“เปลือย” รายละเอียด Honda Accord 2017-2018 เปิดตัวล่าสุดที่อเมริกา … ส่วนบ้านเรารอลุ้นกันต่อไปว่าจะมาหรือไม่?

โพสต์เมื่อ 16th กรกฎาคม 2017 หมวดหมู่: รถใหม่ต่างประเทศ โดย Poyee Poyee

Honda ฝั่งอเมริกาเผยโฉมล่าสุดโมเดล Honda Accord เจนเนอเรชั่นที่ 10 ยนตรกรรมขนาดกลางที่มีทำยอดขายสูงสุดมาโดยตลอด ซึ่งโมเดลล่าสุดนี้มาพร้อมการยกระดับ ด้วยสไตล์อันเป็นเอกลักษณ์ พร้อมด้วยการผสมผสานความสปอร์ต และหรูหราเต็มขั้น

Honda Accord Gen 10 “เนื้อตัวดี” แบบไม่ต้องมี “เชียร์” ก็ยอมจ่าย

Honda Accord ใหม่ เติบโตขึ้นด้วยมิติตัวถังที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ ด้วยฐานล้อที่ยาวขึ้นอีก 2.16 นิ้ว ปรับลดความสูงตัวถังลงอีก 0.59 นิ้ว และเพิ่มความกว้างตัวถังขึ้นอีก 0.39 นิ้ว ทำให้ระยะฐานล้อต้องเพิ่มขึ้นอีก 0.20 นิ้วในด้านหน้า และ 0.79 นิ้วในด้านหลัง ตามด้วยการปรับลดระยะความยาวตัวถังรถลงอีก 0.39 นิ้ว นอกจากนี้ยังปรับตำแหน่งของเบาะนั่งด้านหน้าใหม่ให้ต่ำลงอีก 1 นิ้ว และด้านหลัง 0.79 นิ้ว

ด้านรูปลักษณ์ภายนอกมากับดีไซน์แบบ Dynamic พร้อมด้วยความโดดเด่นจากกระจังหน้าที่ออกแบบในรูปทรง Wing ตกแต่งด้วยโครเมี่ยม ที่ลงตัวกับชุดกันชนหน้าดีไซน์ใหม่ที่มากับช่องดักอากาศขนาดใหญ่ ตามด้วยชุดไฟหน้าที่โดดเด่นด้วยระบบ Full-LED ข้างละ 9 ดวง พร้อมไฟตัดหมอกหน้าแบบ LED ช่วยเสริมให้ด้านหน้าดูแข็งแกร่งมากขึ้น

ทั้งยังสื่อให้เห็นถึงแนวเส้นในด้านข้างตัวตัวที่ออกแบบให้ผสมผสานด้วยความยาว, ความแข็งแกร่ง และความสูงที่ลดลงของตัวถัง ต่อเนื่องไปถึงในส่วนของด้านหลังที่ดีไซน์ ที่มากับความโดดเด่นของชุดไฟท้ายแบบ LED รูปทรงเฉี่ยว และชุดท่อไอเสียคู่ ซึ่งจากงานดีไซน์โดยรวมแล้ว New Accord ใหม่มีคุณสมบัติด้านอากาศพลศาสต์ที่ดีขึ้นกว่าเดิมราว 3%

“เนียน” น่าสัมผัส ในทุกรายละเอียดของความหรูหรา

ห้องโดยสารมากับงานดีไซน์ที่เน้นความกว้างขวาง ในขณะที่แนวหลังคาถูกความสูงลงราว 20% โดยเฉพาะในด้านหลัง ส่วนการตกแต่งนั้นเลือกใช้วัสดุแบ Soft-Touch พร้อมด้วยงานออกแบบที่เน้นความบางเบา แต่ผสมผสานด้วยความแข็งแกร่ง ทั้งยังมีการออกแบบพวงมาลัยใหม่โดยเน้นสไตล์สปอร์ต ที่มาพร้อมแป้นเปลี่ยนเกียร์ Paddle Shift หลังพวงมาลัย

ตามมาด้วยงานดีไซน์ใม่ของเบาะนั่ง ที่มีการเพิ่มความสูงของช่วงไหล่เพื่อให้โดยสารได้อย่างสบายมากขึ้น ซึ่งฝั่งคนขับนั้นมาพร้อมระบบปรับระดับได้ถึง 12 ทิศทาง พร้อมระบบนวด ในขณะที่ฝั่งผู้โดยสารด้านหน้า และตอนหลังนั้นมากับระบบทำความร้อนติดตั้งมาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน

ทางด้านสิ่งอำนวยความสะดวกของ Honda Accord 2018 นั้นมากับระบบ HMI เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด ซึ่งประกอบด้วยหน้าจอ TFT สำหรับแสดงข้อมูลการขับขี่ขนาด 7 นิ้ว และหน้าจอขนาด 8 นิ้วแบบ Touchscreen ในการรองรับระบบความบันเทิงต่างๆ เช่น Apple CarPlay™ และ Android Auto™ ทั้งยังรวมถึงระบบเชื่อมต่อ HondaLink เจนเนอเรชั่นล่าสุด ที่มากับฟังค์ชั่น การขอความช่วยเหลือฉุกเฉิน Emergency Roadside Assistance, ระบบสั่งการควบคุมการเปิด-ปิดล็อค และสตาร์ทเครื่องยนต์จากระยะไกล Remote Locking/Unlocking and Engine Start, ระบบการติดตามสัญญาณเมื่อรถสูญหาย Stolen Vehicle Tracking, ระบบการตวจสอบทางไกล Remote Diagnostics, ระบบการจำกัดขอบเขต Geofencing และระบบการตรวจจับความเร็ว Speed Tracking และอื่นๆ อีกมากมาย

สำหรับในรุ่นย่อย Touring ทั้งเครื่องยนต์ 1.5 และ 2.0 ลิตรนั้น จะมากับออพชั่นหน้าจอ TFT ขนาด 6 นิ้ว พร้อมระบบ Head Up Display ซึ่งเลือกได้ตั้งแต่ความเร็วที่ใช้, รอบเครื่องยนต์, ระบบนำทาง Navigation และระบบแจ้งเตือนเครื่องงหมายการจราจร Traffic Sign Recognition ทั้งยังรวมถึงการติดตั้งระบบอำนวยความสะดวกอย่างเช่น ระบบชาร์จแบบไร้สาย Wireless Device Charging, การเชื่อมต่อสัญญาณ Bluetooth อัตโนมัติ และการรองรับสัญญาณระบ 4G Wi-Fi และการเชื่อมต่อสัญญาณ Wi-Fi จากภายนอก

“งานดี” สั่งได้ จากหลากหลายทางเลือกขุมพลัง

Honda Accord 2018 พกพาขุมพลังมาให้เลือกหลากหลายรายการ โดยมี 2 ทางเลือกขุมพลังเบนซินใหม่ แบบDirect Injection พ่วงของแรงอย่าง Turbocharged บนพื้นฐานเครื่องยนต์แบบ 4 สูบ นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งสมรรนะจากเครื่องยนต์ Hybird เจนเจอเรชั่นที่ 3 จากค่าย Honda

โดยรายละเอียดด้านเครื่องยนต์นั้นเริ่มจากขุมพลัง 1.5 ลิตร แบบ 4 สูบ 16 วาล์ว Direct-Injection พ่วง Turbocharged และระบบวาล์วแปรผัน Dual VTC- Variable Timing Control ซึ่งจะมีกำลังสูงสุด่ที่ 192 แรงม้าที่ 5,500 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 260 นิวตัน-เมตร ที่ 1,500 – 5,000 รอบต่อนาที ซึ่งมีกำลังมากกว่าเครื่องยนต์บล็อคเดิม 2.4 ลิตร ส่วนระบบส่งกำลังนั้นมากับเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT หรือจะเลือกเพิ่มความเร้าใจ ด้วยรุ่นย่อยที่เน้นความสปอร์ตด้วยเกียร์ธรรมดา 6 สปีด

ทางด้านรุ่นเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว Direct-Injection พร้อมตัวช่วยกับ Turbocharged และระบบ i-VTEC® ซึ่งมีพละกำลังอยู่ 252 แรงม้าที่ 6,500 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 370 นิวตันเมตรตั้งแต่ 1,500 ถึง 4,000 รอบต่อนาที โดยมีระบบส่งกำลังทั้งเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด หรือเกียร์ธรรมดา 6 สปีดให้เลือก

ส่วนรุ่นขุมพลังรักษ์โลกนั้นมากับเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร Atkinson Cycle ซึ่งมีการปรับปรุงให้มีความประหยัดมากขึ้นถึงอีกราว 40% พร้อมกับการทำงานร่วมกันของระบบมอเตอร์ไฟฟ้าที่ได้พัฒนาขึ้นใหม่ โดยเป็นมอเตอร์ไฟฟ้ารุ่นแรกของโลกที่ใช้แม่เหล็กเข้ามาแทนที่โลหะหนัก และใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัวทำหน้าที่ขับเคลื่อน โดยไม่ต้องพึ่งพาระบบเกียร์อัตโนมัติ

ทั้งยังมีการออกแบบระบบไฮบริดใหม่ ทั้งชุด IPU – Intelligent Power Unit และชุดแบตเตอรี่ ตลอดจนในส่วนระบบควบคุมทั้งหมด ซึ่งย้ายไปอยู่ในตำแหน่งบริเวณใต้ท้องรถค่อนไปทางด้านหลัง แทนที่จากจุดเดิมคือใต้ท้องรถบริเวณห้องเก็บสัมภาระหลัง ทั้งนี้ก็เพื่อรักษาพื้นที่ใช้สอย ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยน และเพิ่มพื้นที่ได้จากเบาะนั่งด้านหลังพับได้แบบ 60/40

อัพแกรดเต็มขั้น เพื่อสมรรถนะการขับขี่ที่ “เหนือ” กว่า

โครงสร้างตัวถังที่ได้รับการอัพเกรดใหม่ให้เบาลง และมีความแข็งแกร่งขึ้น ด้วยสัดส่วน 28% ที่เปลี่ยนวัสดุเป็นเหล็กกล้าพิเศษ Ultra-High-Strength Steel และเหล็กกล้า High-Strength Steel 54.2% พร้อมด้วยการผลิตจากเทคโนโลยีใหม่ เจนเนอเรชั่นล่าสุด Honda’s Advanced Compatibility Engineering™ (ACE™) ทั้งยังรวมถึงการติดตั้งระบบช่วงล่างที่อัพเกรดขึ้นใหม่จากพื้นฐานด้านหน้าแบบแม็คเฟอร์สันสตรัท พร้อมมชุด Control Arm และ Subframe ที่ทำจากวัสดุอลูมิเนียม

ในขณะที่ด้านหลังแบบมัลติลิงค์นั้นออกแบบจุดยึดใหม่ พร้อมด้วยการติตดั้ง Subframe ด้านหล้ง และเปลี่ยนวัสดุบูชยาง เพื่อให้มีความนุ่มนวลในการขับขี่ และดูดซับแรงสั่นสะเทือนได้ดีขึ้น ทั้งยังเป็นครั้งแรกที่มีการติดตั้งระบบ Adaptive Damper System สำหรับทำหน้าที่ปรับแต่งระบบช่วงล่างให้เหมาะสมกับสภาพถนนที่ใช้ขับขี่ ซึ่งทำงานได้อย่างรวดเร็วในระดับ 500 ครั้งต่อ 1 วินาที

นอกจากนี้ยังเพิ่มอารมณ์สปอร์ตในการขับขี่ด้วยการลดจุดศูนย์ถ่วงให้ต่ำลง จากการปรับลดความสูงช่วงล่างลงอีก 10 มม. พร้อมด้วยการปรับเซ็ทน้ำหนักหน้า-หลังที่ 60/40 ในทุกรุ่น ยกเว้นรุ่นเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร i-VTEC turbo เกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ที่จะมีอัตราส่วนน้ำหนักหน้า-หลังที่ 61/39

ในทุกรุ่นของ Accord ใหม่จะมาพร้อมกับฟังค์ชั่นการขับขี่ให้เลือก 2 โหมด คือ Normal และ Sport โดยเฉพาะในโหมด Sport ที่ระบบจะทำหน้าที่ปรับแต่งการถ่ายทอดพละกำลัง รวมถึงการทำงานของระบบพวงมาลัยเพาเวอร์ใหม่แบบ Dual-Pinion Variable-Ratio Electric Power Steering (EPS), ระบบส่งกำลัง, คันเร่งไฟฟ้า, ระบบช่วงล่าง และระบบ Active Sound Control system นอกจากนี้ยังติดตั้งระบบ ECON มาให้เพื่อการประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้น

ครบครัน จัดเต็ม กับมาตรฐานความปลอดภัย

ระบบความปลอดภัยนั้นจัดเต็มด้วยระบบ Honda Sensing® ซึ่งประกอบด้วย ระบบ Collision Mitigation Braking System™ (CMBS™) ที่แจ้งเตือนทั้งภาพและเสียง ทำให้ผู้ขับขี่ทราบถึงความเสี่ยงต่อการชนที่ด้านหน้า, ระบบ Lane Departure Warning แจ้งเตือนการเปลี่ยนเลนส์, ระบบ Road Departure Mitigation ช่วยตรวจจับเส้นแบ่งช่องทางเดินรถ, ระบบ Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow สำหรับควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมฟังก์ชั่นปรับความเร็วในขณะเคลื่อนตัวช้า

รวมถึงระบบใหม่ล่าสุด Traffic Sign Recognition ช่วยทำหน้าที่สังเกตุเครื่องหมายจราจร ทั้งยังมีในส่วนของระบบ Blind Spot Information สำหรับเตือนจุดอับสายตา, ระบบ Front and Rear Parking Sensors เตือนการจอดทั้งด้านหน้า และด้านหลัง, ระบบ Rear Cross Traffic Monitor แจ้งเตือนเมื่อมีรถวิ่งเข้ามาทางด้านข้าง ขณะถอยออกจากที่จอด และระบบ Driver Awareness Monitor ช่วยเตือนเมื่อตรวจพบลักษณะที่ผิดปกติของผู้ขับจากรูปแบบการขับ

และทุกรุ่นจะมาพร้อมกับการติดตั้งระบบกล้องมองหลัง พร้อมเส้นกะระยะ Multi-Angle Rearview Camera with Dynamic Guidelines มาให้ ส่วนมาตรฐาน Active and Passive Safety นั้นมากับระบบควบคุมเสถียรภาพ VSA- Vehicle Stability Assist และระบบป้องกันการลื่นไถล Traction Control, ระบบเบรก ABS- Anti-lock brakes พร้อมตัวช่วย EBD- Electronic Brake Distribution, ระบบเตือนแรงดันลมยาง TPMS- Tire Pressure Monitoring System, ถุงลมนิรภัยคู่หน้าแบบ Advanced, ถุงลมนิรภัยด้านข้าง และถุงลมนิรภัยบริเวณเข่า