Mercedes-Benz CLS 53 AMG 2019 (เมอร์เซเดส-เบนซ์ ซีแอลเอส 52 เอเอ็มจี) ความหรูหรา และโหดดิบ ที่ผสานอย่างลงตัว
Mercedes-Benz CLS 53 AMG 2019 (เมอร์เซเดส-เบนซ์ ซีแอลเอส 52 เอเอ็มจี) อีกหนึ่งรุ่นของแรงจากค่ายดาวสามแฉก Mercedes-Benz (เมอร์เซเดส-เบนซ์) ที่เปิดตัวมาเอาใจสาวก กับเวอร์ชั่นอัพเกรดใช้พื้นฐานจากรุ่น CLS-Class โมเดลล่าสุด มาเสริมเขี้ยวเล็บใหม่ในตระกูล 53 Series งานนี้จะ “สุด” แค่ไหน ไปดูรายละเอียดกัน
พื้นฐาน Mercedes-Benz CLS จัดเต็มความสปอร์ตสไตล์ AMG
Mercedes-Benz CLS 53 AMG ได้รับการแต่งตัวใหม่ โดย AMG เพื่อปรับลุคให้สปอร์ตมากขึ้น เช่น กระจังหน้าใหม่ทรง Twin-Blade ตกแต่งด้วยวัสดุโครเมี่ยม รับกับชุดกันชนหน้าที่มาพร้อมช่องดักอากาศขนาดใหญ่รูปทรง A-Wing และมีการติดตั้ง Splitter ด้านล่าง และมีการใช้วัสดุโครเมี่ยมตกแต่ง รวมถึงในส่วนของครีบช่องดักอากาศซ้าย-ขวา
ส่วนในมุมมองด้านข้าง นั้นเพิ่มความสปอร์ตด้วยชุดสเกิร์ต AMG-Specific Side Sill ตามด้วยด้านหลังที่มีการปรับดีไซน์ชุดกันชนหลัง มาพร้อม Diffuser ที่ออกแบบให้รับกับชุดท่อไอเสียคู่ซ้าย-ขวา พร้อมกับการเพิ่มช่องระบายอากาศบริเวณซุ้มล้อหลัง ปิดท้ายด้วยการติดตั้งสปอยเลอร์ฝากระโปรงท้ายทำจากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์
ด้านภายในห้องโดยสารเต็มไปด้วยอารมณ์ที่ AMG ถ่ายทอดออกมา ทั้งจากโทนสีที่เน้นความสปอร์ตด้วยสีดำ และสีแดง รวมถึงวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ และวัสดุหนังเกรดพรีเมี่ยม ในขณะที่ฟังค์ชั่นอำนวยความสะดวกนั้นไม่ต้องพูดถึง
เพราะเค้าจัดมาให้เพียบ ทั้งหน้าจอความละเอียดสูงขนาด 12.3 นิ้ว บนคอนโซลหน้า, พวงมาลัย AMG แบบ 3 ก้าน พร้อมระบบมัลติฟังค์ชั่น Touch Control Buttons รวมไปถึงความอเนกประสงค์จากเบาะที่นั่งด้านหลัง ซึ่งสามารถปรับพับได้แบบ 40:20:40
ขับเคลื่อนความสปอร์ตขุมพลังสุดล้ำ
เมอร์เซเดส-เบนซ์ ซีแอลเอส 52 เอเอ็มจี มากับสมรรถนะที่โหดสะใจด้วย เทคโนโลยีล้ำสมัยที่ประกอบด้วยเครื่องยนต์พิกัด 3.0 ลิตร แบบ 6 สูบ พ่วงตัวช่วย Twin-Turboharged ผลิตฝูงม้าเยอรมันตัวล่ำให้ใช้ถึง 435 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงถึง 520 นิวตันเมตร
แต่นั่นยังไม่พอ เพราะเค้ามีตัวช่วยใหม่ด้วยฟังค์ชั่น Hybrid กับเทคโนโลยี EQ Boost ที่สร้างแรงอัดอากาศ ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า กับเรี่ยวแรงมาให้เพิ่มอีก 21 แรงม้า รวมไปถึงแรงบิดที่จัดมาให้ได้อีก 250 นิวตันเมตร
เรียกว่ารวมทั้งระบบแล้ว พละกำลังเหลือๆ ถึง 456 แรงม้า และมีแรงบิดมหาศาลถึง 770 นิวตันเมตรเลยทีเดียว โดยเรี่ยวแรงทั้งหมดนั้นจะถูกลำเลียงลงสู่ถนนด้วยเกียร์อัตโนมัติ AMG Speedshift TCT 9G (9 สปีด) พร้อมระบบ Dynamic Select ซึ่งจะมีให้เลือกปรับกันถึง 6 โหมดการขับขี่ คือ Eco, Comfort, Sport, Sport+, Individual และ M (Manual)
ซึ่งมีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ AMG Performance 4MATIC+ รับหน้าที่บริการจัดการพละกำลัง ส่วนออพชั่นอื่นๆ ก็ประกอบด้วยระบบช่วงล่างแบบ AMG Ride Control+ Suspension ซึ่งสามารถปรับแต่งได้จากฟังค์ชั่น Adaptive Damping System ที่มีให้เลือก 3 โหมด คือ Comfort, Sport และ Sport+ ในขณะเดียวกันระบบพวงมาลัยแบบ AMG speed-sensitive steering ก็สามารถเลือกปรับได้ถึง 2 รูปแบบด้วยกัน คือ Comfort และ Sport
ส่วนสมรรถนะนั้นแน่ไว้วางใจได้ในความดุดัน ด้วยตัวเลขอัตราเร่งจาก 0 – 100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 4.5 วินาที และถ้าติดตั้งออพชั่น Driver’s Package เข้าไปจะสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 270 กม./ชม. และด้วยตัวเลขนี้ ทำให้ทาง AMG จึงต้องจัดระบบหยุดยั้งสมรรถนะสูงมารองรับ กับระบบเบรกที่ด้านหน้ามากับจานขนาด 370 x 36 มม. จับคู่คาลิปเปอร์ 4 Pot และด้านหลังขนาด 360 x 26 มม. คู่คาลิปเปอร์แบบ Single Pot
