รีวิว : HONDA Brio ( ฮอนด้า บริโอ้ ) การออกแบบ ดีไซน์ ล้ำสมัย มีกลิ่นอายความเป็นสปอร์ต

สำหรับปี 55 นี้ “รถ ECO CAR” ยังคงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจของผู้บริโภค ด้วยเหตุผลง่ายๆ คือ ราคาน้ำมันที่สูงขึ้น จึงทำให้ผู้บริโภคจำเป็นต้องหารถดีราคาถูก เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่าย และรถ HONDA Brio ( ฮอนด้า บริโอ้ ) ก็ได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค ด้วยยอดจองที่ถล่มทลาย ผมจึงอยากนำเอารถ HONDA Brio ( ฮอนด้า บริโอ้ ) มาทดสอบให้ผู้อ่าน iAMCAR ได้อ่านกันอีกสักครั้ง ว่าเจ้าตัวเล็กคันนี้ เค้ามีดียังไง

 

โฉบเฉี่ยว เน้นทุกรายละเอียดความประหยัด

หลังจากที่ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ปล่อยไม้เด็ดส่งรถ ECO CAR ภายใต้ชื่อ “HONDA Brio” ด้วยราคาเริ่มต้นเพียง 399,900 บาท  การออกแบบ ดีไซน์ ล้ำสมัย มีกลิ่นอายความเป็นสปอร์ต ในด้านการคำนวนของหลักอากาศพลศาสตร์จะเน้นค่อนข้างมาก เนื่องจากต้องลดแรงปะทะจากลมให้น้อยที่สุด เพื่อลดความสิ้นเปลืองของการใช้พลังงาน การออกแบบด้านหน้าใช้ไฟหน้าโคมดำแบบฮาโลเจน พร้อมไฟเลี้ยวในตัว ส่วนด้านท้ายโดดเด่นที่ไฟท้ายอันปราดเปรียว และสปอยเลอร์หลังพร้อมไฟเบรคดวงที่ 3 แบบ LED

 

 

แม้ตัวรถจะเล็ก แต่เรื่องความปลอดภัย ยังไว้ใจได้ ด้วยการผ่านการทดสอบการชนที่ศูนย์ทดสอบการชนในร่มของฮอนด้า (Real World Crash Test Facility) พร้อมคุณสมบัติในการป้องกันผู้โดยสารจากการชนด้านหน้าและด้านข้างของตัวรถ ตามมาตรฐาน UNECE Reg. 94 (01) และ UNECE Reg. 95 (02) ดังนั้นแล้วจึงไว้ใจได้ในระดับหนึ่ง

 

กว้างขวาง ใช้งานง่าย

คราวนี้มาชมการออกแบบภายในที่เน้นความกว้างขวางเป็นหลัก เพื่อไม่ให้รู้สึกอึดอัด จึงเลือกใช้สีโทนอ่อนๆ แบบทูโทน ส่วนคอนโซลหน้าออกแบบมาให้ง่ายกับการใช้งาน

 

พวงมาลัยเป็นแบบสามก้าน จับกระชับมือ มาตรวัดแบบสปอร์ตพร้อมมาตรวัดแสดงอัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน และยังมีสัญลักษณ์ “ECO” เพื่อให้ผู้ขับขี่ได้ทราบว่า…คุณกำลังใช้งานในโหมดที่ประหยัดที่สุด

 

 

ระบบเครื่องเสียงแบบ 2 DIN และช่องเชื่อมต่อ USB ส่วนความปลอดภัยในห้องโดยสารมีทั้ง ถุงลมอัจฉริยะด้านคนขับแบบ i-SRS และ
ผู้โดยสารด้านหน้าแบบ SRS และเข็มขัดนิรภัยด้านหน้าแบบดึงกลับอัตโนมัติ (Pretensioner Seatbelts) จะดึงสายเข็มขัดให้ตึง ขณะที่ระบบผ่อนแรง (Load Limiter) จะช่วยป้องกันและลดแรงกด บริเวณหน้าอก เพื่อลดอาการบาดเจ็บ สุดท้ายเป็นระบบกุญแจนิรภัย Immobilizer และระบบ
สัญญาณกันขโมย

