารู้สึกว่าแค่สวยอย่างเดียวไม่พอ มันต้องมีอะไรที่ดึงดูดเรามากกว่านั้น เช่น เครื่องเพชรมันมีความสวย มีมูลค่าอยู่แล้ว ซึ่งคนอื่นก็มองว่าดูสวย ดูแพง เทียบกับสร้อยอีกเส้นที่เรียบๆ มีขีด มีเส้น นิดนึงเป็นแค่งานดีไซน์อย่างเดียว ไม่ได้มีมูลค่าอะไร แต่พอเราใส่แล้ว กลายเป็นว่าเราอยากให้คนเห็นเราในแบบนี้มากกว่า มันแสดงตัวตนของเรา หรือเวลาที่เรามองตัวเองในกระจกแล้วรู้สึกว่าทำไมเราดูดีจังเลย มันทำให้เราลืมไม่ลง ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่ามันเกิดจากเพราะอะไร ฉะนั้นของที่สวยไม่ใช่ของที่แพงเสมอไป “การที่เราเลือกอะไรซักชิ้นที่มันเกี่ยวกับการดีไซน์ มันต้องสะท้อนตัวตนของเราได้ดีกว่าคำพูดว่าเราคือใคร”
Q : จากประสบการณ์พี่ขวัญเคยเจอของชิ้นไหนที่มองแล้วรู้สึกว่าของชิ้นนี้มีค่า
A : จริงๆ พี่ขวัญเป็นคนที่ชอบกระเป๋ายากมาก คือพร้อมจะซื้อแต่ไม่รู้จะซื้ออะไร ไม่รู้ทำไม แล้วก็ไม่ชอบอะไรแบบที่คนเขาถือกันแล้วเราต้องมี เช่น บางใบที่วางๆ อยู่มันก็สวยดี แต่ทำไมไม่ซื้อก็ไม่รู้ ขณะที่บางใบดูเหมือนมันไม่มีอะไรเลยนะ แต่สำหรับเราทำไมมันเพอร์เฟกต์ เพราะงั้นเราเลยรู้สึกว่าการดีไซน์มันเป็นเรื่องยากมาก โดยเฉพาะรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่ทำให้ทุกอย่างมันแพงมากอย่างคู่ควร เช่น ความพิเศษพี่มองว่ามันไม่ใช่ความเยอะ แต่มันทำให้คนอื่นทำแบบนี้ไม่ได้ อย่างรองเท้าราคา 78,000 บาท ถามว่าแพงไหม คำตอบคือ “แพง” ถ้าเราลองมาคิดดูดีๆ ราคา 78,000 บาท ทำไมคนอื่นทำแบบเขาไม่ได้ จนถึงวันนี้เราก็ไม่มีคำตอบว่าทำไมเราถึงชอบการดีไซน์ มีแต่ความหลงใหลในรายละเอียดที่เขาทำได้ … พี่ถึงรู้สึกว่าบางครั้งของชิ้นนี้แหละ มันเป็นราคาที่เราต้องจ่าย เพราะรายละเอียดที่ไม่มีใครทำได้เหมือนเขา หรือแม้กระทั่งรถก็เหมือนกัน บางทีเราเห็นรถบางรุ่น เช่น รถคลาสสิคที่บางทีผ่านไปแล้ว 50 ปี รถเขายังสวยละมุนอยู่เลย เทียบกับบางคันผ่านไปแค่ 8 เดือน เราก็ไม่เอาแล้ว … ฉะนั้นพี่ถึงบอกว่าการดีไซน์ การออกแบบมันเป็นสิ่งที่เราไม่มีวันเข้าใจ เราบอกไม่ได้ว่าอะไรที่ทำให้เรารู้สึกแบบนั้นกับของแบบนี้ ที่ทำให้เราชอบมาก เพราะมันไม่ใช่แค่การมองแล้วจบ แต่ทำให้เรารู้สึกว่าของชิ้นนี้เจ๋ง ของชิ้นนี้สวย ด้วยความรู้สึกที่เรามองไปแล้วมันมีเรื่องราวออกมาจากสิ่งนั้น และเราก็จะให้คุณค่ากับสิ่งเหล่านี้มาก
Q : การที่เราจะตัดสินงานดีไซน์ชิ้นหนึ่ง มันเกิดจากประสบการณ์ของเราหรือไม่
A : พี่ขวัญคิดว่าทุกอย่างมันเริ่มต้นจากทัศนคติ และค่านิยม ซึ่งสิ่งนี้มันจะถูกถ่ายทอดไปกับทุกอย่างที่เราจะคิดทำ และพูด รวมไปถึงสิ่งที่เราเลือกในชีวิตด้วย ถ้าจะถามพี่ว่าอะไรที่พี่เคยเห็นในชีวิตที่มันสวยหรูติดตา หรือว่าภาพที่เราเห็นมันสลับซับซ้อนไหม คำตอบคือ “ไม่” เพราะถ้าให้เราวาดรูปออกมา มันก็เป็นแค่รูปภูเขาซ้อนกัน ข้างหน้ามีต้นไม้นิดนึง แต่ ณ ตอนนั้น ถ้าบนโลกมีคำจำกัดความว่าสง่างาม ภาพที่เราเห็นตรงนี้แหละ คือ ความสง่างามที่แท้จริง เพราะฉะนั้นการที่เวลาเรามองหา หรือเลือกอะไรเข้ามาในชีวิต เราก็น่าจะเลือกอะไรที่ไม่สลับซับซ้อน และสิ่งที่พี่เลือกในชีวิตจริงมันก็อาจจะเป็นแบบนั้น มันอาจจะสะท้อนจากประสบการณ์ของเรา สะท้อนจากค่านิยม กับมุมมองส่วนตัวของพี่ก็ได้ เพราะจุดตั้งต้นของพี่เอง พี่มองว่าธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่นั้นมันสวยงาม และสง่างาม
