รีวิว : HONDA Jazz Hybrid และ HONDA Civic Hybrid กับกิจกรรม HONDA Hybrid Fuel Challenge
ฮอนด้า ออโตโมบิล จัดกิจกรรมเชิญสื่อมวลชนแข่งขันขับประหยัดน้ำมันในรุ่น HONDA Jazz Hybrid และ HONDA Civic Hybrid ภายใต้แนวคิด ถังเดียวเที่ยวไกลถึงแม่ฮ่องสอนบนเส้นทางที่ ลาดชันและคดเคี้ยวกว่า 3,000 โค้ง และมีความสูงจากระดับน้ำทะเลกว่า 1,500 ม. ซึ่งเป็นความท้าทายใหม่ของการแข่งขันประหยัดน้ำมัน เนื่องจากทุกคันจะต้องขับด้วยน้ำมัน 1 ถังในระยะทางประมาณ 900 กม. พร้อมอุปสรรคของเส้นทางที่มีตัวแปรของอัตราการใช้เชื้อเพลิงอย่าง
กิจกรรม HONDA Hybrid Fuel Challenge
เริ่มแข่งขันในระหว่างวันที่ 4-6 กันยายนที่ผ่านมา โดยใช้รถยนต์ Hybrid ทั้ง 2 รุ่นของ HONDA ได้แก่ HONDA Jazz Hybrid เครื่องยนต์ 1.3 ลิตร 88 แรงม้า พร้อมด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังสูงสุด 14 แรงม้า ความจุถังน้ำมันเชื้อเพลิง 40 ลิตร จำนวน 5 คันและ HONDA Civic Hybrid เครื่องยนต์ ขนาด 1.5 ลิตร 91 แรงม้า พร้อมด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังสูงสุด 23 แรงม้า ความจุถังน้ำมันเชื้อเพลิง 50 ลิตร จำนวน 5 คัน การแข่งขันแบ่งออกเป็นทีม ทีมละ 3 คน ต่อรถยนต์ 1 คัน จำนวนรถมีทั้งหมด 10 คัน ใช้เส้นทางกรุงเทพฯ-แม่สอด ระยะทางประมาณ 900 กม. โดยวางเป้าหมายไว้ว่าน้ำมัน 1 ถังจะต้องถึงจุดหมายทุกคัน
วันแรก การแข่งขันขับประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง
วันแรกจะเป็นการแข่งขันขับประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อหาสถิติที่ดีที่สุดในแต่ละช่วง โดยแบ่งออกเป็นทั้งหมด 4 ช่วง ช่วงที่ 1 City Stage : เส้นทาง ศูนย์ฝึกอบรมฮอนด้าฯ บางชัน -สถานีบริการน้ำมัน ปตท.ไชโย จ.อ่างทอง ด้วยระยะทาง 114 กม. ใช้ระยะเวลา 2 ชม. ช่วงแรกของการแข่งขันอุปสรรคอยู่ที่การฝ่าการจราจรที่คับคั่งในยามเช้าบนถนนเสรีไทย เข้าสู่ถนนกาญจนาภิเษก มุ่งหน้าสู่ทิศเหนือ โดยใช้ทางหลวงสายเอเชียหมายเลข 1 ผ่านบางประอิน อยุธยา และมาสิ้นสุดที่ สถานีบริการน้ำมัน ปตท.ไชโย จ.อ่างทอง ทีมของผมใช้รถ HONDA Civic Hybrid สามารถทำตัวเลขออกมาได้ที่ 29.8 กม./ลิตร ซึ่งอันดับที่ 1 สามารถทำสถิติได้ดีที่สุด 30.3 กม./ลิตร ส่วนในรุ่น HONDA Jazz Hybrid สามารถทำสถิติได้ดีที่สุด 32.9 กม./ลิตร
การนำพลังงานจากระบบ Hybrid กลับมาใช้
