Nissan “Go Anywhere” ผลัดแรก แห่งการเดินทางตะลุย “มาเลเซีย”
บริษัท นิสสันมอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ตอกย้ำสมรรถนะยนตรกรรมสายลุยอย่าง Nissan X-Trail, Nisssan Navara และ Nissan Terra กับงานใหญ่ในการทดลองขับภายใต้ธีม Nissan “Go Anywhere” หรือ “ลุยได้ทุกที่” บนเส้นทางจากเมืองไทย ไปตะลุยรอบประเทศมาเลเซียเป็นระยะทางรวมกว่า 2,000 กม.
Nissan “Go Anywhere” … โตแล้วไปไหนก็ได้
สำหรับสื่อมวลชนที่ร่วมกิจกรรมนี้จะถูกแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มด้วยกัน โดยมีเราเป็นกลุ่มแรกรับหน้าที่รูดม่านเปิดฉากการเดินทางเป็นระยะทางราวๆ 700 กม. ซึ่งจะออกสตาร์ทจาก อ. หาดใหญ่ ในจังหวัดสงขลา เพื่อมุ่งหน้าออกจากแผ่นดินประเทศไทยทาง ด่านสะเดา เข้าสู่แดนเพื่อนบ้าน ประเทศมาเลเซีย อันมีจุดหมายการเดินทางในเฟสแรก คือ กรุงกัวลาลัมเปอร์ … และนั่นดูจะเป็นจุดหมายที่ไกลเกินไป
ทำให้ในวันแรกขบวนของเราจึงใช้ชีวิตช่วงบ่ายกันอยู่ที่เมือง Alor Setar ซึ่งเป็นเมืองหลวงของรัฐเกอดะฮ์ (Kedah) เพื่อแวะฝากท้องด้วยอาหารมาเลเซียเป็นมื้อแรก ต่อเนื่องด้วยการเดินทางไปเที่ยวแวะชมความงดงามของสถาปัตยกรรมที่เมืองนี้ ก่อนจะเดินทางไปยังที่พักคืนแรก The Jerai Hill Resort บนยอดเขาเจไร (Mount Jerai) ที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลราวๆ 1,000 เมตร ท่ามกลางทิวทัศน์ที่สวยงาม และอากาศเย็นสบาย
ส่วนในวันรุ่งขึ้นเรา “หวด” กันยาวๆ มุ่งหน้าเข้าเมืองหลวง กรุงกัวลาลัมเปอร์ ซึ่งต้องบอกว่าเป็นอะไรที่น่าประทับใจมาก โดยเฉพาะกับทางหลวงของประเทศมาเลเซีย ที่ “ดีมาก” จนอยากจะให้ประเทศเราเอาเป็นแบบอย่าง แถมการเดินทางในวันนี้ยังมีเซอร์ไพรส์เล็ก นอกเหนือจากการแวะชมปราสาทเคลลี (Kellie’s Castle) ด้วยเส้นทางแบบ Off-Road หลังมื้อเที่ยง โดยมี The Hide Out สถานที่ทำกิจกรรมแนว Adverture เป็นจุดหมายให้แวะชิลล์ริมน้ำท่ามกลางธรรมชาติ ก่อนถึงที่พักในกรุงกัวลาลัมเปอร์ อย่างมั่นใจในสมรรถนะของยนตรกรรมสายลุยจากแบรนด์ Nissan
เพราะตลอดเส้นทางไม่ว่าจะเป็น Nissan X-Trail, Nisssan Navara หรือ Nissan Terra ได้มอบการขับขี่ที่ปลอดภัย ภายใต้สภาพการขับขี่ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการใช้ความเร็วสูงบนถนนไฮเวย์ ที่แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการยึดเกาะถนน ไปจนถึงเสถียรภาพในทางโค้ง และความสามารถในการขับขี่แบบ Off-Road ที่เปลี่ยนระบบขับเคลื่อนขณะขับขี่ หรือ Shift-on-the-Fly จากสไตล์การขับเคลื่อน 2 ล้อ (2H) เป็น 4 ล้อ (4H) ได้แบบสบายๆ และหากเจออุปสรรคโหดร้ายในการเดินทางก็ยังคงมั่นใจได้ ด้วยโหมดการขับเคลื่อน 4 ล้อความเร็วต่ำ (4Lo)
อีกทั้งยังมาพร้อมกับความสะดวกสบายในการขับขี่ เช่น ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติอัจฉริยะ (Intelligent Cruise Control – ICC) ในการรักษาระยะห่างตามความเร็วของรถคันหน้าตามที่ตั้งค่าไว้โดยอัตโนมัติ ตลอดจนเทคโนโลยีช่วยลดความเร็วอัตโนมัติ (Intelligent Engine Brake) ที่จะเปลี่ยนเกียร์ลงอย่างนุ่มนวล เมื่อรถคันหน้าชะลอความเร็ว เพื่อช่วยลดภาระของผู้ขับขี่ตลอดการเดินทาง สร้างความมั่นใจทั้งในขับขี่บนทางหลวง ทางด่วน หรือในสภาพการจราจรที่หนาแน่น
รวมถึงความอุ่นใจที่เกิดขึ้นจากเทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูง และระบบ Nissan Intelligent Mobility ที่แสดงศักยภาพได้อย่างชัดเจนตลอดการทดสอบ เช่น กล้องมองภาพรอบทิศทาง (Around View Monitor) ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่มองเห็นรอบคันของรถทั้งหมดได้อย่างง่ายดายเมื่อขับผ่านพื้นที่แคบ หรือแม้กระทั่งระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน และเทคโนโลยีควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (Hill Start Assist – HSA และ Hill Descent Control – HDC) ที่ทำให้เราขึ้น-ลงเขา หรือทางชันได้แบบสบายๆ
ตลอดจนเทคโนโลยีอื่นๆ ที่สำคัญต่อการขับขี่ เช่น ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวอัตโนมัติ (Vehicle Dynamic Control – VDC), ระบบกระจายแรงเบรก (Electronic Brake-force Distribution– EBD), ระบบเบรกกันล้อล็อก (Anti-lock Braking System–ABS) พร้อมเสริมแรงเบรก (Brake Assist – BA), ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกช่องทาง (Lane Departure Warning – LDW) และระบบเตือนเมื่อมีวัตถุอยู่ในจุดอับสายตา (Blind Spot Warning – BSW) ไปจนถึงระบบป้องกันล้อหมุนฟรี (Traction Control System –TCS) ที่ทำให้การขับขี่แบบ Off-Road เป็นเรื่องง่ายนิดเดียว