Q : คุณสู่ขวัญคิดว่าอะไรที่คู่ควรกับคำว่าสง่างามมากที่สุด
A : ถ้าถามว่าในชีวิต อะไรมันคู่ควรกับคำว่าสวยงาม และสง่างาม พี่ขวัญว่ามันคือธรรมชาติ ความคิดนี้มันเกิดขึ้นจากวันหนึ่ง เราไปเที่ยวแล้วมองเห็นเทือกเขาใหญ่ๆ คือมันไม่มีคำๆ อื่นเลย ณ ตรงนั้นเราเข้าใจแล้วถึงความหมายของคำว่าสง่างาม ว่ารู้สึกอย่างไร รู้สึกอะไรข้างใน มันถึงจะเหมาะสม ถ้าเราเทียบกับสิ่งของที่มนุษย์สร้างขึ้น หลายๆ อย่างก็เรียกได้ว่าสวยงาม และสง่างามอย่างไม่มีอะไรเทียบได้ เช่น ปราสาท ราชวัง แต่สุดท้ายแล้วในความรู้สึกของเรา “ไม่ว่ามนุษย์เราจะทุ่มเทใช้ความพยายามแค่ไหนในการสร้างสรรค์สิ่งใดก็ตามขึ้นมาในโลก สุดท้ายมันก็ไม่สามารถทดแทนสิ่งที่ธรรมชาติสร้างขึ้นได้” … ถ้าเทียบกับเพชร นิล จินดา มรกต ที่มีมูลค่าสูงมากจริงๆ กับภาพวิวที่เรากำลังเห็นอยู่ด้านหน้า แล้วถามว่าอะไรสวย เราก็คงจะต้องเลือกว่าภูเขาที่สูงตระหง่านอยู่ด้านหน้านั้น จนทำให้รู้สึกว่าตัวเราเล็กนิดเดียวนี่แหละ มันคือคำว่าสง่างามที่แท้จริงหาใครเทียบไม่ได้ ตัวอย่างเช่นคำบางคำที่เราได้ยินมาตลอด มันไม่ได้ยาก หรือซับซ้อนเลย และหลายๆ ครั้งเราเองแค่ไม่ได้เข้าใจมันจริงๆ จนสิ่งเหล่านั้นเกิดขึ้นกับเรา เช่นคำว่า “ชื่นใจ” ซึ่งคำว่าชื่นใจเกิดขึ้นตอนไหน อย่างตอนที่เรากำลังวิ่งมาเหนื่อยๆ แล้วมีคนส่งน้ำเย็นใส่น้ำแข็งให้ กินแล้วชื่นใจไหม ก็ชื่นใจ แต่คำว่าชื่นใจจริงๆ ก็คือ ตอนพี่ก้มหอมที่หัวของลูกพี่ นั่นแหละเราถึงเข้าใจว่าภาษาไทยมันลึกซึ้งมากกับคำว่า “ชื่นใจ” คือ “มันได้กลิ่นที่จมูก แต่มันรู้สึกที่หัวใจ” หรือ คำว่า Luxury ในชีวิตมันเกิดขึ้นตอนพี่วิ่งอยู่ในฟาร์ม สองข้างทางเป็นทุ่งหญ้าธรรมดา ไม่มีอะไรเลยที่ดูแพง แต่ตอนนั้นแหละ คือการที่พี่รู้สึกสัมผัสได้ถึงคำว่า Luxury ที่มีความหมายสำหรับเราว่า “ความ Luxury ที่แท้จริงเงินซื้อไม่ได้ แต่เป็นประสบการณ์ในชีวิต ที่ใครก็มีเหมือนเราไม่ได้”
Q : เห็นว่าคุณสู่ขวัญชอบงานศิลปะ คุณสู่ขวัญชอบงานศิลปะแบบไหน
A : เราเห็นความสวยงามในทุกรูปแบบ ถ้าขึ้นชื่อว่ามันคืองานศิลปะแล้ว เราไม่ได้ดูแค่ว่ามันสวย หรือไม่สวย เราดูเรื่องราวของมันด้วย เพราะฉะนั้นเวลาที่เราดูงานศิลปะ เรารู้สึกสนุกในการดู เพราะแต่ละรูปมันแตกต่างกันออกไป ซึ่งถ้าถามว่าเราชอบงานศิลปะแบบไหน พี่ขวัญคิดว่าเราชอบทุกรูปแบบ ไม่ใช่จากคำว่าสวยงามของงานศิลปะ หรือความเพอร์เฟกต์ หากแต่เกิดจากเรื่องราวของชิ้นงานที่สามารถเล่าเรื่องได้ และเรื่องที่เขาเล่าให้เราฟัง ก็ต้องเป็นเรื่องที่ถูกใจของเราด้วย
Q : ถ้าให้เลือกงานศิลปะหนึ่งชิ้นงานบนโลกนี้ได้ จะเลือกอะไร
A : มีค่ะ แต่มันยังไม่เกิดขึ้น เพราะมันเกิดขึ้นแค่ในสมองพี่ และก็เป็นความลับด้วยค่ะ
Q : Quote หรือ คติพจน์ ของคุณสู่ขวัญ คืออะไร
A : กับประสบการณ์ที่เราเจอมาทั้งหมด เราเชื่อคำว่า “SIMPLICITY IS THE BEST” ค่ะ
“บางครั้งความเรียบง่าย คือสิ่งที่ชีวิตเราต้องการมากที่สุด”