McLaren Elva M6A Theme by MSO … เวอร์ชั่นรำลึกอดีต ด้วยดีกรีระดับ 800 ม้า
McLaren แบรนด์ Super Car สัญชาติอังกฤษ เผยรายละเอียดโมเดลพิเศษสุดในชื่อ McLaren Elva M6A Theme by MSO โดยฝีมือการสร้างสรรค์จากแผนก MSO หรือ McLaren Special Operations เพื่อระลึกถึงช่วงเวลาสำคัญของแบรนด์ McLaren ในวงการมอเตอร์สปอร์ตจากยุคทศววรษที่ 60
McLaren Elva M6A Theme by MSO ผสานความล้ำสมัย และทรงคุณค่า
Elva M6A Theme by MSO นั้นเป็นผลงานอันเปี่ยมด้วยความทรงคุณค่า เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวความสำเร็จของวงการมอเตอร์สปอร์ต และจุดเริ่มต้นของแบรนด์จากการนำเอา 2 สิ่งสำคัญมาเป็นองค์ประกอบ คือ “ชื่อ” บุคคลผู้ให้กำเนิด Bruce Leslie McLaren ชาวนิวซีแลนด์ อดีตนักแข่งที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในการแข่งขัน Formula 1 จับคู่กับรถแข่ง McLaren M6A ในฐานะที่ Bruce เป็นผู้ลงมือพัฒนา ภายใต้สังกัดของตัวเองในชื่อ McLaren Motor Racing Team และคว้าชัยชนะในการแข่งขัน Can-Am Challenge Cup ปี 1967 ไปครอบครอง
ซึ่งทั้ง 2 ความสำคัญในประวัติศาสตร์แบรนด์ได้ถูกนำมาผสมรวมกับความล้ำสมัยของยนตรกรรมรุ่นพิเศษ Elva Speedster ในกลุ่มรถ Ultimate Series ที่มีจำนวนจำกัดเพียง 399 คัน ซึ่งเป็นการสะท้อนแนวทางแห่งอนาคตศตวรรษที่ 21 สู่การสร้างสรรค์ความ Exclusive ขั้นสุดในชื่อรุ่นว่า Elva M6A Theme by MSO
ที่มีโดดเด่นด้วย Symbolic จากอดีต เช่น โทนสีของตัวถังที่ใช้สีส้ม ซึ่งมีชื่อเรียกว่า Anniversary Orange เสริมด้วยการตกแต่งเส้นสายรายละเอียดกับโทนสีเทา Dove Grey แบบเดียวกับรถแข่ง M6A ของ Bruce ในครั้งอดีต เช่นเดียวกับในห้องโดยสารที่ยังใช้โทนสีสไตล์เดียวกับภายนอก เช่น โทนสีเทาของเบาะนั่งโครงสร้างเป็นคาร์บอนไฟเบอร์น้ำหนักเบา หุ้มหนังตัดเย็บด้วยด้ายโทนสีส้ม
ตามด้วยเพิ่มรายละเอียดภายนอก กับชุดสติ๊กเกอร์ตัวอักษรโทนสีน้ำเงินคำว่า “McLaren Cars”, “ลายเซ็น Bruce” ปิดท้ายด้วยสติ๊กเกอร์ “หมายเลข 4” ซึ่งเป็นหมายเลขรถแข่งของ Bruce ขณะที่ล้อมาตรฐานก็มาพร้อมความพิเศษด้วยวัสดุ Satin Carbon Fibre แบบ 10 ก้านลาย Diamond Cut ที่ตัดกับโทนสีส้มของชุดคาลิปเปอร์เบรกด้านใน
ดุเดือดโดยพื้นฐาน … ระดับ 800 แรงม้าจาก McLaren Elva
ส่วนสมรรถนะที่มาจากพื้นฐานของ McLaren Elva Speedster นั้นเพียบพร้อมด้วยความดุเดือดกับจำนวนฝูงม้า 804 ตัว ผลงานของเครื่องยนต์เบนซินแบบ V8 Twin-Turbocharged ขนาด 4.0 ลิตร ขับเคลื่อนล้อหลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด ที่เคลมอัตราเร่งสุดโหดจาก 0-62 ไมล์/ชม. เอาไว้ที่ต่ำกว่า 3 วินาที และ 0-124 ไมล์/ชม. ในเวลาเพียง 6.7 วินาที
นอกจากนี้ยังเคลมว่า Elva คือ ยนตรกรรมที่มีน้ำหนักเบาที่สุดเท่าที่เคยผลิตมา แถมยังให้ความรู้สึกการมีส่วนร่วมระหว่างรถ และคนขับได้ดีที่สุด จากการใช้โครงสร้างตัวถังน้ำหนักเบาโดยวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์, ไร้หลังคา, กระจกหน้า และกระจกด้านข้าง ซึ่งทาง McLaren การันตีว่าสามารถจัดการกับกระแสลมปะทะได้อย่างดี ด้วยการใช้เทคโนโลยี Active Air Management System (AAMS) ที่นอกจากงานดีไซน์ตามหลักอากาศพลศาสตร์ขั้นสูงในการจัดเรียงกระแสลม และการระบายความร้อนแล้ว
ยังได้ทำการเพิ่มเติมเทคโนโลยีสุดล้ำเข้าไป เช่น “ครีบคาร์บอนไฟเบอร์” บนฝากระโปรงหน้า เพิ่มเติมด้วยชิ้นคาร์บอนไฟเบอร์ขนาดเล็กซุกซ่อนอยู่ ซึ่งจะทำงานสัมพันธ์กับความเร็วที่ใช้ กับการยกตัวตั้งขึ้นอัตโนมัติ เพื่อทำหน้าที่ Wind Deflector เบี่ยงเบนกระแสลมให้ไหลข้ามผ่านฝากระโปรงหน้า และห้องโดยสาร จากนั้นจะทำการเก็บซ่อนตัวเองโดยอัตโนมัติเช่นกัน เมื่อลดระดับความเร็วลง ตามด้วยด้านหลังที่มากับชุด Active Rear Spoiler ทำงานผสานกับชุด Diffuser กันชนหลัง ซึ่งออกแบบให้มีครีบรีดอากาศแนวตั้ง สำหรับสร้างระเบียบให้กระแสลมใต้ท้องรถ
และจากการที่ Elva คือ ยนตรกรรมซึ่งมากับงานออกแบบสไตล์เปิดโล่ง ทำให้บริเวณด้านข้างตัวรถถูกกำหนดให้อยู่ในระนาบต่ำ เช่นเดียวกับขนาดของโครงสร้างตัวถังด้านหลังพนักพิงศรีษะที่ถูกปรับลดขนาด แต่ยังคงอยู่ภายใต้มาตรฐานความปลอดภัยของระบบ Roll-Over Protection System ก่อนปิดท้ายด้วยการอัพเกรดความมั่นใจขณะขับขี่ผ่านระบบเบรกคาร์บอนเซรามิค ที่ McLaren เคลมว่ามีประสิทธิภาพสูงที่สุดที่เคยสร้างมา จากขนาดของจานเบรกที่เลือกใช้ คือ 390 มม.