ใหม่ Lexus LS 600hL (เลกซัส แอลเอส 600เฮชแอล) 2017-2018 ต่อยอดสู่ขั้น “สุด” ของอนุกรม LS และความ “สุดกว่า” ของระดับราคา
ยนตรกรรมระดับบนสุดของอนุกรม LS ที่อัพเกรดทุกรายละเอียดแบบหมดจด เพื่อส่งทำตลาดระดับบนเต็มพิกัดกับรุ่นเดียวในตลาดเมืองไทย Lexus LS 600hL (เลกซัส แอลเอส 600เฮชแอล) รุ่น LWB 5 Seater กับราคาที่เคาะออกมา 13,790,000 บาท
“สุด” กับเทคโนโลยีภายนอก
รูปลักษณ์ “สุด” ด้วยงานดีไซน์ และการ “ใส่” เทคโนโลยีล้ำสมัย เช่น พลัง Nanotechnology ในระดับโมเลกุลจากโทนสีภายนอกที่เลือกใช้ ซึ่งสามารถฟื้นฟูสภาพสีรถด้วยตัวเองได้หากเกิดการโดนขีดข่วน ในขณะที่รายละเอียดตัวรถนั้นประกอบด้วยระบบไฟภายนอกที่เลือกใช้แบบ LED ทั้งหมด เช่น ชุดไฟหน้าแบบ Bi-LED ที่มาพร้อมระบบปรับองศาตามทิศทางการเลี้ยว (AFS) รวมถึงปรับองศาการส่องสว่างในมุมต่ำ ตลอดจนปรับระดับสูง – ต่ำได้โดยอัตโนมัติ
ตามด้วยการติดตั้งระบบปรับลำแสงไฟหน้าอัตโนมัติ (AHS) และมาพร้อมระบบทำความสะอาดไฟหน้า, ไฟตัดหมอกหน้า – หลังแบบ LED, ไฟท้าย และไฟเบรกแบบดวงที่ 3 รวมถึงชุดไฟเลี้ยวที่ใช้หลอด LED มากถึง 12 ดวง เพื่อการส่องสว่างที่สวยงามและสะกดทุกสายตา ทั้งยังมากับกระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว แบบลดแสงสะท้อน และปรับมุมขณะเข้าเกียร์ถอย พร้อมการติดตั้งระบบไล่ฝ้าด้วยความร้อน มาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
“ล้ำ” ด้วยความหรูหรา และเทคโนโลยีภายใน
ภายในห้องโดยสารกว้างขึ้นด้วยการขยายความกว้างของฐานล้อ และเพิ่มพื้นที่ห้องผู้โดยสารด้านหลังถึง 12 ซม. และยังคงจัดเต็มความหรูหรา พร้อมฟังค์ชั่นอำนวยความสะดวก เช่น ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์อัจฉริยะ, พวงมาลัยลายไม้หุ้มหนังแบบ 3 ก้านที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางใหญ่กว่าเดิม 10 มม. เพื่อการจับที่กระชับมือมากขึ้น และมาพร้อมกับปุ่มควบคุมมัลติฟังค์ชั่น และระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control with Milli-wave Radar สำหรับตรวจจับระยะห่างจากรถคันหน้า
มาตรวัด Intelligent Dial Design เทคโนโลยี Optitron เอกลักษณ์จากแบรนด์ Lexus แสดงผลในรูปแบบแบบดิจิตอล และจะเปลี่ยนไปตามโหมดการขับขี่ ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Lexus LFA, ระบบปรับอากาศแยกอิสระ 4 โซน พร้อมระบบปรับอุณหภูมิอัจฉริยะ (Lexus Climate Concierge) มากับระบบ Nano-e นวัตกรรมล่าสุด ผสมผสานกับนาโนเทคโนโลยีเพื่อช่วยฟอกอากาศภายในห้องโดยสารให้บริสุทธิ์