มาถึงช่วงที่ 2 ใช้ทางหลวงเอเชียหมายเลข 1 จะเป็นถนนแบบไฮเวย์ วิ่งระหว่างเมืองจาก อ่างทอง ถึงนครสวรรค์ ระยะทาง 144 กม. ใช้ระยะเวลา 2 ชม. เส้นทางจะเป็นถนนโล่งขับสบาย ตัวแปรอยู่ที่การควบคุมคันเร่ง และเทคนิคในการนำพลังงานจากระบบ Hybrid กลับมาใช้อย่างเช่นหากคุณใช้ความเร็วอยู่ที่ 75 กม./ชม. หากดูจากพลังงานของแบตเตอรี่เต็ม คุณสามารถถอนเท้าออกจากคันเร่งเล็กน้อยแล้วแตะเบาๆ ลงไปที่คันเร่ง ระบบจะเปลี่ยนจากการใช้น้ำมันมาเป็นการใช้พลังงานไฟฟ้าในการขับเคลื่อนในความเร็วเดิม คุณจะสังเกตได้ว่ามาตรวัดที่แสดงผลการใช้อัตราเชื้อเพลิงแบบReal Time จะไปอยู่ที่ 50 กม./ชม. เหมือนกับเวลาเรายกคันเร่ง ดังนั้นเมื่อคุณใช้พลังจากแบตเตอรรี่จะวิ่งได้ประมาณ 5-7 นาที เท่ากับว่าคุณไม่ได้ใช้น้ำมันเลยในระยะทาง 5-7 กม. ทำให้คุณประหยัดน้ำมันลงได้อีก จึงส่งผลให้ผู้ชนะในช่วงที่ 2 ในรุ่น HONDA Jazz Hybrid สามารถทำสถิติได้ดีที่สุด 32.2 กม./ลิตร ส่วน HONDA Civic Hybrid ที่ผมขับ ทำสถิติได้ดีที่สุด 28.3 กม./ลิตร
ระบบ Idling Stop Mode
หลังจากพักทานอาหารเข้าช่วงที่ 3 จาก จ.นครสวรรค์ ถึง จ.ตาก ระยะทาง 156 กม ใช้ระยะเวลา2.30 ชม. ซึ่งเส้นทางแม้จะเป็นทางตรง แต่การจราจรจาก 4 เลน ถูกปรับให้เหลือ 2 เลน แถมยังมีรถขับช้าเยอะมาก และมีไฟแดงพอสมควร ทำให้เราต้องนำระบบ Idling Stop Mode ที่ช่วยตัดการทำงานของเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าแบบอัตโนมัติเข้ามาช่วยในการประหยัด วิธีการใช้งานก็ไม่ได้ยากเย็น หากคุณติดไฟแดงก็แค่ใส่เกียร์ D แล้วก็เหยียบเบรกเท่านั้น ระบบก็จะตัดทุกอย่างอัตโนมัติ โดยที่ระบบปรับอากาศยังทำงาน เครื่องเสียงทำงานปกติ ซึ่งระหว่างรถติด หากคุณอยากจะให้ระบบตัดนานขึ้นก็ปิดเครื่องยนต์กับระบบปรับอากาศเท่านั้นเอง เวลาคุณติดไฟแดงก็จะไม่เสียเชื่อเพลิงเลยแม้แต่หยดเดียว แต่อาจจะร้อนสักหน่อยนะครับ ในช่วงที่ 3 HONDA Jazz Hybrid สามารถทำสถิติได้ดีที่สุด 31.4 กม./ลิตร ส่วน HONDA Civic Hybrid ของผมสามารถทำสถิติได้ดีที่สุด 30.4 กม./ลิตร
Engine Brake
ช่วงที่ 4 Mountain Stage เส้นทาง ตาก-แม่สอด ระยะทาง 82 กม. ใช้ระยะเวลา 2 ชม. เส้นทางในช่วงนี้จะเป็นการพิสูจน์ความประหยัดน้ำมันที่แท้จริงกันเลย เพราะทางขึ้นลงเขาเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งเป็นช่วงที่ทีมผมเจ็บจี๊ด เพราะไม่คิดว่าระบบ Hybrid ของ HONDA จะมีความพิเศษขนาดนี้ คือ โดยปกติเวลาทางลงเขาในการแข่งขันประหยัดน้ำมันเราจะใส่เกียร์ N หรือเกียร์ว่างเพื่อความประหยัดสูงสุด แต่อันตรายก็จะมีมากเพราะหากคุณมีทักษะที่ไม่ดี ดังนั้นคุณใส่เกียร์ D ปกติลงเขาได้เลย เพราะระบบ Hybrid ของ HONDA จะตัดการทำงานของเครื่องยนต์เวลาคุณขับลงเขา โดยใช้ Engine Brake จากมอเตอร์ไฟฟ้าเข้ามาช่วยให้เกิดความปลอดภัยมากขึ้น และเครื่องยนต์ยังตัดการทำงาน โดยใช้ Engine Brake จากมอเตอร์ไฟฟ้า ทำให้ไม่เสียน้ำมันสักหยด แต่หากคุณใส่เกียร์ N ลงเขาเครื่องยนต์จะติดในรอบต่ำตลอดเวลา Engine Brake ก็ไม่มีให้ใช้ ดังนั้นสูตรเดิมๆ เสียทั้งน้ำมันแล้วยังอันตรายอีก ซึ่งกว่าจะทราบทีมผมก็แพ้เรียบร้อย โดย HONDA Jazz Hybrid สามารถทำสถิติได้ดีที่สุด 24.2 กม./ลิตร ส่วน HONDA Civic Hybrid ที่ผมขับสามารถทำสถิติได้ดีที่สุด 20.8 กม./ลิตร จบไปสำหรับวันแรกมากันถึงแม่สอด จ.ตาก ยังไม่มีคันไหนใช้น้ำมันถึงครึ่งถังเลย
