รีวิว MAZDA SKYACTIV ASEAN CARAVAN ร่วมด้วย MAZDA2, MAZDA3, MAZDA CX-3 และ MAZDA CX-5 ด้วยระยะทางมากกว่า 4,000 กิโลเมตร

โพสต์เมื่อ 20th กรกฎาคม 2016 หมวดหมู่: Test Drive by iAMCAR โดย ป๋าซุ่ม..ขยุ้มหัวใจ

มาสด้าจัดใหญ่สร้างประวัติศาสตร์ให้สกายแอคทีฟ MAZDA SKYACTIV ASEAN CARAVAN บนเส้นทางสายอารยธรรมอาเซียน ไทย ลาว เวียดนาม กัมพูชา ระยะทางมากกว่า 4,000 กิโลเมตร ตอกย้ำการเป็นแบรนด์ที่โดดเด่นทั้งภูมิภาคอาเซียน ร่วมด้วย MAZDA2, MAZDA3, MAZDA CX-3 และ MAZDA CX-5

MAZDA SKYACTIV ASEAN CARAVAN

หน้าประวัติศาสตร์ MAZDA SKYACTIV ASEAN CARAVAN บทนี้เริ่มต้นขึ้น ณ บริเวณลานพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยมีบรรดาพระเอกที่มาพร้อมเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ ประกอบด้วยรถยนต์ MAZDA2, MAZDA3, MAZDA CX-3 และ MAZDA CX-5 การเดินทางในครั้งนี้จะใช้ระยะเวลาทั้งหมด 9 วัน มุ่งหน้าสู่จังหวัดนครพนม – ผ่านแขวงคำม่วน ของประเทศลาว – เข้าสู่เมืองวินห์ – ฮานอย – ฮอยอัน – นาตรัง – โฮจิมิน ประเทศเวียดนาม เข้าสู่ประเทศกัมพูชา และกลับสู่ประเทศไทยทางจังหวัดตราด ด้วยระยะทางมากกว่า 4,000 กิโลเมตร ทาง MAZDA แบ่งสื่อมวลชนออกเป็นทั้งหมด 3 กลุ่ม โดยในกลุ่มที่ 1 จะขับจาก กทม. มาถึง ฮานอย ซึ่งมีทั้งสื่อมวลชนไทย และสื่อมวลชนในแถบอาเซียนเข้าร่วมการทดสอบในครั้งนี้ด้วยกัน

iAMCAR ทดสอบในช่วงที่ 2

ส่วนเรา iAMCAR จะได้ทดสอบในช่วงที่ 2 เราจะรับรถต่อที่ “ฮานอย” ขับเลาะริมทะเลจีนใต้มา “โฮจิมิน” วันแรกของการเดินทางเราบินจาก กทม. ไปที่ฮานอย ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศเวียดนาม พอถึงเราก็เริ่มเที่ยวกันก่อน ที่แรกเป็น “วิหารวรรณกรรม” ภาษาเวียดนามเรียกว่า วันเหมียว (Van mieu) สร้างขึ้นเพื่อเป็นโรงเรียนของพวกขุนนาง และยังเป็นมหาวิทยาลัยแห่งชาติแห่งแรกของเวียดนาม และยังเป็นสถานที่ใช้สอบจองหงวนในสมัยโบราณ ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น กว็อกช็อกเวียน (Quoc Hoc Vien) บริเวณโดยรอบมีบ่อน้ำ และต้นไม้ใหญ่เขียวชอุ่ม ศาลเทพเจ้าขงจื้อ ซึ่งมีการวางแผนผังมาอย่างดี และภายในวิหารจะมีแผ่นหินจารึกชื่อจอหงวน ซึ่งปัจจุบันได้เป็นวัดที่นักเรียนนักศึกษาชาวเวียดนามมักจะมามาขอพรในการสอบเพื่อให้ตัวเองสอบติดสถานศึกษาที่ตั้งใจไว้