 

ความประหยัดแบบ 34 กม./ลิตร

ได้เวลาออกไปทดสอบกันแล้วครับ กับเครื่องยนต์ i-VTEC 4 สูบ ความจุ 1.2 ลิตร ที่ให้พลัง 90 แรงม้า สามารถใช้น้ำมันเชื้อเพลิง E20 ปล่อยไอเสียสะอาดตามเกณฑ์มาตรฐานยูโร-4 พร้อมระบบส่งกำลังแบบ CVT ครั้งนี้ผมพา HONDA Brio V เกียร์ CVT ออกเดินทางด้วยการขับแบบชิวๆ ไปหาอาหารอร่อยๆ ทานที่หัวหิน โดยผมใช้ความเร็วประมาณ 80-100 กม./ชม. และมีผู้โดยสารอีก 2 ท่าน ผมลองเช็คปริมาณการใช้น้ำมันจากมาตรวัดเฉลี่ยอยู่ที่ 30 กม./ลิตร

 

ความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ถึงแม้จะเป็นเครื่องยนต์ 1.2 ลิตร และมีผู้โดยสารอีก 3 ท่าน รวมผม ก็ยังสามารถทำได้ดี จากความเร็ว 100-145 กม./ชม. ยังลื่นไหลไปได้ แต่ความเร็วดันมาหยุดที่ 145 กม./ชม.เพราะมีการล็อคเอาไว้ เนื่องจากวิศวกรจากญี่ปุ่นให้เหตุผลว่าเป็นความเร็วที่เหมาะสมกับรถยนต์ที่ใช้ใน เมือง (ECO CAR) ไม่ควรจะเร็วไปมากกว่านี้ ผมจึงลากยาวๆ สัก  20 กม. ในความเร็ว 130 – 145 กม./ชม. พอถึงที่หมายลองเช็คปริมาณการใช้น้ำมันเฉลี่ยอยู่ที่ 19 กม./ลิตร ซึ่งก็ถือว่าอยู่ในระดับที่ดี

 

ส่วนเรื่องการประหยัดน้ำมัน ผมทำได้ดีที่สุด คือ 34 กม./ลิตร ซึ่งผมใช้ความเร็วในการเดินทาง 60-80 กม./ชม ซึ่งก็ไม่ได้ช้ามากนัก หากนำมาใช้ในเมือง แต่หากจะต้องเดินทางไกลไปต่างจังหวัด หรือต้องขึ้นเขาทางลาดชัน อาจจะต้องคำนวนเรื่องสมรรถนะของเครื่องยนต์สักนิด รวมถึงเวลาแซงที่ต้องใช้ความเร็วเกิน 120 กม./ชม. ต้องกะระยะกล่องที่ตัด 145 กม./ชม. ด้วยนะครับ

 

145 กม./ชม. ก็ยังนิ่ง

ระบบช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบอิสระแม็กเฟอร์สันสตรัต พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังแบบคานบิดทอร์ชั่นบีมทรงตัว H และล้ออัลลอยขนาด 14 นิ้วรัดด้วยยางขนาด 175/65 R14 พร้อมระบบความปลอดภัยเชิงป้องกัน (Active Safety) เช่น ระบบป้องกันล้อล็อก ABS, ระบบกระจายแรงเบรค EBD ทำให้การทรงตัวในความเร็วสูงยังถือว่าใช้ได้

 

    ในราคาค่าตัว 508,500 บาท สำหรับ HONDA Brio V AT CVT สิ่งที่ผู้บริโภคจะได้รับ คือ ความประหยัด และการนำวัสดุที่ได้มาตรฐานมาประกอบ ดีไซน์ สวย ล้ำสมัยเและศูนย์บริการที่อยู่ใกล้บ้านคุณ

 

แท็กยี่ห้อรถยนต์ : Honda

แท็กฮิต : , , , , ,