MINI Cooper S 2019 เพิ่มไลน์อัพ ทายาทความแรงใหม่ ในรูปโฉมของรถ 5 ประตู
แบรนด์ MINI (มินิ) เพิ่มของเล่นใหม่เข้าไปในไลน์อัพ ด้วย MINI Cooper S 2019 (มินิ คูเปอร์ เอส 2019) ที่มากับความ “คุ้มค่า” มากขึ้นในด้านอรรถประโยชน์ใช้สอย ด้วยรูปลักษณ์ตัวถังแบบ 5 ประตู ที่มาพร้อมกับ “สมรรถนะ” สุดเร้าใจ และเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย ซึ่งในเร็วๆ นี้อาจส่งตรงมาถึงเมืองไทย ให้เหล่าสาวกได้จับจองกัน
MINI Cooper S 2019 กับออพชั่นสุดล้ำ บนความต่างของตัวถังมินิ
คูเปอร์ เอส ใหม่ ในเวอร์ชั่นตัวถังแบบ 5 ประตู ยังคงมากับออพชั่นล้ำสมัยที่ติดตั้งมาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน เช่น ชุดไฟหน้าอัตโนมัติแบบ Adaptive LED ตลอดจนไฟ Daytime Running Lights และไฟเลี้ยวทรงกลมอยู่ในชุดเดียวกับโคมไฟหน้า ซึ่งจะมาพร้อมกับระบบ Automatic Selective Dip สำหรับทำหน้าที่ปรับระดับไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติ ด้วยการทำงานร่วมกับกล้องด้านหน้า MINI Front Camera เพื่อจับภาพรถที่สวนมาในขณะขับขี่
ในขณะที่ด้านหลังมีความสะดุดตากับชุดไฟท้ายดีไซน์ใหม่ในลายกราฟฟิคธงชาติอังกฤษ Union Jack แบบ LED พร้อมด้วยชุดสัญญาณไฟเลี้ยวทรงแนวนอน และไฟเบรกทรงแนวตั้งในตัวโคมไฟท้าย ทั้งยังรวมไปถึงตราสัญลักษณ์ Mini (มินิ) ที่ออกแบบในรูปแบบที่เรียกว่า “Flat Design” ซึ่งช่วยสร้างความโดดเด่นให้กับงานดีไซน์สไตล์ใหม่มากขึ้น
ส่วนออพชั่นเพิ่มความสปอร์ตนั้นก็ยังคงเหมือนในเวอร์ชั่นอื่นๆ กับแพคเกจ Piano Black Exterior ที่เพิ่มความดุดันให้กับกรอบชุดไฟหน้า, ไฟท้าย และกรอบกระจังหน้าด้วยวัสดุตกแต่งสีดำเงา High-Gloss Black แทนวัสดุโครเมี่ยม รวมไปถึงล้ออัลลอยด์ขนาด 17 นิ้ว ซึ่งมี 2 ลาย คือ Roulette Spoke และ Propeller Spoke โดยล่าสุดนั้นได้เพิ่มเติมเข้ามาอีก 1 ลายให้เลือก คือ แบบ Rail Spoke และทุกลายจะมากับสีสันสไตล์ 2 Tone เป็นหลัก
ภายในเพียบด้วยลูกเล่น และฟังค์ชั่นล้ำๆ
ด้านห้องโดยสารนั้นมากับการเปลี่ยนแปลงในส่วนของวัสดุการตกแต่ง และโทนสี แบบเดียวกันกับพี่น้องร่วมค่าย เช่น การเลือกใช้วัสดุหนัง Chester Leather สีน้ำตาล Mali Brown พร้อมรายละเอียดการตกแต่งต่างๆ ในโทนสีเดียวกัน แต่ถ้านั่นยังไม่ทำให้รู้สึกสปอร์ตมากพอ ก็สามารถจัดออพชั่น MINI Yours Interior ด้วยแพคเกจ Style Piano Black รวมถึงชุดออพชั่นระบบไฟส่องสว่างภายในห้องโดยสารกับ MINI Excitement Package
ส่วนออพชั่นมาตรฐานใหม่ที่ติดตั้งมาให้นั้นประกอบด้วย ชุดพวงมาลัย 3 ก้าน พร้อมระบบมัลติฟังค์ชั่นใหม่ ที่เปลี่ยนเป็นออพชั่นพวงมาลัย John Cooper Works ได้ ตามด้วยหน้าจอสีระบบสัมผัสขนาด 6.5 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อโทรศัพท์ผ่านระบบ Bluetooth ตลอดจนแอพพลิเคชั่น MINI Connected ที่อัพเกรดใหม่ รวมถึงการเพิ่มฟังค์ชั่นอำนวยความสะดวกใหม่อย่างระบบชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย Telephony with Wireless Charging อีกด้วยเช่นกัน
สมรรถนะเร้าใจ เปี่ยมด้วยอรรถรสความเป็น มินิ คูเปอร์ เอส
MINI ยังคงมากับเอกลักษณ์ในการขับขี่แบบสปอร์ต โดยใช้พื้นฐานขุมพลังที่มีข่าวว่าจะเป็นเครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ พิกัด 1.5 ลิตร แต่มีการปรับพละกำลังเพิ่มขึ้น ด้วยเทคโนโลยีการพัฒนาจากพื้นฐานเครื่องยนต์เบนซิน พร้อมระบบ MINI TwinPower Turbo ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น รวมถึงระบบอิเล็กทรอนิกส์, ระบบฉีดจ่ายเชื้อเพลิง, ระบบระบายความร้อน และระบบไอดี-ไอเสียต่างๆ
ตลอดจนการลดน้ำหนักด้วยการใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ผสมพลาสติกอย่าง CFRP – Carbon Fibre Reinforced Plastic ส่วนโมเดลที่ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังดีเซล ก็มีการอัพเกรดเพิ่มเติมในส่วนของระบบฉีดจ่ายเชื้อเพลิงให้กับเครื่องยนต์แบบ 3 สูบ เช่นกัน พร้อมด้วยการติดตั้งเทอร์โบแบบใหม่ที่เรียกว่า Dual-Level Turbocharging
สำหรับระบบส่งกำลังนั้นมีหลากหลายทางเลือก โดยในในรุ่น MINI One, MINI Cooper, MINI Cooper S และ MINI Cooper D จะมากับเกียร์ธรรมดา 6 สปีด และมีออพชั่นให้เลือกเป็นของใหม่อย่างเกียร์อัตโนมัติ คลัทช์คู่ 7 สปีด Steptronic Sport ซึ่งในโมเดล Cooper S จะเพิ่มความเร้าใจมากขึ้นด้วยชุดแป้นเปลี่ยนเกียร์ Shift Paddle
ส่วนเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด Steptronic นั้นจะจับคู่กับ MINI Cooper SD แต่สามารถเลือกเปลี่ยนเป็นออพชั่นเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด Steptronic Sport ที่มาพร้อมแป้นเปลี่ยนเกียร์ Shift Paddle ได้ นอกจากนี้ระบบส่งกำลังเกียร์อัตโนมัติ Steptronic ทุกรุ่นยังมาพร้อมกับโหมดการขับขี่ MID และ Green เจนเนอเรชั่นล่าสุด เช่นเดียวกับฟังค์ชั่น Auto Start/Stop ซึ่งจะติดตั้งมาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
[embedyt] https://www.youtube.com/watch?v=cOChi8v4jbw[/embedyt]