รีวิว Hilux Revo Caravan Trip ด้วย TOYOTA Hilux REVO บทพิสูจน์จริงระดับโลก คูก้าร์ – คาชการ์

โพสต์เมื่อ 1st กรกฎาคม 2016 หมวดหมู่: Test Drive by iAMCAR โดย ป๋าซุ่ม..ขยุ้มหัวใจ

Hilux Revo Caravan Trip วันนี้ TOYOTA Hilux REVO คงต้องออกแรงมากสักหน่อย ด้วยระยะทางกว่า 700 กิโลเมตร กว่าจะถึง เมืองคาชการ์ เมืองที่ถือเป็นหัวใจหลักบนเส้นทางสายไหมในอดีต วันนี้ภูมิประเทศที่ราบกึ่งทะเลทรายถนนเรียบๆ ยังเมื่อเดิม แต่สภาพอากาศในวันนี้ไม่สดใสเหมือนทุกวัน มีลมแรงพัดมากอย่างต่อเนื่อง หลายครั้งที่คาราวานต้องเจอกับพายุทะเลทรายที่มาพร้อมบรรดาฝุ่นและเม็ดทรายที่พัดเข้าหารถตามแรงลมของพายุอย่างหนัก

 

ทำให้รถโคลงไปโคลงมาเวลาขับ แต่นี้ก็เป็นบทพิสูจน์ให้เห็นถึงการทดสอบความนิ่งของตัวรถและสมรรถนะของช่วงล่างได้เป็นอย่างดี
ในช่วงบ่ายทีมคาราวานหยุดพักรับประทานอาหารกลางวันกันที่เมืองอัคสุ (Aksu) เมืองใหญ่เมืองหนึ่งในภูมิภาคซินเกียง แค่เลี้ยวเข้าเมืองก็พบด่านตรวจของตำรวจซึ่งผมเชื่อว่าทุกๆ ท่าน ในคาราวานเต็มใจให้ตรวจเนื่องจากคุณตำรวจหญิงเมืองนี้สวยมากๆ

หลังจากทานอาหารเที่ยงเสร็จเรียบร้อย ช่วงบ่ายเราขับยาวกันมาเรื่อย ๆ มีการหยุดตรวจที่ด่านในบางครั้ง ไม่นานเราก็มาถึงเมืองคาชการ์ และเข้าพักที่โรงแรม Kashi Tianyuan Hotel ซึ่งอยู่ติดกับอนุสาวรีย์ท่านประธานเหมา เจ๋อ ตุง วันพรุ่งนี้เราจะหยุดพักที่คาชการ์หนึ่งวัน ฉะนั้นเราจะมาทำความรู้จักกับคาชการ์ (Kashgar) หรือ คาสือ (Kashi) เมืองที่ถือว่าเป็นทั้งศูนย์กลางการเมือง การค้า และวัฒนธรรม ที่สำคัญของเส้นทางสายไหมกัน คาชการ์ เป็นเมืองที่ตั้งอยู่สุดพรมแดนทางตะวันตกของจีน เป็นจุดบรรจบแห่งอารยธรรมโบราณบนเส้นทางสายไหมอันเก่าแก่กว่า 2,000 ปี ในสมัยโบราณเมื่อกองคาราวานยุคเส้นทางสายไหมเดินทางมาถึงที่นี่ได้ นับว่าปลอดภัยแล้ว เนื่องจากได้ผ่านพ้นเส้นทางทะเลทรายช่วงที่ยากที่สุดมาเรียบร้อยแล้วนั่นเอง ซึ่งในอดีตมืองนี้เป็นเมืองที่เคยผ่านการถูกยึดครองทั้งจาก อังกฤษ รัสเซีย ชนชาติอาหรับ และ จีน

เมืองโอเอซิสแห่งนี้ตั้งอยู่บนแอ่งที่ราบทาริม (Tarim) บนขอบทะเลทรายตากลามากัน (Taklamakan) อันกว้างใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากทะเลทรายซาฮาร่า (Sahara) ที่นี่อาจเป็นเพียงแห่งเดียวในโลก ที่ผู้มาเยือนจะมีโอกาสได้เห็นชาวมุสลิมคีบตะเกียบและกินก๋วยเตี๋ยวกันอย่าง เอร็ดอร่อย นอกจากนี้ยังเป็นเมืองที่สามารถเชื่อมต่อไปยังปากีสถาน บนเส้นทางคาราโครั่มไฮเวย์ (Karakoram Highway) ซึ่งเป็นถนนที่เชื่อมระหว่างคาชการ์กับกรุงอิสลามาบัด (Islamabad) ในปากีสถานอีกด้วย

