รีวิว : MG GS 1.5 Turbo รถอเนกประสงค์สุดหรู ราคาไม่ถึงล้าน
หลังจากส่ง รถอเนกประสงค์ รุ่น GS รุ่นแรก ทำตลาดอยู่พักใหญ่ ค่าย MG ก็ปล่อยของใหม่เสริมทัพอีกระลอกด้วย model MG GS 1.5 Turbo ลงตลาดด้วย 2 รุ่นย่อย คือ 890,000 บาท ในรุ่น 1.5 D และ 990,000 บาทในรุ่น 1.5 X ตามด้วยการร่อนหมายเชิญสื่อมวลชนสายรถยนต์ร่วมทดสอบสมรรถนะบนเส้นทางกรุงเทพฯ – ชัยภูมิ – อุดรธานี
องค์ประกอบต่างๆ ของโมเดล MG GS 1.5 Turbo ด้านรูปลักษณ์นั้นยงคงไม่แตกต่างจากรุ่นเดิม คือ 2.0 Turbo มากนัก ในขณะที่จุดเด่นสำคัญแท้จริงของ MG GS 1.5 Turbo ก็คือ สมรรถนะจากเครื่องยนต์ 1.5 ลิตรพ่วงระบบอัดอากาศอย่างเทอร์โบ ซึ่งเครื่องยนต์บล็อคนี้เป็นบล็อคที่ได้พัฒนาขึ้นใหม่ทั้งหมด ไม่ได้ยกมาจาก MG5 Turbo โดยจะให้พละกำลังสูงสุด 167 แรงม้าที่ 5,600 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตรที่ 1,700 – 4,400 รอบต่อนาที พร้อมด้วยระบบส่งกำลังลูกใหม่แบบเกียร์อัตโนมัติ TST 7 สปีด ในขณะที่ระบบช่วงล่าง MG GS 1.5 Turbo นั้นยังคงใช้พื้นฐานด้านหน้าแบบอิสระแมคเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง ส่วนด้านหลังเป็นแบบอิสระมัลติลิงค์ พร้อมเหล็กกันโคลง ซึ่งมีการเซ็ทอัพใหม่เพื่อให้เหมาะสมกับสมรรถนะรวมถึงน้ำหนักตัวรถที่เบาลงกว่ารุ่น 2.0 โดยเมื่อเทียบกับรุ่นท็อปสุดขับเคลื่อน 4 ล้อ ซึ่งมีน้ำหนัก 1,642 กก. กับรุ่นใหม่นี้ MG GS 1.5 Turbo มีน้ำหนักลดลงถึงราวๆ 182 กก. และถ้าเทียบกับรุ่น 2.0 ขับเคลลื่อน 2 ล้อจะมีน้ำหนักที่เบาลงถึง 82 กก. เลยทีเดียว โดยน้ำหนักที่เบาลงของ MG GS 1.5 Turbo นั้นยังมีส่วนจากล้ออัลลอยด์ที่ขยับลงมาใช้ขนาด 17 นิ้ว พร้อมขนาดยางใหม่ 215/ 60 R17 แทนจากเดิม 18 นิ้ว พร้อมยาง 235/50 R18 ในรุ่น 2.0
และการลดน้ำหนักในครั้งนี้ทำให้ MG GS 1.5 Turbo มีบุคคลิกลักษณะที่เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดตลอดเส้นทางการทดสอบ ซึ่งผลสรุปก็คือมีความขับสนุกมากขึ้นด้วยสมรรถนะต่อน้ำหนักที่มีความลงตัวสามารถกดคันเร่งขับเพลินๆ ในโหมด D ได้อย่างสบายๆ และเร่งแซงได้อย่างทันใจ ซึ่งถ้าหากยังไม่สะใจมากพอก็สามารถดึงคันเกียร์เข้าหาตัวเป็นโหมด S (Sport) และปรับเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์เองได้จากทั้งตำแหน่งคันเกียร์ หรือแป้นเปลี่ยนเกียร์ Paddle Shift หลังพวงมาลัยได้เช่นกัน
