Mini Countryman … ปรับโฉม พร้อมการอัพเทคโนโลยีใหม่
แบรนด์ Mini เผยรายละเอียดการอัพเกรด รถเอนกประสงค์อนุกรม Mini Countryman เจนเนอเรชั่นล่าสุด ที่มาพร้อมความโดดเด่นจากการปรับโฉมใหม่ พร้อมด้วยการบรรจุเทคโนโลยีล้ำสมัยมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน เพื่อจัดเต็มสำหรับตอบโจทย์ทุกการใช้งาน
โดนใจกับสไตล์ใหม่ของ Mini Countryman
สำหรับจุดเด่นของการปรับดีไซน์ภายนอก เริ่มต้นกับมุมมองด้านหน้าใหม่ด้วยการออกแบบชุดไฟหน้าแบบ LED เทคโนโลยีล่าสุด ที่จัดมาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน เช่นเดียวกับชุดไฟเลี้ยว และชุดไฟตัดหมอก ซึ่งหากยังไม่จุใจก็สามารถอัพเกรดได้ด้วยชุดออพชั่นแบบ Adaptive LED ขณะที่ด้านหลังนั้นมากับชุดไฟท้ายดีไซน์ใหม่ ที่สะดุดตาด้วยลวดลายธงชาติอังกฤษ Union Jack Design แบบ LED
ตามด้วยการเพิ่มความโดดเด่นให้กับตัวรถ จากโทนสีตัวถังที่จัดของใหม่มาให้ 2 สไตลแบบทูโทน คือ สีขาว White Silver Metallic และสีเขียว Sage Green Metallic ซึ่งตัดกับโทนสีดำของชุดหลังคา และฝาครอบกระจกมองข้าง ที่สามารถเลือกเปลี่ยนเป็นโทนสีขาว หรือสีบรอนซ์เงินได้ ขณะที่โทนสีดำเงาแบบ Piano Black ตลอดจนรายละเอียดการตกแต่งต่างๆ นั้นถูกจัดสรรไว้ให้เลือกเป็นออพชั่น ส่งท้ายความเปลี่ยนแปลงด้วยชุดล้ออัลลอยด์ ที่มากับดีไซน์ใหม่ ซึ่งมีขนาดมาตรฐานตั้งแต่ 16-17 นิ้ว ส่วน 19 นิ้ว นั้นถูกจัดไว้ให้เป็นออพชั่น
ส่วนความเปลี่ยนแปลงภายในห้องโดยสารนั้นยังคงคุ้นเคย โดยสไตล์การตกแต่งที่ต่างกันไปในแต่ละรุ่นย่อย ซึ่งมีจุดเด่นอยู่ที่โทนสีใหม่ คือ สีน้ำเงิน Chester Indigo Blue และสีน้ำตาล Chester Malt Brown ควบคู่ไปกับรายละเอียดการตกแต่งที่เน้นความสปอร์ตด้วยโทนสีดำเงา Piano Black ที่ลงตัวกับโทนสีไม้เข้มๆ แบบ British Oak Dark ขณะที่ความอเนกประสงค์ยังคงมากับเบาะนั่งด้านหลังที่ปรับพับได้แบบ 40/20/40 เพื่อปรับเปลี่ยนความจุห้องเก็บสัมภาระจาก 450 ลิตรไปเป็น 1,390 ลิตร
ตรึงสมรรถนะเร้าใจ ภายใต้มาตรฐาน MINI
ด้านขุมพลังของ Countryman โฉมใหม่ ยังคงจัดสรรพละกำลังมาให้เลือกทั้งแบบเครื่องยนต์เบนซิน และดีเซล ที่มาพร้อมระบบอัดอากาศ MINI TwinPower Turbo ซึ่งเริ่มต้นจากรุ่นพื้นฐานเครื่องยนต์เแบบ 3 สูบ และรุ่นเครื่องยนต์ 4 สูบ ส่วนรุ่นย่อย Cooper S Countryman นั้นจะมากับการอัพเกรดเทอร์โบ, ฝาสูบ และชุดระบบไอเสียใหม่ รวมถึงการปรับระบบฉีดจ่ายเชื้อเพลิงใหม่จาก 200 ไปเป็น 350 บาร์ ขณะที่รุ่นเครื่องยนต์ดีเซล นั้นมากับการอัพเกรดระบบอัดอากาศ และระบบฉีดจ่ายเชื้อเพลิงใหม่จาก 200 บาร์ไปเป็น 500 บาร์
นอกจากนี้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ALL4 ยังถูกจัดมาให้เป็นออพชั่น สำหรับ 4 รุ่นของเครื่องยนต์เบนซิน และดีเซล และจะเป็นอุปกรณ์มาตรฐานสำหรับรุ่นเครื่องยนต์ Plug-In Hybrid เพื่อเสริมสมรรถนะให้กับขุมพลัง Hybrid จากพื้นฐานของเครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ รับผิดชอบล้อหน้า ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้ารับผิดชอบล้อหลัง ที่มาพร้อมพละกำลังสูงสุดถึง 220 แรงม้า จากผลงานของเทคโนโลยี eDrive แห่ง BMW Group นั่นเอง
สำหรับระบบส่งกำลังส่วนใหญ่จะกับเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด ขณะที่เกียร์อัตโนมัติแบบ 8 สปีด Steptronic จะถูกจับคู่กับรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ ALL4 ยกเว้นรุ่นย่อย Hybrid อย่าง MINI Cooper SE Countryman ที่จะมากับระบบส่งกำลังแบบเกียร์อัตมัติ 6 สปีด Steptronic