ทีมคาราวานจะพักการขับรถ และเดินทางสำรวจเมืองด้วยรถบัสพร้อมกับไกด์ท้องถิ่นแทน เริ่มที่แรกกันที่ตลาดค้าส่งหลักอันขึ้นชื่อประจำเมือง (Kashgar western & Asian Bazaar for International trade) มีสินค้าแทบจะทุกประเภท ตั้งแต่เครื่องเทศ เสื้อผ้าพื้นเมือง ผ้าพันคอ รองเท้า เครื่องหนัง ขนม ของเล่น ฯลฯ ทีมคาราวานซื้อของไป ถ่ายรูปไป ซึ่งก็ได้ของติดไม้ติดมือกันมาพอสมควร เพราะของที่นี่ราคาถูกมาก ผู้คนก็น่ารัก ยิ้มแย้มแจ่มใส และดูมีไมตรีให้กับคนต่างถิ่นเป็นอย่างดี
จากนั้นได้เวลาไปสำรวจเขตเมืองเก่ากันบ้าง โดยเมืองเก่าของคาชการ์นั้นมีอยู่สองที่ ตั้งอยู่ตรงข้ามกัน ฝั่งหนึ่งเป็นเมืองเก่าที่ไม่ได้รับการบูรณะ ส่วนอีกฝั่งเป็นเมืองเก่าที่สร้างขึ้นมาภายหลัง และได้รับการยกย่องให้เป็น สถานที่ท่องเที่ยวระดับ 5 ดาว ซึ่งจุดแรกที่ทีมคาราวานเข้าไปชมคือ ฝั่งที่เป็นเมืองเก่าจริงๆ ไม่ได้รับการบูรณะ ใด ๆ จากทางการ สภาพจึงค่อนข้างทรุดโทรมและผุพังอย่างเห็นได้ชัด บางส่วนก็ถูกรัฐบาลรื้อถอนออก ซึ่งเป็นที่น่าเสียดายมากที่ไม่ได้รับการอนุรักษ์และดูแลอย่างเหมาะสม ภายในเมืองเก่าแห่งนี้ ยังมีคนอาศัยอยู่จริง ส่วนมากจะเป็นเด็ก ผู้หญิง และคนชรา เนื่องจากผู้ชายจะออกไปทำงานหาเลี้ยงครอบครัวกันเสียส่วนใหญ่

หลักจากนั้นเราข้ามมายังเมืองเก่าแห่งที่สอง ซึ่งเป็นจุดท่องเที่ยวหลักระดับ 5 ดาว ของเมืองคาชการ์ ถึงแม้จะถูกสร้างขึ้นมาภายหลังแต่ได้รับการประชาสัมพันธ์อย่างจริงจังให้ เป็นจุดท่องเที่ยวหลัก ณ ที่แห่งนี้เป็นตึกรามบ้านช่องที่หน้าตาคล้าย ๆ กัน ตั้งเรียงรายอยู่ตลอดทาง มีร้านอาหารที่ได้รับการตกแต่งและดูแลอย่างดี ผู้คนยิ้มแย้ม มีถนนเส้นหลักสำหรับรถวิ่ง และตรอกซอกซอยเล็กๆ ให้นักท่องเที่ยวได้เดินชมเมืองและสัมผัสวิถีชีวิต วัฒนธรรมความเป็นอยู่ของผู้คนที่นี่

ซึ่งหลังจากที่เดินชมอยู่ครึ่งวัน เราพอจะนิยามเมืองนี้ได้ว่า เป็นเมืองจีนที่ไม่มีความเป็นจีน หลังจากนั้นทีมคาราวานได้ไปเยี่ยมชมสุสานอาบัค โฮจา (Apak Hoja) อนุสรณ์สถานที่อุทิศให้กับอาบัค โฮจา นักบวชซูฟีย์ ในสำนักชบันดีผู้มีชื่อเสียงที่สุดในซินเจียง เขามีชีวิตอยู่ในช่วงศตวรรษที่ 17 ศพของท่านได้ถูกฝังไว้ที่นี่ร่วมกับสมาชิกในครอบครัวอีกหลายคน ตัวสุสานที่ทำด้วยหินอ่อน ด้านในมีโรงศพพร้อมชื่อของแต่ละคนซึ่งทางคณะได้เข้าไปสักการะ

จากนั้นไปเยี่ยมชม มัสยิดอิดกาห์ มัสยิดที่ใหญ่ที่สุดในจีน รองรับคนได้ถึงหนึ่งหมื่นคน คำว่า “อิดกาห์” เป็นภาษาฟาร์ซี หมายถึง สถานที่แห่งเทศกาล ทุกวันศุกร์ชาวมุสลิมเผ่าอุยกูร์จะมารวมตัวประกอบพิธีศาสนกิจกันที่นี่ โดยสถาปัตยกรรมของมัสยิดแห่งนี้เป็นสไตล์เอเชียกลางขนานแท้ที่สง่า และสวยงามอีกหนึ่งมัสยิดในภูมิภาคนี้
ก่อนจะหมดวัน ทีมคาราวานไปเดินเล่นชมวิวกันที่จตุรัสก๋วงฉ่าง ซึ่งเป็นที่ตั้งของรูปปั้นท่านประธานเหมา เจ๋อ ตุง อีกหนึ่งสัญลักษณ์ที่เตือนให้ทีมงานรู้ว่าวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่เราอยู่ใน ประเทศจีน เพราะวันพรุ่งนี้คาราวานไฮลักซ์ รีโว่ จะเดินทางไกลข้ามชายแดนจีนเข้าสู่ประเทศคีร์กีซสถานกันแล้ว