“ วัดหง็อกเซิน ” ซึ่งเป็นวัดโบราณบนเกาะเล็กๆ กลางทะเลสาบคืนดาบ

ขึ้นรถต่อมาอีก10 นาที ผ่านการจราจรเสียงแตรอันมีเสน่ห์ของที่นี่ก็มาถึง “วัดหง็อกเซิน” ซึ่งเป็นวัดโบราณบนเกาะเล็กๆ กลางทะเลสาบคืนดาบ ตั้งอยู่บนเนินหยก สามารถเดินข้ามจากฝั่งไปยังวัดโดยข้าม “สะพานเทฮุก” ซึ่งเป็นสะพานไม้สีแดงสดใส ที่มีความหมายอันไพเราะว่า สะพานแสงอาทิตย์ยามเช้า เป็นจุดถ่ายรูปที่นักท่องเที่ยวฮานอยมาถ่ายรูปกันมากที่สุด ภายในวัดประกอบด้วย ศาลเจ้าโบราณและเต่าสต๊าฟขนาดใหญ่ โดยเชื่อกันว่าเต่าตัวนี้ คือ เต่าศักดิ์สิทธิ์ 1 ใน 2 ตัว ที่อาศัยอยู่ในทะเลสาบแห่งนี้มาเป็นเวลาช้านาน ชาวเวียดนามมักเดินทางมาสักการะบูชาที่นี่เป็นประจำ ปิดท้ายวันด้วยการช็อปปิ้งที่ ถนน 36 สาย เป็นย่านโบราณที่มีชื่อเสียงทางด้านงานหัตถกรรมและสินค้าพื้นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของกรุงฮานอย ซึ่งปัจจุบันมีประวัติยาวนานกว่า 600 ปี ที่เรื่องชื่อแบบนี้ เนื่องมาจาก 36 อาชีพอันเก่าแก่ที่ทำมาค้าขายกันในย่านนี้ เป็นย่านค้าขายที่คึกคักด้วยสินค้านานาชนิดทั้งของกิน เสื้อผ้า และของที่ระลึกที่เป็นทั้งผ้าไหม กระเป๋า หรือเครื่องเงินที่มีลวดลายปราณีตสวยงาม แต่สมัยนี้ต้องบอกว่าขึ้นชื่อเรื่อง “ของก๊อป” ซึ่งทำได้เหมือนและเนียบมากๆ ราคาย่อมเยาว์ แต่แม่ค้าบอกราคามาเท่าไรต่อราคาไปสักครึ่งหนึงก่อนนะครับ ไม่งั้นอาจจะซื้อของแพงกลับบ้านได้นะครับ

ฮานอย – ด่งเฮ้ย ระยะทาง 495 กม.

วันแรกของการเดินทางเราใช้ MAZDA CX-3 พาหนะคู่ใจ ดูจากระยะทางไม่ไกลเท่าไร แต่เราเดินทางบน High Way ของเวียดนาม ซึ่งกำหนดความเร็วอย่างเข้มงวด 100 กม./ชม. นอกเมือง พอเข้าในเมืองเหลือ 50 กม./ชม. เจ้า MAZDA CX-3 เป็นรถที่มีขนาดกะทัดรัด แต่มีบล็อกเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร สกายแอคทีฟเบนซิน ที่มีสมรรถนะมากถึง 156 แรงม้า จึงทำให้เวลาเร่งแซงทำได้โดยง่าย ปราดเปรียวในการเดินทางแม้ว่าจะต้องผ่านเมืองเล็กเมืองน้อยก็ไม่ได้เป็นปัญหา แต่ด้วยกฎหมายที่เข้มข้นของประเทศนี้จึงทำให้การเดินทางล่าช้ากว่าจะถึงก็มืดมากแล้ว ทำให้อดชมบรรยากาศความงดงามของทะเลแถบนี้ เนื่องจากโรงแรมที่เราพักอยู่ติดริมทะเล ชายหาดที่เมืองแห่งนี้เป็นที่นิยมของชาวลาวมากๆ เพราะใกล้และสะดวกต่อการเดินทางมาจากลาว

ด่งเฮ้ย – ฮอยอัน ระยะทาง 295 กม.

