NISSAN Leaf 2018 “จ่อคิว” เข้าไทย จากแผนการตลาดใหม่ของ NISSAN ที่ต้องรอดูกันว่าจะ “ไปรอด” หรือไม่…?
เร็วๆ นี้ ข่าวดังล่าสุดแห่งวงการยานยนต์ ก็คือ การเปิดตัวนวัตกรรมใหม่ล่าสุด NISSAN Leaf 2018 ณ เมืองโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น โดยมี “นาย อันตวน บาร์เตส ประธาน บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด“ กล่าวในงาน
ซึ่งสรุปสั้นๆ ว่าเป็นการวางเป้าหมายเพื่อ “ให้ NISSAN มีบทบาทหลักในอุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศไทย” และหนึ่งในกลยุทธ์ดังกล่าวก็คือ “การเพิ่มความหลากหลายของรถยนต์ในประเทศไทย” ด้วยความ “เชื่อ” ว่ารถยนต์ไฟฟ้าสุดยอดเทคโนโลยีแห่งยุคจะเป็น “อีกหนึ่งยานยนต์ที่เพิ่มสีสันให้กับรถยนต์รุ่นต่างๆ ของ Nissan ที่วางจำหน่ายในประเทศไทย”
https://www.youtube.com/watch?v=rQDpuzaOoSM
นี่คือ NISSAN Leaf 2018 เวอร์ชั่นญี่ปุ่น…ของไทย “รอลุ้น” ต่อไป
NISSAN Leaf 2018 มาพร้อมกับฐานะ World’s Most Advanced Mass-Market ของรถไฟฟ้า EV หรือ Electric vehicle และสัญลักษณ์สำคัญที่แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของ NISSAN ในเรื่องของยานยนต์ขับเคลื่อนอัจฉริยะ (Intelligent Mobility)
Exterior Design
ภายนอกนั้นได้รับแรงบันดาลใจมาจากรถต้นแบบรุ่น IDS Concept ที่นำมาโชว์ตัวเป็นครั้งแรกในงาน Tokyo Motor Show ปี 2015 ซึ่งเมื่อเป็น NISSAN Leaf ก็ได้มีการปรับปรุงเพื่อเพิ่มความโดดเด่น เช่น ด้านหน้าที่มากับชุดกระจัง V-motion เอกลักษณ์ของแบรนด์ NISSAN คล้ายกับโมเดล NISSAN X-Trail และ NISSAN Qashqai ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในยุโรป แต่มีการปรับเปลี่ยนโทนสีเป็นสีฟ้า เพื่อสื่อถึงความเป็นยนตรกรรม EV จากแบรนด์ NISSAN ตามด้วยการเลือกใช้ชุดไฟหน้าแบบ LED ภายในโคมรูปทรงบูมเมอแรง ทั้งยังมีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานที่ต่ำเพียง 0.28
Interior Design
ภายในมีการปรับงานดีไซน์ใหม่ พร้อมด้วยการเลือกใช้วัสดุคุณภาพสูงทั้งหมด ตกแต่งรายละเอียดด้วยโทนสีฟ้า ตามด้วยการติดตั้งฟังค์ชั่นอำนวยความสะดวกต่างๆ เช่น หน้าจอสี TFT ขนาด 7 นิ้ว รองรับระบบ Infotainment System เช่น ระบบนำทาง Navigation System รวมถึงการเชื่อมต่อจากฟังค์ชั่น Apple CarPlay และ Android Auto (สำหรับบางประเทศ)
Nissan Intelligent หัวใจหลักแห่งการขับเคลื่อน
Leaf 2018 มากับระบบขับเคลื่อนที่เรียกว่า NISSAN Intelligent Power ซึ่งมันคือระบบ e-powertrain ที่มากด้วยสมรรถนะทั้งในเรื่องของอัตราสิ้นเปลือง, พละกำลัง และการขับขี่ที่ยอดเยี่ยม ด้วยพละกำลัง 110 กิโลวัตต์ ซึ่งมากกว่าเวอร์ชั่นที่แล้วถึง 38% และแรงบิดถึง 320 นิวตันเมตร หรือมากขึ้นถึง 26% ที่สร้างอัตราเร่งอันยอดเยี่ยม และสามารถขับเคลื่อนได้ไกลถึง 400 กม. ตามมาตรฐานการขับขี่ของญี่ปุ่น (Japan Standards) ต่อการชาร์จไฟ 1 ครั้ง อีกทั้ง NISSAN ยังมีแผนจะนำเสนอเวอร์ชั่นที่ “เร้าใจ” กว่านี้ในปลายปี 2018 ซึ่งจะมากับระยะทางในการขับขี่ที่มากขึ้น ต่อการชาร์จไฟ 1 ครั้ง พร้อมกับโหมดการขับขี่ที่สามารถเลือกได้
นอกจากนี้ยังได้ติดตั้งเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติ ProPILOT มาให้ โดยจะเป็นตัวช่วยสำหรับการขับขี่บนช่องจราจร ตามด้วยระบบ ProPILOT Park ที่จะช่วยควบคุมพวงมาลัย, การเร่ง, การเบรก และตำแหน่งของเกียร์แบบอัตโนมัติ สำหรับการจอดรถ แล้วก็ยังมีระบบ e-Pedal ที่จะช่วยในการเร่งเครื่อง, เบาเครื่อง หรือหยุดรถได้ ด้วยคันเร่ง ซึ่งจะมีระบบ Regenerative และระบบเบรก Friction Brakes ทำหน้าที่แทนคนขับ ซึ่งทันทีที่ยกคันเร่ง ทั้ง 2 ระบบ จะช่วยลดความเร็ว และหยุดรถโดยอัตโนมัติ แม้บนทางลาดชัน โดยจะไม่เคลื่อนไหวจนกว่าคนขับจะกดคันเร่งอีกครั้ง
ราคารถใหม่ NISSAN Leaf 2018
(ราคาเงิน Yen ญี่ปุ่น ณ ค่าเงินบาทปัจจุบัน)
เริ่มต้นที่ 3,150,360 เยน หรือ 966,403 บาท