เผยรายละเอียด Honda CR-V เวอร์ชั่นยุโรป 2019 … ให้สาวกชาวไทย “รอลุ้น”
นับตั้งแต่เปิดตัวเจนเนอเรชั่นแรกในปี 1995 … Honda CR-V ก็กลายมาเป็นรถอเนกประสงค์ SUV ที่เรียกว่าเป็นอันดับ 1 ครองใจผู้บริโภค และสร้างยอดขายระดับ The World’s Best-Selling SUV ในทุกๆ โมเดล ซึ่งเรา “พนัน” ได้เลยว่าเวอร์ชั่น 2019 นี้ คงเป็นอีกโมเดลที่สร้างความนิยมได้อย่างยอดเยี่ยมเช่นกัน
ยกระดับสมรรถนะไปอีกขั้นให้กับ Honda CR-V 2019
เปิดประเด็นตรงๆ ด้วยความน่าสนใจของ “สมรรถนะ” ที่จัดมาให้ตั้งแต่งานโครงสร้างตัวถังที่อัพเกรดสู่เจนเนอเรชั่นใหม่ที่เรียกว่า ACE™ (Advanced Compatibility Engineering) โดยเลือกใช้วัสดุน้ำหนักเบา ผสมเหล็กกล้า Ultra-High Strength Hot-Stamped Steel และการ Spot ตัวถังเพิ่มเติมอีก 20 จุด เพื่ออัพเกรดความแข็งแกร่ง ที่ช่วยลดการบิดของตัวถังได้มากขึ้นอีก 25%
ตามด้วยการยืดระยะความยาวฐานล้อเพิ่มขึ้นอีก 30 มม. และการออกแบบให้มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ พร้อมการเปลี่ยนตำแหน่งของล้อไปใกล้ “มุม” มากขึ้น เพื่อทำให้ระยะโอเวอร์แฮ็งค์ทั้งด้านหน้า ด้านหลังมีความสั้น ตลอดจนเพื่อเพิ่มความกว้างขวางให้กับห้องโดยสาร
ในขณะที่เรื่องของขุมพลังในเวอร์ชั่นยุโรป เดินเรื่องด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร VTEC Turbo ที่มีการพัฒนาระบบอัดอากาศขึ้นใหม่ โดยให้กำลังสูงสุดอยู่ที่ 173 แรงม้า พร้อมแรงบิด 220 นิวตันเมตร สำหรับรุ่นเกียร์ธรรมดา 6 สปีด ขับเคลื่อนล้อหน้า
ส่วนรุ่นเกียร์อัตโนมัติ CVT จะมากับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ All-Wheel Drive ใหม่ที่ชื่อว่า Real Time AWD with Intelligent Control System™ พร้อมเรี่ยวแรงที่สูงกว่าเป็น 193 แรงม้า และแรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 243 นิวตันเมตร พร้อมกับเคลมสมรรถนะอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. เอาไว้ที่ 9.3 วินาที พร้อมท็อปสปีดสูงสุด 211 กม./ชม.
ทั้งยังมีการปรับแต่งระบบช่วงล่างด้านหน้าใหม่ให้มี Handling ดีขึ้น จากบนพื้นฐานด้านหน้าแบบอิสระ แม็คเฟอร์สันสตรัท และด้านหลังแบบมัลติลิงค์รุ่นใหม่ ในส่วนของเหล็กกันโคลง, บูชยาง และซับเฟรม เพื่อให้เกิดการสร้างเสถียรภาพที่ดีบนความเร็วสูง ไปพร้อมๆ กับการให้ความนุ่มนวลที่ดี
รวมถึงประสิทธิภาพของระบบพวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้า Dual Pinion ที่อัพเกรดใหม่ให้เหมาะสมกับลักษณะบุคคลิกของ CR-V และระบบเบรกที่ให้ความมั่นใจได้มากขึ้น จากจานเบรกขนาด 296 มม. ในด้านหน้า และ 300 มม. ในด้านหลัง พร้อมการติดตั้งระบบ EBB – Electric Brake Booster มาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน เพื่อควบคุมการเบรกอย่างเหมาะสมในทุกย่านความเร็ว
ส่วนผสมสุดลงตัวในฐานะ “รถอเนกประสงค์สไตล์สปอร์ต”
ทางด้านงานดีไซน์มีการปรับโฉมใหม่ โดยนำเสนอความเป็นสปอร์ตมากขึ้น ภายใต้แนวคิด Modern and Dynamic SUV ด้วยงานดีไซน์ที่เรียกว่า Solid Wing Graphic จากมุมมองด้านหน้าที่มีลักษณะคล้าย “ปีก” จากองค์ประกอบของ กระจังหน้าทรงเพรียว ที่ลงตัวกับรูปทรงชุดไฟหน้าแบบ LED และชุดกันชนหน้าที่มาพร้อมชุดไฟ DRL ในขณะที่ด้านข้างมากับความดุดัน ด้วยแนวซุ้มล้อขนาดใหญ่สำหรับล้ออัลลอยด์ที่มี 3 ขนาดให้เลือกตามแต่ละรุ่นย่อย คือ 17, 18, และ 19 นิ้ว
ส่วนด้านหลังฃเสริมความโดดเด่นด้วยชุด Spoiler หลังคา, ชุดไฟท้าย LED ในรูปทรง L-shaped และท่อไอเสียแบบ Dual Exhaust ตกแต่งด้วยวัสดุโครเมี่ยมในรูปแบบ Solid Wing Bar แนวนอน ซึ่งในรุ่นท็อปสุดนั้นมาพร้อมกับหลังคา Panoramic Glass Sunroof ติดตั้งมาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
ภายในห้องโดยสารมีการออกแบบใหม่ โดยมีจุดเด่นคือดีไซน์ที่ทำให้เกิดความกว้างขวาง พร้อมด้วยการเลือกใช้วัสดุคุณภาพสูง และออพชั่นอำนวยความสะดวกแบบครบเครื่อง เช่น หน้าจอสี DII – Driver Information Interface แบบ TFT-LCD ระบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว, พวงมาลัยมัลติฟังค์ชั่น และหน้าจอความบันเทิงขนาดใหญ่ระบบสัมผัส ที่มีจุดเด่น คือ เทคโนโลยีอำนวยความสะดวกอย่างโปรแกรม Honda Connect เจนเนเรชั่นที่ 2 รองรับการเชื่อมต่อได้ทั้ง Apple CarPlay และ Android Auto
รวมถึงการติดตั้งระบบ Honda’s Agile Handling Assist มาให้เป็นครั้งแรก ซึ่งจะใช้ระบบอิเลคทรอนิกส์ทำหน้าที่ควบคุมอย่างเหมาะสมทั้งในความเร็วสูง และความเร็วต่ำ รวมถึงเรื่องของระบบความปลอดภัยที่ยังคงนำเสนอระบบ Honda Sensing™ เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน