Mercedes-Benz เปิดตัว A-Class ประกอบไทย 2 รุ่น เคาะราคาเริ่มสุดยั่วที่ 1.99 ล้านบาท
Mercedes-Benz Thailand เดินเกมส์รุกปลายปี กระตุ้นตลาดพรีเมี่ยม ด้วยการเปิดตัวเวอร์ชั่นประกอบไทยของยนตรกรรมกลุ่ม Comapct Car รุ่น A-Class ซึ่งมาพร้อมทางเลือกให้จับจองเป็นเจ้าของได้ 2 รุ่นย่อยมาตรฐาน ภายใต้ราคาสุดเร้าใจ ที่เริ่มต้นด้วย A 200 Progressive ราคา 1,990,000 บาท และทางเลือกที่สปอร์ตมากกว่ากับ A 200 AMG Dynamic ราคา 2,150,000 บาท
ดีไซน์ภายนอกนั้น มากับความสอดคล้องกับปรัชญาการออกแบบ Sensual Purity ที่เน้นความเรียบง่าย ขณะเดียวกันก็สามารถสื่อถึงความร้อนแรง ได้จากด้วยโครงสร้างภายนอกที่โดดเด่น ซึ่งเกิดจากการตัดทอนเส้นสาย และช่องว่างให้มีน้อยที่สุด เปรียบได้กับเป็นการผสมผสานดีไซน์คลาสสิก และความเร้าใจได้อย่างลงตัว
ด้านหน้าตัวรถมีความล้ำสมัย ลงตัวกับฝากระโปรงหน้าที่ลาดต่ำ และทอดตัวยาวมาถึงชุดกระจังหน้าแบบ Diamond Radiator Grille ที่รวมกันด้วยเส้นสายแนวนอน และตราสัญลักษณ์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประกบด้วยชุดไฟหน้าแบบ LED High Performance ดีไซน์เพรียวบางในกรอบโครเมียม ทำงานร่วมกับไฟ Daytimes Running Light แบบ LED ที่มีลักษณะคล้ายคบเพลิง
นอกจากนี้ยังมีการออกแบบให้ดูทรงพลัง ด้วยเส้นสายด้านข้างตัวรถ ซึ่งลงตัวกับกระจกกระจกมองข้าง ที่วางอยู่ในระนาบเดียวกับขอบกระจกห้องโดยสาร เสริมด้วยล้ออัลลอยด์ลาย 10 ก้านขนาด 17 นิ้วเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน พร้อมด้วยชุดแต่งกันชนหน้า-หลังแบบ Progressive Bodystyling มาให้ในรุ่น A200 Progressive
ขณะที่ในรุ่นย่อย A 200 AMG Dynamic นั้นจะหล่อเหลาเร้าใจมากขึ้นด้วยล้ออัลลอยด์ขนาด 18 นิ้ว แบบ 5 ก้าน จับคู่กับชุดตกแต่งกันชนหน้า-หลังแบบ AMG Bodystyling ทั้งยังสร้างความลงตัวให้กับระบบช่วงล่างแบบ Lowered Comfort Suspension ได้อย่างสวยงามอีกด้วย
ภายในห้องโดยสารกว้างขวางเพื่อประโยชน์เรื่องการใช้สอย รวมถึงการออกแบบห้องโดยสารตอนหลังให้เข้าออกได้ง่าย ไปจนถึงความสะดวกจากห้องเก็บสัมภาระด้านหลังซึ่งมีขนาดถึง 420 ลิตร ที่สามารถปรับพับเบาะนั่งด้านหลังได้แบบ 40:20:40
ตลอดจนการเสริมด้วยฟังค์ชั่นการใช้งานสุดล้ำ เช่น หน้าจอ Widescreenขนาด 10.25 นิ้ว ที่แบ่งการแสดงผลเป็น 2 ส่วน คือ แสดงมาตรวัดต่างๆ ในอัตราส่วนหน้าจอแบบ 16:9 เพื่อให้ผู้ขับขี่มองเห็นได้ชัดเจน โดยที่ส่วนจะเป็นหน้าจอ Infotainment พร้อมระบบปฏิบัติ MBUX แบบ Touchscreen ที่สามารถควบคุมได้ทั้งจากการสัมผัสหน้าจอ Widescreen หรือใช้ Touchpad ดีไซน์ใหม่ ซึ่งมีจุดเด่นอยู่ที่คุณสมบัติด้านการเรียนรู้ และสามารถจดจำความต้องการของผู้เป็นเจ้าของผ่านระบบปัญญาประดิษฐ์ AI
ตามด้วยรายละเอียดในการออกแบบ เช่น ช่องระบายอากาศของเครื่องปรับอากาศที่ได้รับการออกแบบจากแรงบันดาลใจ คือ ใบพัดของเครื่องบินเจ็ท (Turbine) และระบบไฟส่องสว่างแบบ Ambient Light ที่มีให้เลือกใช้ถึง 64 สี สำหรับปรับเปลี่ยนอารมณ์ ส่วนการตกแต่งยังคงเลือกใช้วัสดุเกรดพรีเมี่ยม พร้อมด้วยความต่างที่เกิดขึ้นจากแต่ละรุ่นย่อย เช่น ออพชั่น AMG Interior Package ที่จัดมาให้ในรุ่น A 200 AMG Dynamic เพื่อให้รับกับเบาะนั่ง Sports Seats หุ้มหนัง ARTICO สลับ DINAMICA microfibre สีดำ ตกแต่งด้วยเข็มขัดนิรภัย และการตัดเย็บเบาะด้วยด้ายสีแดง ตลอดจนพวงมาลัยมัลติฟังค์ชั่นแบบ Sports Steering Wheel ที่ตกแต่งด้วยหนัง Nappa ไปจนถึงชุดคันเร่ง และแป้นเบรกแบบสปอร์ต พร้อมปุ่มยางกันลื่น ที่ลงตัวกับพรมปูพื้นจาก AMG
