มาดูกันว่า “ค่าตัว” ถูกสุดบน Price List จาก BMW และ Mercedes-Benz คือ รุ่นไหน และอะไร “คุ้ม” กว่า
“สายยุ่นหลบไป” เพราะพื้นที่นี้เน้น “สายยุโรป” โดยเฉพาะ … เมื่อราคา “รถใหม่ระดับพรีเมี่ยม” ที่เปิดตัวออกมา เคาะราคากันที่ “ล้านกลางๆ ถึงปลาย” ความสงสัยจึงบังเกิดว่า ถ้าต้องเพิ่มตังค์ขึ้นอีกสักนิด เพื่อไปสอย “แบรนด์เยอรมัน” ทั้ง BMW และ Mercedes-Benz จะมีรุ่นไหนให้ “เอื้อม” จาก Price List รวมถึง “เทียบ” แล้ว แบรนด์ “คุ้ม” กว่ากัน
เปิด Price List หาของ “ถูก” จาก BMW และ Mercedes-Benz
ไล่ตามตัวอักษรภาษาอังกฤษ ค่ายใบพัดฟ้า-ขาว BMW คือ แบรนด์แรกแห่งการค้นหา “ของถูก” โดย ผลลัพธ์นั้นตกอยู่ที่รุ่น 118i ที่มาพร้อมกับชุดตกแต่ง M Performance Edition เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน บนเรือนร่างของยนตรกรรมแบบ Hatchback 5 ประตู ค่าตัว 2,069,000 บาท แต่ถ้าบวกเพิ่ม BSI Standard เข้าไปจะจบลงด้วยตัวเลขราคา 2,099,000 บาท
ส่วนทางด้านค่ายดาวสามแฉกอย่าง Mercedes-Benz เมื่อไล่ตาม Price List แล้วปรากฏว่ามี “ของถูก” ให้เลือกจับจองได้ถึง 2 รุ่นด้วยกันในราคา 2,140,000 บาท คือ CLA 200 Urban และ GLA 200 Urban ซึ่งทั้ง 2 รุ่นจะมากับสไตล์ที่ต่างกัน โดย CLA-Class จะมากับรูปลักษณ์สไตล์ซีดาน 4 ประตู ในขณะที่ GLA-Class นั้นจะมากับตัวถังรูปแบบรถอเนกประสงค์ SUV ในพิกัด Compact
โดยครั้นจะเอา GLA-Class รถอเนกประสงค์ SUV ไป “วัด” กับ 118i M Sport ก็ดูจะผิด “พิกัด” ไปซักนิด เพราะฉะนั้นการ “เปรียบมวย” แมทช์นี้จึงเป็นศึกรถยนต์นั่งระหว่าง 118i M Sport ตัวถัง 5 ประตู และ CLA 200 Urban ตัวถัง 4 ประตู น่าจะเป็นคู่ที่ “เหมาะสมที่สุด”
และเพื่อไม่ให้เป็นการรู้สึกว่า “ชี้เป้า” มากเกินไป ข้อมูลทุกอย่างที่นำมาใช้จึงเป็น “Specifications” แท้ๆ จากโรงงานเหมือนกันทั้ง 2 ค่าย ที่เราหยิบมาใส่ เพื่อให้ผู้อ่านได้ “เทียบ” กันง่ายขึ้น “ยกเว้น” เรื่องของ “รูปลักษณ์” และงาน “ดีไซน์” เพราะเรื่องนี้ว่ากันด้วย “อารมณ์” ล้วนๆ ว่าใคร “ชอบ” แบบไหนมากกว่ากัน
มิติตัวถัง
118i M Sport | CLA 200 Urban | |
ความยาว (มม.) | 4,329 | 4,640 |
ความกว้าง (มม.) | 1,765 | 1,777 |
ความสูง (มม.) | 1,440 | 1,432 |
ความยาวฐานล้อ (มม.) | 2,690 | 2,699 |
พื้นที่บรรทุกสัมภาระ (ลิตร) | 360 – 1,200 | 470 |
จุดนี้ถือว่า “สูสี” ทีเดียว เมื่อดูจากตัวเลขจะเห็นว่า CLA 200 Urban มีตัวเลขความยาวของตัวถังที่มากกว่า ซึ่งน่าจะเป็นข้อได้เปรียบจากลักษณะตัวถังของรถสไตล์ Sedan แต่ 118i M Sport ที่มากับตัวถัง Hatchback ก็มีข้อได้เปรียบเช่นกัน โดยเฉพาะงานดีไซน์แบบ “ท้ายตัด” ที่ช่วยให้การ “ถอยจอด” กะระยะได้ง่ายกว่า