สำหรับบนคอนโซลหน้ามากับจอแสดงผล EMV ขนาด 12.3 นิ้ว รองรับระบบ Lexus Navigation System และระบบเครื่องเสียงจากแบรนด์หรูระดับ Mark Levinson® พร้อมด้วยการติดตั้งจอแสดงภาพ LCD ขนาด 9 นิ้ว พร้อมเครื่องเล่น DVD, Blu-ray สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง, ช่องต่อ Mini-jack และ USB ตลอดจนระบบเชื่อมต่อไร้สาย
ในส่วนของเบาะนั่งมากับการหุ้มหนังเกรดพรีเมี่ยมแบบปรับไฟฟ้า พร้อมหน่วยความจำ 3 หน่วย และสามารถปรับความยาวเบาะรองต้นขาสำหรับผู้ขับขี่ อีกทั้งในเบาะนั่งคู่หน้ายังสามารถปรับระยะเลื่อนได้ถึง 260 มม. จากปุ่มปรับที่ตำแหน่งผู้ขับขี่ และสำหรับเบาะฝั่งผู้โดยารด้านหน้ายังมากับระบบรองรับแผ่นหลัง
รวมถึงสามารถปรับเบาะส่วนล่างเพื่อรองรับส่วนขาเพื่อลดอาการเมื่อยล้า สำหรับการนั่งรถระยะทางไกล นอกจากนี้ในส่วนโดยสารตอนหลังก็มากับระบบปรับเบาะหลัง และระบบปรับพนักพิงศีรษะแบบไฟฟ้า พร้อมหน่วยความจำ ตลอดจนระบบปรับอุณหภูมิเบาะนั่ง และระบบนวดผ่อนคลายฝั่งเบาะหลังซ้าย (Power Seat) อีกทั้งในส่วนของที่เท้าแขนเบาะหลังยังได้ติดตั้งตัวสำหรับใช้งานปรับอุณหภูมิ และควบคุมเครื่องเสียงได้อย่างมีประสิทธิภาพเช่นกัน
“เร้า” ด้วยความทรงพลังในทุกสไตล์การขับขี่
LS 600hL ครบครันด้วยคุณสมบัติการขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง V8 ความจุ 5.0 ลิตร Dual VVT-IE ที่มีกำลังสูงสุดถึง 394 แรงม้าที่ 6,400 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุดถึง 520 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบต่อนาที เสริมด้วยเทคโนโลยี Lexus Hybrid Drive ที่ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงถึง 165 กิโลวัตต์ และมากับแรงบิดสูงสุดถึง 300 นิวตันเมตร
โดยมีระบบส่งกำลัง 8 สปีด E-CVT Speed Reduce with Snow Mode ทำหน้าที่ส่งกำลังสู่ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Full-time AWD ซึ่งมาพร้อมระบบล็อคเฟืองท้าย Torsen LSD Center Differential และฟังค์ชั่น Drive Mode Select ซึ่งมีให้เลือก 4 โหมด คือ Normal, Eco, Sport S และ Sport S+ ติดตั้งมาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
พร้อมระบบ EV Drive Mode สำหรับการขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว ตลอดจนระบบ Regenerative Braking เพื่อเปลี่ยนพลังงานที่สูญเสียจากการลดวามเร็ว และเบรกให้กลับมาเป็นพลังงานไฟฟ้า เพื่อส่งกลับไปเก็บสะสมไว้ในแบตเตอรี่ และมาตรวัด Eco Driving Indicator เพื่อบ่งบอกสถานะของระบบไฮบริดในขณะขับขี่