ส่วนความรู้สึกจากระบบช่วงล่างนั้นเรียกว่าขับสบายมากขึ้น ทั้งจากขนาดล้ออัลลอยด์ และยางที่หน้าแคบลง จึงทำให้เกิดความคล่องตัวมากขึ้น ทั้งยังรู้สึกนุ่มนวลมากขึ้นกับซีรี่ส์ของยางขนาด 215/ 60 ในขณะที่ระบบความมั่นใจนั้นก็ยังคงมีให้สัมผัส เช่นเดียวกับอารมณ์ความสปอร์ตขับสนุกที่ทำให้การเดินทางจากจุดเริ่มต้นโรงแรมโนโวเทล สุวรรณภูมิ จนถึงร้านอาหารบ้านไม้ชายน้ำ อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ต่อเนื่องไปจนถึงโชว์รูม MG จังหวัดชัยภูมิ ด้วยถนนสายรองแบบ 2 เลนสวนลัดเลาะไปตามเส้นทางธรรมชาติที่มีทั้งทางตรง ทางโค้ง ตลอดจนการใช้สมรรถนะของเครื่องยนต์เพื่อเร่งแซงก็ตาม แต่ MG GS 1.5 Turbo ก็ยังคงทำหน้าที่ได้อย่างดี จนกระทั่งเดินทางมาถึงโชว์รูม MG จังหวัดชัยภูมิ
หลังจากเยี่ยมชมโชว์รูม MG จังหวัดชัยภูมิ ขบวน MG GS 1.5 Turbo ก็ออกเดินทางต่อโดยยังคงใช้ถนนสายรองเช่นเดิม เพื่อเป็นการตอกย้ำถึงสรรถนะ ซึ่งโดยส่วนตัวผมรู้สึกชอบมากกับเส้นทางแบบนี้ เนื่องจากได้ทดสอบ และเรียนรู้อะไรหลายอย่างที่ทำสื่อสารได้ดีกว่าวิ่งบนทางหลวง High Way ปกติ จนกระทั่งมาถึงที่พักในค่ำคืนนี้กับ โรงแรมอวานี จังหวัดขอนแก่น
จากโรงแรมอวานี จังหวัดขอนแก่น เช้ารุ่งขึ้นเราเดินทางต่อด้วยโปรแกรมขำๆ กับการขับประหยัดน้ำมันด้วย
ระยะทางที่ไม่ต่ำกว่า 110 กม. ในระยะเวลาราว 1.30 ชม. กับน้ำมัน E20 ที่ทีมงานหยอดให้จนถึงคอถัง ซึ่งในช่วงแรกจากโรงแรมการจราจรก็ค่อนข้างติดขัด และวุ่นวายพอสมควร แต่เมื่อออกเดินทางก็สามารถใช้คันเร่งได้อย่างเต็มที่ และด้วยระยะเวลา กับระยะทาง ทำให้ความเร็วที่ใช้นั้นควรอยู่ประมาณ 100 – 100 กม./ชม. แต่ด้วยผมเองที่ชะล่าใจไปนิดกับการจราจร เลยทำให้ใช้เวลาเกินไปหน่อย ด้วยความเร็วเดินทางที่ประมาณไม่เกิน 90 กม./ชม. จนต้องมาเร่งคืนในช่วงใกล้หมดเวลา ด้วยความเร็วประมาณไม่เกิน 120 กม./ชม. ซึ่งแม้จะช้าไปกว่าเวลาที่กำหนดราว 3-4 นาที แต่อัตราสิ้นเปลืองก็น่าพอใจไม่น้อย ด้วยตัวเลขเฉลี่ยกว่า 17 กม./ลิตร และนับเป็นตัวเลขที่น่าประทับใจไทีเดียว หากคุณเป็นคนที่ไม่รีบร้อนกับการขับขี่มากเกินไป
ส่วนเรื่องของออพชั่นใน MG GS 1.5 Turbo ก็เรียกว่ายังคงมอบความครบครันได้อย่างดีทั้งจากระบบ Inkanet รวมถึงระบบความปลอดภัย 12 เทคโนโลยีมาตรฐานยุโรป (SYNCHRONIZED PROTECTION SYSTEM) ซึ่งมีความต่างตรงที่ถอดระบบเตือนแรงดันลมยาง TPMS – Tire Pressure Monitoring System ออกไป โดยเราเองเชื่อว่าก็คงไม่ได้มีผลอะไรมากมาย เพราะระบบความปลอดภัยหลักๆ ยังคงอยู่ และทำงานเต็มประสิทธิภาพเช่นเดิม
ฉะนั้นคำตอบของเราหลังจากได้ลิ้มลองสมรรถนะของ MG GS 1.5 Turbo แล้ว คงสรุปได้สั้นว่า “คุ้มค่า และน่าเป็นเจ้าของอย่างยิ่ง หากใครยากได้ทั้งหมดสำหรับรถอเนกประสงค์ชั้นหรูซักคันในราคาที่ไม่ถึงล้านบาท”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
“ 2017 MG Silk Road Driving Tour ” คาราวานรถสปอร์ตคลาสสิก เอ็มจี กรุงเทพฯ – กรุงลอนดอน
เอ็มจี ( MG ) ชวนร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นเที่ยว ฟรี ทั้งครอบครัว