ที่สุดแห่ง Motor Expo 2018 … กับ 5 อันดับยนตรกรรม “ราคา” แรงทะลุเพดาน
Motor Expo 2018 ออกตัวแรงด้วยแนวคิด “ขับสนุก ! ก่อนยุคไร้คนขับ” ด้วยการนำเสนอเทคโนโลยี “สุดล้ำสมัย” โดยจุดเด่นของงาน ที่นอกเหนือจากบรรดา “เทคโนโลยี” แล้ว บรรดายนตรกรรมใหม่ๆ คือ อีกหนึ่งสิ่งน่าสนใจที่หลายค่ายรถส่งขึ้น “เวที” กันอย่างคับคั่ง ตั้งแต่รถระดับธรรมดาๆ ไปจนถึงระดับที่เรียกว่า “สุด” อันเป็นสีสันที่เหล่าผู้ “คลั่งรถ” ไม่ควรพลาด เพราะนี่คือ เหล่า “หัวแถว” 5 อันดับ กับค่าตัวที่ว่ากันในระดับไม่ต่ำกว่า 20 ล้านเท่านั้น
Rolls-Royce Cullinan
Rolls-Royce Cullinan คือ รถอเนกประสงค์ SUV คันแรกของค่าย ซึ่งถือกำเนิดในฐานะครอสโอเวอร์ที่หรูหราที่สุดของโลก ชื่อรุ่น Cullinan มาจากเพชรเม็ดใหญ่ที่สุด เท่าที่เคยมีการค้นพบบนโลก และได้ถูกประดับอยูบนมงกุฏของราชินีแห่งสหราชอาณาจักรส่วนจุดเด่นนั้นคงไม่ต้องกล่าวอะไรมาก เพราะชื่อชั้นแบรนด์อย่าง Rolls-Royce คือ เครื่องการันตีคุณภาพที่ทั่วโลกรู้จัก ทั้งยังรวมไปถึงออพชั่นสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่จัดมาให้อย่างครบเครื่อง จัดวางอย่างลงตัวอยู่ภายในห้องโดยสารสไตล์คลาสสิค
และไม่ใช่แค่ “ความหรูหรา” และ “ออพชั่น” เท่านั้นที่ส่งให้ Rolls-Royce Cullinan เป็นที่ “สุด” หากแต่ยังรวมถึงสมรรถนะที่เร้าใจด้วยเครื่องยนต์เบนซินพิกัด 6.75 ลิตรแบบ 12 สูบ พ่วงของแรง Twin-Turbocharged ที่จัดสรรกำลังสูงสุดมาให้ถึง 563 แรงม้า พร้อมแรงบิดมหาศาลที่ 850 นิวตันเมตร ขับเคลื่อน 4 ล้อ ซึ่งนั่นเพียงพอที่จะทำให้ Cullinan เป็น SUV สุดทรงพลังด้วยอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 5.2 วินาที
และด้วยค่าตัวเริ่มต้นที่ 32.9 ล้านบาท จึงทำให้ Rolls-Royce Cullinan ภายใต้การดูแลของกลุ่มบริษัท มาสเตอร์ กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด หรือ MGC-ASIA ได้รับตำแหน่งสูงสุดบนยอดปีระมิด “ยนตรกรรมราคาสูง” ในงาน Motor Expo 2018 นี้ไปครอง
Aston Martin Vanquish Coupe
อันดับที่ 2 ยังคงเป็นของกลุ่มบริษัท มาสเตอร์ กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด หรือ MGC-ASIA เช่นกัน กับรถสปอร์ตสัญชาติอังกฤษ ขวัญใจสายลับรหัส 007 อย่าง Aston Martin รุ่น Vanquish Coupe ที่มีค่าตัวระดับ 27.9 ล้าน ที่พกพาความสปอร์ตมาให้สัมผัสกันแบบเต็มขั้น โดยเฉพาะในเรื่องของสมรรถนะ
ตั้งแต่เทคโนโลยีตัวถังแบบคาร์บอนไฟเบอร์ทั้งคัน เพื่อลดน้ำหนัก แต่ยังคงไว้ด้วยความแข็งแกร่ง เพื่อรองรับความแรงจากขุมพลังเบนซินพิกัด 6.0 ลิตรแบบ V12 ที่สร้างเรี่ยวแรงออกมาให้ใช้ถึง 568 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติใหม่แบบ 8 สปีด สำหรับสร้างความจัดจ้านด้วยอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ใน 3.8 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ที่ 324 กม./ชม.