การเดินทางวันนี้เราขยับเปลี่ยนไซด์ของรถมาเป็น MAZDA CX-5 ซึ่งมีขนาดใหญ่ขึ้น เหมาะที่สุดกลับการเดินทางไกลๆ ตัวรถมีขนาดใหญ่ นิ่มนุ่ม ขับสบาย บรรยายกาศการเดินทางสองข้างทางยังมีวิวสวยๆ ของทุ่งนา และบ้านจัดสรรขนาดเล็ก (สุสาน) ซึ่งมีให้เห็นเรียงรายมากมายจริง จะมีสลับภูเขาบ้างนิดหน่อย MAZDA CX-5 ที่เราใช้เดินทางเป็นเครื่องยนต์สกายแอคทีฟขนาด 2.0 ลิตร ที่มีพละกำลังพอดีกับการเดินทาง แต่ระหว่างที่ขับความอ่อนล้าในการเดินทางมีมาก ระบบ i-ACTIVSENSE จึงเข้ามามีบทบาทช่วยเหลือในการขับขี่ของผมพอสมควร เช่น LDWS และ LAS ซึ่งจะเป็นระบบช่วยเตือนเมื่อคุณเบี่ยงออกนอกเลน และช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน ขณะที่คุณออกนอกเลนโดยไม่ได้ตั้งใจ หากว่าเราเปิดไฟเลี้ยวก่อนเปลี่ยนเลนระบบจะไม่ทำงาน อีกระบบที่ผมชอบคือ ABSM ซึ่งจะคอยเตือนรถที่อยู่ในจุดอับสายตาทำให้ง่ายในการขับขี่ในประเทศนี้ เพราะการจราจรที่นี่วุ่นวายมากๆ แซงมาจากทุกทิศทุกทาง พอตกเย็นเราก็ขับผ่าน “ชายหาดเกาได๋” ที่ทอดยาวต่อเนื่องมาจากเมืองดานัง หรือที่ชาวฮอยอันเรียกว่า “หาดจีน” เป็นชายหาดที่มีเนื้อทรายละเอียด น้ำทะเลใสสะอาด บรรยากาศเงียบสงบ มีกิจกรรมทางน้ำมากมายให้เลือกสรร เหมาะทั้งลงเล่นน้ำและชมวิวทิวทัศน์ เราเลยจอดแวะเก็บภาพความทรงจำสักหน่อย บริเวณฝั่งตรงข้ามชายหาดเต็มไปด้วยโรงแรมระดับหรูที่ส่วนใหญ่ชาวเยอรมันจะมาลงทุนเอาไว้ แต่ด้วยภาวะเศรษฐกิจที่แย่จึงทำให้โรงแรมต้องหยุดการก่อสร้างหลายแห่ง ปิดท้ายของวันด้วยเที่ยวชมเมืองเก่าฮอยอันช็อปปิ้งเล็กน้อย ก่อนจะแยกย้ายกันพักผ่อน

ฮอยอัน – ฟู้เอียน ระยะทาง 400 กม.

การเดินทางในช่วงนี้จะเป็นช่วงที่ทำความเร็วได้มากที่สุด และขึ้นเขาชันที่สุด สมรรถนะช่วงล่าง เครื่องยนต์ เป็นสิ่งที่จำเป็นมากๆ เนื่องจากต้องเร่งแซงรถบรรทุกบนเขาที่เป็นสองเลนสวน ผมเองได้น้องเล็ก MAZDA2 ที่มีความจุกระบอกสูบของเครื่องยนต์แค่ 1.3 ลิตร พร้อมระบบส่งกำลัง 6 สปีด ซึ่งมีระบบ Drive Selection ทำให้เราขับขี่ในโหมดสปอร์ตได้ด้วยในการแซงทุกครั้ง จึงทำให้เรามั่นใจและเร้าใจทุกๆ ครั้ง แม้จะมีเครื่องยนต์เล็กแต่การเซ็ตอัพช่วงล่างกับเครื่องยนต์ลงตัว ทำให้ในจังหวะเร่งแซงแล้วรีบตบกลับเข้าเลนทำได้โดยง่าย ระหว่างการเดินทางเราได้ดื่มด่ำกับกาแฟเลิศรสของเวียดนาม ซึ่งคุณต้องรอให้หยดใส่แก้วทีละหยด..ทีละหยด กว่าจะได้ทานต้องมี 15 นาทีต่อแก้ว คุณต้องเป็นคนไม่รีบ Slow Life มากๆ ถึงจะดื่มด่ำได้อย่างเต็มที ช่วงบ่ายเราเข้าเขตริมฝั่งทะเลภาคกลางตอนใต้ของเวียดนาม เส้นทางเป็นคอนกรีตที่คดเคี้ยวและลาดชันท่ามกลางเนินเขาเขียวขจีที่มีบ้านสวยๆ และมีรั้วทำจากหินระหว่างสองข้างทาง เมื่อผ่านทางลาดชันสูงๆ ลัดเลาะผ่าหมู่บ้านน้อยใหญ่ เพื่อเราจะแวะที่ “เก่งด๊าเดี่ยะ” หรือแก่งหินจานขนาดยักษ์ ซึ่งธรรมชาติบันดาลให้แก่งแห่งนี้มีรูปเหมือนจานหลายๆ ใบเรียงกันอย่างบรรจง ซึ่งสร้างความน่าทึ่งให้กับเราและทำให้ความเหนื่อยล้าจากการเดินทางหายไปเป็นปลิดทิ้ง หลังจากที่เรานั่งชอบความงามจนพระอาทิตย์ตกดินก็ได้เวลากลับที่พัก ด้วยหนทางที่มืดสนิททำให้ระบบไฟหน้า LED ต้องแสดงตนออกมาส่องสว่างให้ทัศนวิสัยชัดเจนมากขึ้นจนถึงที่พักของเรา

