Lotus Emira … จุดเริ่มต้นหน้าประวัติศาสตร์บทใหม่ของแบรนด์
หลังจากที่เราเห็นผลงานของค่าย Lotus ที่เอาแต่ “อัพเกรด” ยนตรกรรมในค่ายให้เป็นเวอร์ชั่นพิเศษ จนเรียกได้ว่าห่างหายจากการนำเสนอยนตรกรรมรุ่นใหม่ไปนานทีเดียว ก่อนที่ล่าสุดจะเผยรายละเอียดยนตรกรรมใหม่ถอดด้าม ซึ่งใช้ชื่อว่า Lotus Emira ที่ยังคงความเป็น Premium Sport Car ในสไตล์เครื่องยนต์วางกลาง Mid-Engined ซึ่งสืบทอดมาจากรุ่นพี่ๆ อย่าง Elise, Exige และ Evora พร้อมด้วยการผสมผสานแนวคิดที่สะท้อนให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงผ่านประสิทธิภาพของ Lotus Emira ในหลายๆ ด้าน
เริ่มตั้งแต่งานออกแบบที่มีการพัฒนาโครงสร้างตัวถังใหม่จนได้น้ำหนักเพียง 1,405 กก. จากการเลือกใช้วัสดุอลูมิเนียมเข้ามาเป็นส่วนประกอบ ภายใต้เทคโนโลยีที่แบรนด์ Lotus ได้บุกเบิกจนกลายเป็น DNA สำคัญในการสร้างสปอร์ต ครอบทับด้วยงานดีไซน์เรือนร่างที่หยิบยืมเส้นสายจาก Lotus Evija มาพัฒนาขึ้นใหม่ ภายใต้มิติตัวถังที่กำหนดความยาวเอาไว้ที่ 4,412 มม. ความกว้าง 1,895 มม. ความสูง 1,225 มม. และความยาวฐานล้อที่ 2,575 มม. พร้อมการเปิดเผยรายละเอียดอุปกรณ์มาตรฐานเบื้องต้น เช่น ชุดไฟหน้าแบบ LED ที่มากับรูปทรงแนวตั้งดีไซน์แบบ Twin Blade ซึ่งมีแรงบันดาลใจในการออกแบบมาจาก Hypercar ของค่าย รับกับฝากระโปรงหน้าที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
ทั้งยังมากับงานด้านอากาศพลศาสตร์ที่ช่วยให้อากาศไหลผ่านได้อย่างยอดเยี่ยมจากช่องดักอากาศบริเวณซุ้มล้อหลัง ที่มาพร้อมการประทับชื่อรุ่น Emira บนเสา C-Pillar ตลอดจนการติดตั้งล้ออัลลอยด์ขนาด 20 นิ้วมาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน รัดด้วยยาง Goodyear Eagle F1 Supersport ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษสำหรับ Emira หรือจะเลือกจ่ายเพิ่มเพื่อติดตั้งอออพชั่น Lotus Drivers Pack ที่มาพร้อมยาง Michelin Pilot Sport Cup 2 ก็สามารถทำได้เช่นกัน
มุมมองด้านหลังมากับงานออกแบบที่ได้แรงบันดาลใจจาก Lotus Evija อย่างชัดเจน เช่นในส่วนของช่องระบายอากาศทั้ง 2 ฝั่ง เสริมความโดดเด่นด้วยชุดไฟท้าย LED ทรง C-Shaped พร้อมเส้นสายแนวนอนที่เชื่อมต่อกับชุดไฟเบรก โดยมีส่วนล่างที่เน้นความดุดันจากชุดกันชน พร้อม Diffuser ประกบด้วยท่อไอเสียทรงกลมทั้ง 2 ฝั่ง
สำหรับภายในห้องโดยสารมากับความเปลี่ยนแปลงชุดใหญ่ ภายใต้หลักสรีรศาสตร์ที่ยังคงมุ่งเน้นความสำคัญหลักไปยังผู้ขับขี่ในฐานะจุดศูนย์กลาง และสามารถใช้งานฟังค์ชั่นต่างๆ ได้อย่างสะดวก และเป็นธรรมชาติเพื่อให้คนขับรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับรถ ทั้งยังมาพร้อมกับอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ครบเครื่อง เช่น เบาะนั่งที่อยู่ในตำแหน่งติดตั้งแบบเดียวกับรถ Super Car ซึ่งในรุ่นมาตรฐานจะมากับระบบปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง แต่สามารถอัพเกรดเป็นแบบ Premium Sports Seat ปรับไฟฟ้า 12 ทิศทางได้, พวงมาลัยสปอร์ตรูปทรง D-Shaped ที่มากับปุ่มควบคุมมัลติฟังค์ชั่น
รวมไปถึงฟีเจอร์มาตรฐานต่างๆ เช่น หน้าจอแสดงผลสำหรับผู้ขับขี่แบบ TFT ขนาด 12.3 นิ้ว, หน้าจอ Infotainment ขนาด 10.25 นิ้วที่รองรับการเชื่อมต่อได้ทั้ง Android Auto และ Apple CarPlay, ระบบกุญแจแบบ Keyless Go, ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control, ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ Rain-Sensing Wipers, ระบบพับกระจกไฟฟ้า Electric Folding Door Mirrors, เซ็นเซอร์ถอยจอดด้านหลัง Rear Parking Sensors ที่สามารถเพิ่มเติมออพชั่นเซ็นเซอร์ด้านหน้าได้, กระจกมองหลังแบบปรับลดแสงอัตโนมัติ Auto-Dimming Rear View Mirror ไปจนถึงความเร้าใจจากระบบช่วยออกตัว Launch Control ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในชุดออพชั่น Lotus Drivers Pack
ด้านไฮไลต์ต้องยกให้กับสมรรถนะ โดยในรุ่นมาตรฐานจะมากับขุมพลัง AMG ในพิกัด 2 ลิตร 4 สูบ Turbocharged ที่คาดเดาว่าหยิบยกมาจาก A45 AMG พร้อมการปรับปรุงในเรื่องของระบบไอดี และไอเสียใหม่ เพื่อให้เหมาะสมกับสไตล์ของ Emira ส่วนอีกหนึ่งทางเลือกจะเป็นเครื่องยนต์ V6 พิกัด 3.5 ลิตรเสริม Supercharged จากค่าย Toyota
โดยมีการเผยตัวเลขเรี่ยวแรงสมรรถนะว่าอยู่ที่ราวๆ 360-400 แรงม้า กับแรงบิดสูงสุดที่ 430 นิวตันเมตร ส่งกำลังสู่ล้อหลัง โดยระบบส่งกำลังที่มีให้เลือกทั้งแบบอัตโนมัติรุ่นมาตรฐาน, อัตโนมัติคลัทช์คู่ DCT และเกียร์ธรรมดา พร้อมการเคลมอัตราเร่งเร้าๆ ไว้ต่ำกว่า 4.5 วินาที สำหรับ 0-100 กม./ชม. และสามารถทำท็อปสปีดได้สูงสุดถึง 290 กม./ชม.