ส่วนระบบช่วงล่างนั้นมากับการเปลี่ยนแปลงโดยเลือกใช้แบบช่วงล่างแบบถุงลม ผสมผสานแบบมัลติลิงค์ และเหล็กกันโคลง พร้อมกับเพิ่มความสามารถขึ้นอีกขั้นด้วยระบบ AVS – Adaptive Variable Suspension เพื่อช่วยในการดูดซับแรงกระแทก และสร้างความนุ่มนวลในขณะขับขี่มากขึ้น
ทางด้านการควบคุมนั้นเป็นหน้าที่ของชุดพวงมาลัยแร็คแอนด์พิเนี่ยน พร้อมเพาเวอร์ไฟฟ้า EPS และระบบแปรผัน (VGRS) สำหรับควบคุมล้อหน้า และ ชุดบังคับเลี้ยวล้อหลัง DRS (Dynamic Rear Steering) เพื่อสร้างการการควบคุมอันแม่นยำที่ความเร็วสูง และความคล่องตัวในความเร็วต่ำ ส่วนระบบดิสก์เบรก 4 ล้ออัพเกรดขึ้นด้วยจานหน้าขนาดใหญ่ถึง 357 มม. และด้านหลัง 335 มม. ตามด้วยการขยับขนาดล้ออัลลอยด์ขึ้นเป็น 19 นิ้ว
ปกป้องทุกการเดินทางด้วยมาตรฐานสูงสุดแห่งระบบความปลอดภัย
มอบความมั่นใจในการขับขี่เต็มขีดขั้นด้วยระบบความปลอดภัยมาตรฐานซึ่งประกอบด้วย ระบบจัดการรวมไดนามิคของตัวรถ (VDIM), ระบบป้องกันการลื่นไถล (TRC), ระบบควบคุมการทรงตัวของรถ (VSC), ระบบเบรกแบบป้องกันล้อล็อก (ABS) พร้อมระบบกระจายแรงเบรกไฟฟ้า (EBD), ระบบช่วยเบรก (BA) และระบบ Pre-crash Brake
รวมถึงระบบรักษาแรงดันเบรก, ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (Hill Start Assist), ระบบ Blind Spot Monitor ที่ช่วยเตือนเมื่อมีรถโดยรอบเข้ามาในจุดที่ผู้ขับขี่มองไม่เห็นแม้จะมาในความเร็วที่สูง, ระบบ Parking Assist สำหรับช่วยจอดทั้งแบบถอย และแบบจอดข้าง ผ่านหน้าจอมอร์นิเตอร์ และกล้องด้านหลัง, ระบบสัญญาณเตือนด้านท้ายขณะถอยหลัง (RCTA) และระบบไฟเบรกฉุกเฉิน
ในขณะที่ด้านในห้องโดยสารนั้นมากับ ระบบลดแสงสะท้อนอัตโนมัติ สำหรับกระจกมองหลังและกระจกข้าง, ถุงลมเสริมความปลอดภัย SRS สำหรับที่นั่งคนขับ, ถุงลมเสริมความปลอดภัย SRS แบบคู่ (Twin-chamber) สำหรับผู้โดยสารตอนหน้า, ถุงลมเสริมความปลอดภัย SRS บริเวณหัวเข่าสำหรับที่นั่งตอนหน้า, ถุงลมเสริมความปลอดภัย SRS ด้านข้าง (สำหรับที่นั่งตอนหน้า และตอนหลัง, ม่านถุงลมเสริมความปลอดภัย SRS, ระบบป้องกันการบาดเจ็บบริเวณกระดูกต้นคอ เมื่อเกิดการชนจากด้านหลังสำหรับที่นั่งตอนหน้า
ทำงานร่วมกับเข็มขัดนิรภัย ELR แบบ 3 จุด พร้อมระบบดึงกลับ และลดแรงกระชากสำหรับที่นั่งทั้งตอนหน้า และหลัง, แท่นยึดสำหรับติดตั้งที่นั่งเด็กแบบ ISOFIX-Compliant สำหรับที่นั่งตอนหลัง และขอเกี่ยวด้านบนสำหรับติดตั้งที่นั่งเด็ก ปิดท้ายด้วยระบบป้องกันการโจรกรรมแบบ Immobilizer และ Intrusion Sensor พร้อมสัญญาณเตือนอัตโนมัติ
ราคารถใหม่ Lexus LS 600hL
Lexus LS 600hL รุ่น LWB 5 Seater ราคา 13,790,000 บาท