Lamborghini Urus (แลมโบกินี่ ยูรัส) ยนตรกรรมอเนกประสงค์บ้าพลัง ผู้สร้างนิยามใหม่ที่เรียกว่า Super SUV (ซูเปอร์ เอสยูวี)
Automobili Lamborghini เจ้าของแบรนด์รถระดับ Super Car ชั้นนำของโลก เปิดเกมส์ใหม่ในตลาดรถอเนกประสงค์ด้วยการส่ง “ของใหม่” อย่าง Lamborghini Urus (แลมโบกินี่ ยูรัส) เปิดตัวอย่างเป็นทางการ ด้วยนิยามที่เรียกว่ารถ Super SUV (ซูเปอร์ เอสยูวี)
ส่วนผสมระหว่าง Lamborghini (แลมโบกินี่) และรถ SUV (เอสยูวี)
แลมโบกินี่ ยูรัส ได้รับการออกแบบใหม่ โดยชื่อรุ่น “Uras” (ยูรัส) นั้นได้นำมาจากชื่อของ “วัวป่า” Aurochs ซึ่งเป็นวัวกระทิงสเปนพันธุ์แท้ ที่เคยมีชีวิตอยู่เมื่อประมาณ 500 ปีก่อน พร้อมด้วยการใช้แนวคิดการผสมผสานระหว่างตัวตนของแบรนด์กระทิงดุ และความเป็นรถอเนกประสงค์ เอสยูวี
ซึ่งวางมิติตัวถังเอาไว้ที่ความยาว 5,112 มม. ความกว้าง 2,016 มม. ความสูง 1,638 มม. ตามด้วยระยะฐานล้อ 3,003 มม. สำหรับสร้างความกว้างขวางเพื่อรองรับผู้โดยสาร สำหรับรายละเอียดการออกแบบนั้นยังนำเสนอความเป็น Lamborghini (แลมโบกินี่) พร้อมด้วยส่วนผสมในเรื่องของเส้นสายจากรุ่นต่างๆ ที่ได้นำมาใช้ ภายใต้การคำนวนตามหลักอากาศพลศาสตร์
เช่น การดีไซน์ด้านหน้าให้มีความลาดต่ำ, ช่องดักอากาศขนาดใหญ่ และการติดตั้ง Splitter บริเวณกันชนหน้า เสริมความหล่อเหลาด้วยชุดไฟหน้าแบบ LED ทรง Y-Shaped ส่วนด้านข้างนั้นมากับงานดีไซน์สไตล์ Coupe และเส้นสายที่นำเสนอความแข็งแกร่ง
ส่วนด้านหลังเพิ่มความสปอร์ตด้วยชุดสปอยเลอร์หลังคา และชุด Diffuser ที่กันชนหลัง โดยออกแบบให้รับกับท่อไอเสียคู่ เสริมด้วยรายละเอียดความโดดเด่นจากชุดไฟท้ายทรง Y-Shaped เช่นกัน ในขณะที่ส่วนของล้ออัลลอยด์นั้นก็มีให้เลือกกันตั้งแต่ขนาด 21 นิ้ว ไปจนถึง 23 นิ้ว
ขุมพลังมาตรฐานยนตรกรรมสายพันธ์ Super Car
แลมโบกินี่ ยูรัส รถอเนกประสงค์ SUV (เอสยูวี) ที่ไม่ธรรมดา ด้วยสมรรถนะสุดดุเดือด กับการเลือกใช้เครื่องยนต์เบนซิน V8 สูบ พิกัด 4.0 ลิตร พ่วงระบบอัดอากาศแบบ Bi-Turbo Twin-scroll จนได้เรี่ยวแรงสูงสุดออกมาถึง 650 แรงม้า ในขณะที่แรงบิดสูงสุดนั้นมีให้ใช้ถึง 850 นิวตันเมตร รับหน้าที่ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด
ส่วนระบบขับเคลื่อนนั้นเป็นแบบ 4 ล้อ 4WD ที่มาพร้อมการติดตั้งระบบล็อคเฟืองท้าย Torsen Central Self-Locking Differential และระบบ Active Torque Vectoring สำหรับทำหน้าที่ช่วยกระจายแรงบิด
ซึ่งจะจัดสรรการแบ่งถ่ายแรงบิดระหว่างล้อหน้า และล้อหลังในการขับขี่ปกติที่อัตราส่วน 40/60 และจะแปรผันโดยอัตโนมัติตามสถานะการณ์ ในอัตราส่วนไม่เกิน 70% ในด้านหน้า และไม่เกิน 87% ในด้านหลัง
นอกจากนี้ยังมีโหมดการขับขี่ให้เลือกถึง 6 รูปแบบด้วยกัน เริ่มจาก 3 โหมดมาตรฐาน คือ Strada, Sport และ Corsa ในขณะเดียวกันก็ยกระดับขีดความสามารถในสไตล์ออฟโรดกับ 3 โหมดขับเคลื่อนใหม่ คือ Terra (Off-Road), Neve (Snow) และ Sabbia (Sand)
รวมไปถึงการติดตั้งระบบบังคับเลี้ยวล้อหลัง Rear-Wheel Steering มาให้ โดยจะปรับองศาของล้อหลัง +/- ไม่เกิน 3 องศา ซึ่งจะช่วยให้คล่องตัวในความเร็วต่ำ และมีเสถียรภาพมากขึ้นบนความเร็วสูง พร้อมด้วยความมั่นใจกับระบบเบรกแบบ Carbon Ceramic มาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน โดยคู่หน้าจะมากับขนาด 440 x 40 มม. และ คู่หลังขนาด 370 x 30 มม.
ปิดท้ายด้วยความเร้าใจจากตัวเลขสมรรถนะ ซึ่งเจ้า Super SUV (ซูเปอร์ เอสยูวี) รุ่นนี้สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ใน 3.6 วินาที, 0-200 กม./ชม. ใน 12.8 วินาที และมี Top Speed สูงสุดถึง 305 กม./ชม. เลยทีเดียว
ส่วนราคาจำหน่ายเจ้า Urus นั้นก็อยู่ที่ราวๆ $200,000 หรือประมาณ 6,513,992 บาท แต่ถ้าย่างก้าวเข้ามาถึงเมืองไทยเมื่อไหร่ ราคาจำหน่ายน่าจะเป็นอีกตัวเลขที่สูงกว่าซัก 2 เท่าตัวแน่นอน
บทความที่เกี่ยวข้องกับ Lamborghini Urus