ฟู้เอียน – โฮจิมิน ระยะทาง 550 กม.

วันสุดท้ายที่เราจะใช้ชีวิตกับเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ เส้นทางไกลไม่น้อย 550 กม. เราต้องถึงโฮจิมิน 6 โมงเย็น เราจึงได้รับข่าวดีว่าต้องตื่นตีสี่ เช้ามาเรารีบคว้ากุญแจ MAZDA CX-3 เพราะผมและบัดดี้เห็นผ้องต้องกันว่าตัวเล็กเครื่องแรงจะเป็นพาหนะการเดินทางที่สนุกที่สุด และ MAZDA CX-3 ก็ไม่ทำให้ผมผิดหวัง นอกจากนั้นยังคอยสร้างความบันเทิงในรถให้ด้วยเทคโนโลยีเชื่อมต่อโลกโซเชียล MZD CONNECT ออกแบบให้จอสกรีนขนาดใหญ่ 7 นิ้ว แสดงผลฟังก์ชั่นใช้งานอื่นๆ หรือเรียกดูข้อมูลผ่านระบบสั่งการด้วยเสียง Voice Recognition ที่คอนโซลกลางตรงตำแหน่งใกล้มือผู้ขับยังมีปุ่ม Center Commander ที่ใช้ควบคุม MZD CONNECT เพียงหมุนหาคำสั่งที่ปรากฎขึ้นบนจอ Center Display ใช้ได้ทั้งขณะรถวิ่ง หรือรถจอดนิ่ง ที่สำคัญยังมี ACTIVE DRIVING DISPLAY สกรีนใสเหนือพวงมาลัยที่คอยแสดงข้อมูลสำคัญในการขับขี่ เช่น ระดับความเร็วรถ, ระบบนำทางทำให้ไม่ต้องละสายตามามอง บทพิสูจน์สุดท้ายก่อนจะส่งมอบให้กับกลุ่ม 3 ขับกลับเมืองไทยคงเป็นการจราจรที่ไร้กฎเกณฑ์ มอเตอร์ไซค์ที่มาจากทุกทิศทุกทาง เสียงแตรที่ปีปกันแบบไร้สาระ ทำให้เราต้องมีสติในการขับมากๆ แต่ความคล่องตัวของรถทำให้เราผ่านสถานการณ์แบบนี้มาด้วยความปลอดภัย เพื่อร่วมงานเลี้ยงและส่งมอบกุญแจให้กับกลุ่มสุดท้ายนำเทคโนโลยีสกายแอคทีฟกลับเมืองไทย..โดยสวัสดิภาพ

MAZDA SKYACTIV ASEAN CARAVAN ถือเป็นบทพิสูจน์หน้าใหม่ที่ท้าทายตอบโจทย์การเชื่อมโยงของกลุ่มประเทศ AEC ได้เป็นอย่างดี

MAZDA SKYACTIV ASEAN CARAVAN ถือเป็นบทพิสูจน์หน้าใหม่ที่ท้าทายตอบโจทย์การเชื่อมโยงของกลุ่มประเทศ AEC ได้เป็นอย่างดี คงไม่ต้องอธิบายว่าเทคโนโลยี “สกายแอคทีฟ” ดีจริงหรือไม่ ระยะทางในการเดินทางมากกว่า 4,000 กม. ความแตกต่างของเส้นทางทั้ง 4 ประเทศ สภาพอากาศที่ไม่สามารถควบคุมได้ คงตอบแทน “สกายแอคทีฟ” ไปแล้ว ที่เหลือขึ้นอยู่กับคุณว่าใช่…ที่คุณต้องการหรือไม่