วันที่สองของการแข่งขัน
วันที่สองของการแข่งขัน HONDA Hybrid Fuel Challenge เป้าหมายที่วางเอาไว้ คือ ต้องถึงแม่ฮ่องสอนให้ได้ โดยใช้น้ำมันที่เหลือในถัง แต่ระยะทาง ระยะเวลา และเส้นทางที่มีความลาดชันของขุนเขา ที่บางช่วงสูงกว่าระดับน้ำทะเลกว่า 1,000 เมตร รวมไปถึงเส้นทางโค้งอีกจำนวนนับพันโค้ง สมรรถนะของรถและผู้ขับขี่จะเป็นตัวแปรในการแข่งขันครั้งนี้ หากรถไม่มีสมรรถนะช่วงล่างที่ดีพอ ตกเขาแน่นอน ซึ่งบนเส้นทางสาย 105 และ 108 แม่สอด-สบเมย-แม่สะเรียง-ขุนยวม-แม่ฮ่องสอน รวมระยะทางอีกประมาณ 400 กม. คนทั่วๆ ไปมักใช้ระยะเวลาในการเดินทางถึง 8 ชั่วโมง เราก็ต้องใช้ระยเวลาเท่ากัน แต่จะต้องแวะทานข้าวเที่ยง ขับให้ประหยัดน้ำมันอีก โอ้..ช่างดูว่าเป็นไปได้ยาก แต่ในที่สุดตระกูล Hybrid จาก HONDA สามารถผ่านความท้าทายมาถึงเมืองสามหมอก ด้วยน้ำมันเชื้อเพลิงเพียง 1 ถัง จากกรุงเทพฯถึง จ.แม่ฮ่องสอน ด้วยระยะเกือบ 900 กม. ผ่านขุนเขาสูงจากระดับน้ำทะเลกว่า 1,500 เมตร ผ่านเส้นทางโค้งนับพันโค้ง ซึ่งแต่ละคันยังเหลือน้ำมันในถังทั้งสิ้น โดยทาง HONDA เช็คน้ำมันครั้งสุดท้ายด้วยการเติมน้ำมันกลับ HONDA Jazz Hybrid ใช้น้ำมันไปเพียง 30.61 ลิตร (ใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล 91 ราคาลิตรละ 37.48) เท่ากับใช้เงินไป 1,147 บาท แล้วยังเหลือน้ำมันอีก 9.39 ลิตร ซึ่งสามารถวิ่งต่อไปอีกประมาณ 246 กม. สรุปคร่าวๆ HONDA Jazz Hybrid กับน้ำมัน 1 ถังวิ่งได้ทะลุ 1,100 กม.แบบสบายๆ ส่วน HONDA Civic Hybrid ใช้น้ำมันไปเพียง 32.41 ลิตร (ใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล 91 ราคาลิตรละ 37.48) เท่ากับใช้เงินไป 1,214 บาท แล้วยังเหลือน้ำมันอีก 17.59 ลิตร ซึ่งสามารถวิ่งต่อไปอีกประมาณ 441 กม. สรุปคร่าวๆ HONDA Jazz Hybrid กับน้ำมัน 1 ถังวิ่งได้ทะลุ 1,300 กม. ชิวๆ
สำหรับกิจกรรม Honda Hybrid Fuel Challenge ในทริปนี้ นอกจากจะเป็นบทพิสูจน์เรื่องความประหยัดของรถยนต์ Hybrid ของตระกูล HONDA สมรรถนะเครื่องยนต์ ช่วงล่าง ที่ดี ก็ถือว่าเป็นองค์ประกอบสำหรับการผ่านอุปสรรคในครั้งนี้ แต่ประเด็นสำคัญ คือ “คุณเองก็สามารถขับประหยัดน้ำมันแบบนี้ได้ เพียงเรียนรู้ทักษะการใช้งานเทคโนโลยี Hybrid ของ HONDA ที่ถูกต้องเท่านั้นเองครับ”
บทความแนะนำ
Grand Opening HONDA JAZZ Hybrid
Grand Opening HONDA Civic Hybrid