จุดเด่นที่สำคัญของ A-Class ก็คือ เทคโนโลยี และระบบความปลอดภัยมากมาย ซึ่งไม่เคยมีมาก่อนในเวอร์ชั่นที่ผ่านมา เช่น ระบบช่วยหยุดรถ (Active Brake Assist) และระบบช่วยจอดพร้อมกล้องหลัง (Parking Package with Reversing Camera) รวมไปถึงเทคโนโลยีระดับไฮไลต์ อาทิ บริการ Mercedes Me Connect สำหรับเชื่อมต่อระหว่างลูกค้า และผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการ
โดยจะทำงานร่วมกับระบบมัลติมีเดียอัจฉริยะที่ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่ล่าสุด คือ ระบบ MBUX หรือ Mercedes-Benz User Experience ซึ่งประกอบด้วยฟีเจอร์ต่างๆ ที่หลากหลาย และอำนวยความสะดวกสบายได้มากขึ้น จากบริการ และฟังค์ชันต่างๆ ด้วยแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน อาทิ
- ระบบ Mercedes-Benz Emergency Call System ที่ในกรณีเกิดอุบัติเหตุ ในระดับที่ถุงลมนิรภัยทำงาน เซ็นเซอร์ของระบบนี้จะส่งตำแหน่งของรถยนต์ให้กับศูนย์ช่วยเหลือทันที
- ระบบ Vehicle Monitoring ที่เจ้าของรถสามารถเช็คตำแหน่งล่าสุด หรือเส้นทางการขับขี่ได้, ระบบ Vehicle Set-up ที่ผู้ขับขี่สามารถตรวจสอบสภาพรถยนต์ได้จากระยะไกล ด้วยเซ็นเซอร์ที่อยู่ในรถ และจะส่งข้อมูลผ่านแอพพลิเคชั่นให้ผู้ขับขี่ และศูนย์ซ่อมบำรุง เพื่อเปิดดูรายละเอียดต่างๆ ได้
- ระบบ Maintenance Management ที่จะช่วยเตือนเมื่อถึงเวลานำรถยนต์เข้าตรวจสภาพ ด้วยการตั้งวัน และเวลาเข้ารับบริการในครั้งต่อไปให้อัตโนมัติ
- ระบบ Online Booking ฟังค์ชั่นสำหรับการนัดหมายเพื่อเข้ารับบริการที่ง่ายดายเพียงปลายนิ้วสัมผัส ผ่านแอพพลิเคชั่น Mercedes Me Service
- ระบบ Navigation แบบใหม่ที่มาพร้อมกับความแม่นยำที่มากขึ้น พร้อมการแสดงแผนที่แบบ 3D ด้วยกราฟิกความละเอียดสูง ทำงานร่วมกับระบบ AR ในการนำทาง รวมถึงยังสามารถรายงานสภาพถนน และสถานะของร้านค้าต่างๆ ได้แบบเรียลไทม์อีกด้วย
- ระบบ Personal Profiles สำหรับจดจำข้อมูลของผู้ขับขี่แต่ละคน ทั้งลักษณะของการปรับเบาะที่นั่ง, สีไฟในห้องโดยสาร, สถานที่ที่ไปเป็นประจำ ซึ่งสามารถจดจำข้อมูลได้ถึง 22 โปรไฟล์
- สุดท้ายกับระบบ Linguatronic คือ ระบบสั่งการด้วยเสียงที่รองรับได้ทั้งภาษาอังกฤษ, ภาษาเยอรมัน และภาษาฝรั่งเศสของทุกสำเนียงทั่วโลก (Natural Speech Recognition) ที่ปรากฏอยู่ในระบบ Infotainment ซึ่งผู้ขับขี่สามารถเปิดระบบได้เพียงพูดคำว่า “Hey, Mercedes”
A-Class ทั้ง 2 รุ่นย่อย มากับขุมพลังบล็อกเดียวกัน คือ เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ พร้อมระบบอัดอากาศ Turbocharged ที่มีขนาดเพียง 1,332 ซีซี แต่ให้พละกำลังสูงสุดได้ถึง 163 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร จนเรียกได้ว่าเป็น Compact Car ที่มีกำลังมากที่สุดในโลก เมื่อเทียบกับรถขนาดเครื่องยนต์เท่ากัน ส่วนระบบส่งกำลังมากับเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด (7G-DCT) พร้อมแป้นเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (Steering-Wheel Gearshift Paddles) และความสามารถในการทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 8.1 วินาที และความเร็วสูงสุดที่ระดับ 230 กม./ชม.
ราคารถใหม่
Mercedes-Benz รุ่น A 200 Progressive ราคา 1,990,000 บาท
Mercedes-Benz รุ่น A 200 AMG Dynamic ราคา 2,150,000 บาท