ติดไฟแดง ใส่เกียร์ N หรือ D ดีกว่ากัน
เป็นคำถามที่หลายคนสงสัย และตั้งคำถามมานานไม่น้อยกว่า 20 ปี ว่าเวลาที่เราขับรถยนต์เกียร์อัตโนมัติ แล้วจอด ติดไฟแดง ควรจะ ปลดเกียร์ N หรือคาไว้ที่เกียร์ D ดีกว่ากัน พร้อมกับการถกเถียง การบอกเล่าเก้าสิบกันต่อๆ มา ว่าอย่างนั้นดีกว่า อย่างนี้ดีกว่า เอาเป็นว่าเดี๋ยวติดตามจากบทความนี้แล้วกัน
ก่อนอื่นเราต้องตั้งคำถามให้ตัวเองก่อนว่า ตอนที่เราขับรถอยู่โดยที่รถเคลื่อนตัวอยู่ และเมื่อถึงเวลาที่ต้องหยุดสักพักหนึ่ง เช่น ติดไฟแดง เราจะ ปลดเกียร์ว่าง (N) เพื่ออะไร? คำตอบคือ เมื่อยเท้าขวา แทนที่จะได้วางเท้าบนพื้นสบายๆ คลายความเกร็งของเท้า เพราะอีพักใหญ่ๆ กว่าจะไฟเขียว อีกคำตอบคือ ติดไฟแดงตั้งนาน จะได้ถนอมเกียร์ด้วย
ส่วนการที่เรายังคาเกียร์ D อยู่นั้นเพื่ออะไร? คำตอบแรกคงหนีไม่พ้น ขี้เกียจเอามือเปลี่ยนคันเกียร์ไป-มา เหยียบเบรกคาแป้นไว้นานแค่ไหนก็ชิลล์ คำคอบต่อมาก็คล้ายๆ คำตอบแรกคือไม่เป็นหรอก มันจะสึกหรอยังไง ตอนเคลื่อนตัวก็ต้องตำแหน่ง D หยุดสัก 2-3 นาทีมันจะไปสึกหรออะไรนักหนา
เอาล่ะเมื่อผู้เขียนชี้เหตุของการที่จะใช้เกียร์ N หรือ D เวลาติดไฟแดงไปแล้ว คราวนี้เรามาดูกันว่า เวลาที่จอดติดไฟแดงอยู่นั้น ผู้ขับขี่ควรจะเลือกตำแหน่งเกียร์อยู่ที่อะไร ทั้งนี้ผู้เขียนจะไม่ฟันธงว่า ตำแหน่งเกียร์ไหน ดีกว่ากัน แต่ให้ผู้อ่านซึ่งเป็นผู้ขับขี่เลือกเอาตามสะดวกเลย
ผู้เขียนจะขอเล่าจากประสบการณ์ที่คลุกคลีอยู่กับอู่ อยู่กับช่าง การเห็นเกียร์ที่ถูกผ่าจากเจ้าของรถคนนั้นคนนี้ก็แล้วกัน โดยมีการทดลองทำการติดตั้งเซนเซอร์วัดอุณหภูมิน้ำมันเกียร์เข้าไป ซึ่งเป็นเรื่องปกติมากของพวกเล่นรถซิ่ง และในรถแข่ง หลังจากการขับขี่หลายๆ รอบ แล้วมาจอดตแหน่งเดิม ระหว่างการปลดเกียร์ N กับการคาไว้ที่เกียร์ D นั้น ในเกียร์ D เมื่อจอดสักพักเกือบๆ นาที เกจวัดอุณหภูมิน้ำมันเกียร์จะเพิ่มสูงขึ้นกว่าเดิมราว 3-5 องศาเซลเซียส แสดงว่าการปลดเปลื้องภาระให้กับเกียร์ขณะหยุด เป็นการรักษาอุณหภูมิในเรือนเกียร์ให้ค่อนข้างคงที่ ซึ่งในขณะขับขี่ยังมีลมมาช่วยเพิ่มในการระบายด้วย
ทีเหลือก็เป็นการตัดสินใจของผู้ขับขี่เอง จะปลด หรือ จะคา ตำแหน่งเกียร์เอาไว้ ก็ขึ้นอยู่กับสภาวการณ์นั้นด้วยว่า ติดไฟแดงนานแค่ไหนอย่างไร อุณหภูมิสูงขึ้นแค่นี้เป็นปัญหาไหม สุดท้ายคือลักษณะนิสัยของ เท้า ผู้ขับนี่แหละที่จะเป็นตัวกำหนด