McLaren 600LT
บริษัท นิช คาร์ กรุ๊ป จำกัด ผู้นำเข้า และจัดจำหน่ายรถยนต์แมคลาเรนอย่างเป็นทางการเพียงรายเดียวในประเทศไทย คว้าอันดับ 3 ไปครอง ด้วยยนตรกรรมใหม่ล่าสุด McLaren 600LT สมาชิกลำดับที่ 4 แห่งตระกูล LT (Longtail) ในกลุ่ม Sport Series ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด และทรงพลังสูงสุดในกลุ่มเดียวกัน พร้อมราคาเริ่มต้นที่ 24.7 ล้านบาท
โดยมีจุดเด่นอยู่ที่เทคโนโลยีจากสไตล์รถแข่ง GT ขนานแท้ ด้วยโครงสร้างตัวถังแบบคาร์บอนไฟเบอร์อันแข็งแกร่ง และน้ำหนักเบา พร้อมดีไซน์ที่เน้นหนักด้านอากาศพลศาสตร์ที่มีประโยชน์สูงสุด เพื่อให้สัมผัสกับสมรรถนะจากเครื่องยนต์ V8 ความจุ 3.8 ลิตร Twin-Turbocharged ระดับ 600 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 620 นิวตันเมตร ได้อย่างเต็มอารมณ์
Lamborghini Urus
อันดับที่ 4 เป็นของแรงจาก เรนาสโซ มอเตอร์ ตัวแทนจำหน่าย และให้บริการหลังการขายรถยนต์ Lamborghini อย่างเป็นทางการรายเดียวในประเทศไทย กับ Lamborghini Urus ยนตรกรรม Super SUV ที่ถ่ายทอด DNA ของ Lamborghini อย่างแท้จริง ไปพร้อมกับการผสมผสานความเอนกประสงค์ของรถเอสยูวีที่เต็มเปี่ยมไปด้วยสมรรถนะอันทรงพลัง
จากเครื่องยนต์แบบ V8 V8 ขนาด 4.0 ลิตร พร้อมระบบอัดอากาศ Twin-Turbo ที่ให้กำลังสูงสุดถึง 650 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 850 นิวตันเมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด สู่ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ เพื่อสร้างอัตราเร่งดุดันจาก 0-100 กม./ ชม.ในเวลาเพียง 3.6 วินาที และความเร็วสูงสุดกว่า 300 กม./ชม. ครองตำแหน่งรถอเนกประสงค์ SUV ที่เร็วที่สุดในโลกไปครอง
ทั้งยังมาพร้อมกับจานเบรกแบบคาร์บอนเซรามิกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก กับด้านหน้าขนาด 440 มม. และด้านหลังขนาด 370 มม. ที่ทำให้มีระยะเบรกทรงประสิทธิภาพกับการหยุดยั้งจาก 100-0 กม./ชม. ในระยะเพียง 33.7 เมตรเท่านั้น ส่วนสนนราคานั้นเคาะจุดเริ่มต้นเอาไว้ที่ 23.42 ล้านบาท
Bentley New Continental GT
ปิดท้ายด้วยอันดับ 5 กับ Bentley New Continental GT ค่าตัว 22.1 ล้าน ที่สอดผสานความหรูหรา และความสปอร์ตให้ออกมาได้อย่างลงตัว ทั้งภายนอก และภายในห้องโดยสาร เพื่อเอาใจยนตรกรรมสาวกรถสไตล์ GT อันเปี่ยมไปด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัวจาก Bentley รวมไปถึงการนำเสนอความเป็นยนตกรรมที่บ่งบอกถึงความล้ำหน้า และวิวัฒนาการของเทคโนโลยี
อีกหนึ่งจุดเด่นที่ไม่ควรพลาด คือ เรื่องของสมรรถนะที่จัดจ้านด้วยขุมพลังวิวัฒนาการล่าสุด จากพื้นฐานเครื่องยนต์ พิกัด 6 ลิตร แบบ W12 TSI Twin-Turbocharged รับหน้าที่ในการถ่ายทอดพละกำลังระดับ 635 แรงม้า และแรงบิดมหาศาลถึง 900 นิวตันเมตร ด้วยเกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ 8 สปีด พร้อมระบบ Adaptive Chassis อัจฉริยะ เพื่อสร้างอรรถรสการควบคุมในสไตล์สปอร์ต ที่ตอกย้ำความเร้าใจด้วยอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 3.7 วินาทีเท่านั้น