อีกหนึ่งจุดก็คือ ห้องเก็บสัมภาระด้านหลัง ซึ่ง 118i M Sport ที่มากับตัวถัง Hatchback นั้นมีพนักพิงเบาะหลังที่แบ่งพับได้แบบ 60:40 ที่สามารถจุของได้ตั้งแต่ 360 ลิตรไปจนถึง 1,200 ลิตร รวมถึงสิ่งของที่มีชิ้นใหญ่ ซึ่งด้วยสไตล์ Hatchback นั้นน่าจะสะดวกต่อสัมภาระที่ความสูง และความยาวมากกว่า
ในขณะที่ CLA 200 Urban แบบ 4 ประตู Sedan ที่มากับงานดีไซน์ “ท้ายลาด” สไตล์รถ Coupe นั้นอาจจะ “ด้อย” ความสะดวกสบายไปบ้าง โดยเฉพาะกับของที่มีความสูง และความยาว แม้จะมีเบาะนั่งด้านหลังที่พนักพิงพับได้แบบ 1/3 หรือ 2/3 และการบรรจุสัมภาระได้ถึง 470 ลิตรก็ตาม
อุปกรณ์มาตรฐานภายนอก
118i M Sport | CLA 200 Urban |
ไฟหน้าแบบ LED | ใบปํดน้ำฝนทำงานโดยอัตโนมัติ พร้อมเซ็นเซอร์วัดปริมาณน้ำฝน |
ไฟตัดหมอกแบบ LED | ไฟหน้าแบบ LED High Performance |
ระบบไฟหน้าและใบปัดน้ำาฝนทำงานอัตโนมัติ | ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Adaptive Highbeam Assist) |
ชุดตกแต่งรอบคันดีไซน์ M | ไฟ Daytime แบบ LED ในกรอบไฟหน้า |
ขอบหน้าต่างสีดำเงา | ไฟส่องสว่างอัตโนมัติในที่มืด |
กระจกมองข้างฝั่งคนขับตัดแสงอัตโนมัติ | ไฟเลี้ยวกระจกมองข้าง ไฟท้าย และไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED |
เซนเซอร์ควบคุมระยะการจอดด้านหลัง | กระจังหน้า Diamond Grille สีดำ พร้อมตราสัญลักษณ์เมอร์เซเดส-เบนซ์ |
ล้ออัลลอยด์ M ขนาด 18 นิ้ว ลาย Double-Spoke สี Jet Black | กระจกมองข้างปรับระดับ และพับเก็บด้วยระบบไฟฟ้า |
ยาง Runflat ด้านหน้า 225/40 R18, ด้านหลัง 245/35 R18 | กระจกมองข้างด้านผู้ขับขี่ และกระจกส่องหลังปรับลดแสงสะท้อนอัตโนมัติ |
ปลายท่อไอเสียเสริมโครเมียม 2 ท่อ | |
ล้ออัลลอยด์ขนาด 18 นิ้ว สีทูโทน | |
กุญแจรีโมทคอนโทรล | |
ยาง Runflat ขนาด 225 / 40 R18 |
อุปกรณ์มาตรฐานภายใน
118i M Sport | CLA 200 Urban |
ระบบ Auto Start/Stop | ฟังก์ชัน ECO start/stop |
เบาะนั่งหนังแท้ Dakota | เบาะนั่งหุ้มหนัง ARTICO |
เบาะนั่งปรับไฟฟ้าพร้อมระบบจำาตำาแหน่งเฉพาะฝั่งคนขับ | เบาะนั่งสำหรับผู้ขับขี่ และผู้โดยสารด้านหน้า ปรับระดับด้วยระบบไฟฟ้า |
เบาะนั่งตอนหน้าแบบสปอร์ต | เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหลัง พับได้แบบ 1/3 และ 2/3 |
หลังคาภายในสี Anthracite | ระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติ Thermotronic แบบ 2 โซน |
ภายในตกแต่งด้วยอะลูมิเนียมลาย Hexagon พร้อมแถบสีดำเงา | ไฟเรืองแสงล้อมรอบห้องโดยสารแบบ 12 สี (Ambient Lighting) |
พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันหุ้มหนังแท้ดีไซน์ M | ที่วางแขนสำหรับเบาะนั่งด้านหลัง |
ระบบควบคุมความเร็วคงที่ พร้อมฟังก์ชันช่วยลดความเร็ว | พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน |
ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ | ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ (Push Start) |
ชุดไฟส่องสว่างภายในและนอกห้องโดยสาร | วิทยุ- ซีดี MB Audio 20 พร้อมจอแสดงผลขนาด 8 นิ้ว |
พนักวางแขนระหว่างเบาะนั่งตอนหน้าแบบปรับเลื่อนได้ | ระบบสำหรับเชื่อมต่อโทรศัพท์เคลื่อนที่ (Bluetooth) |
กระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติ | ระบบรองรับการใช้งานระบบนำทาง (Pre – installation SD – Card Navigation) |
พนักพิงเบาะหลังแบ่งพับแบบ 60:40 | ฟังก์ชันเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือระบบปฏิบัติการ iOS (Apple CarPlayTM) |
จอภาพขนาด 6.5″ | MB Apps |
ปุ่มควบคุม iDrive | ไฟส่องสว่างภายในห้องโดยสาร |
วิทยุ BMW รุ่น Professional | ที่วางแก้วน้ำบริเวณคอนโซลกลาง |
แอปพลิเคชันสำาหรับสมาร์ทโฟน | กล่องเก็บสัมภาระติดตั้งใต้เบาะนั่งคู่หน้า |
เครื่องเล่น CD | กาบบันไดเรืองแสง พร้อมสัญลักษณ์ “Mercedes-Benz” |
ระบบเสียงไฮไฟ | |
ช่องเชื่อมต่อ AUX-In | |
การเชื่อมต่อโทรศัพท์ผ่าน Bluetooth และช่อง USB | |
ปุ่มเรียกใช้ฟังก์ชันที่ชื่นชอบ |
สำหรับในส่วนของ “อุปกรณ์มาตรฐาน” ทั้งภายนอก และภายในนั้น เราหยิบเอารายละเอียดตาม List ในข้อมูลรายละเอียดด้านเทคนิคมารวมไว้ให้ “ดู” กันง่ายๆ … และถ้าจะถามเราว่าระหว่าง 2 รุ่นนี้ รุ่นไหน “คุ้ม” สุด เราขอบอกเลยว่า “ตอบยาก” เพราะแต่ละรุ่น จากแต่ละแบรนด์ ก็ถือกำเนิดจากการวิจัย และพัฒนา เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าเหมือนๆ กัน
และนั่นคือสิ่งที่ทำให้ “ออพชั่น” ต่างๆ ถูกติดตั้งมาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ในขณะที่เราเองก็คงไม่สามารถตอบอะไรได้มาก นอกจากยกให้เป็นหน้าที่ของ “ผู้จ่ายเงินซื้อ” ดีกว่า ว่าหลังจาก “ไล่ดูตามรายนาม” ข้างบนแล้ว รุ่นไหนให้ “ออพชั่น” ได้ตอบโจทย์การใช้งานมากกว่ากัน
เครื่องยนต์ และระบบส่งกำลัง
118i M Sport | CLA 200 Urban | |
เครื่องยนต์ | เบนซิน 3 สูบ BMW TwinPower Turbo | เบนซิน 4 สูบ เทอร์โบ อินเตอร์คูลเลอร์ |
ความจุกระบอกสูบ (ซีซี) | 1,499 | 1,595 |
กำลังสูงสุด (แรงม้า / รอบต่อนาที) | 136 / 4,400 | 156 / 5,300 |
แรงบิดสูงสุด (นิวตันเมตร/รอบต่อนาที) | 220 / 1,250-4,300 | 250 / 1,250 – 4,000 |
ระบบพวงมาลัย | เพาเวอร์ไฟฟ้า แบบ Servotronic | เพาเวอร์ไฟฟ้า |
ระบบส่งกำลัง | อัตโนมัติ 8 สปีด แบบ Steptronic พร้อมฟังก์ชั่นการขับขี่ Driving Experience Control | อัตโนมัติ 7 สปีด 7G-DCT พร้อมระบบ Gearshift Paddles |
ระบบขับเคลื่อน | Rear Wheel Drive | Front Wheel Drive |
ระบบช่วงล่าง (หน้า / หลัง) | อิสระ แม็กเฟอร์สันสตรัท แบบ M Sport / อิสระ มัลติลิงก์ แบบ M Sport | อิสระ แม็กเฟอร์สันสตรัท / อิสระ มัลติลิงก์ |
ระบบเบรก | ดิสก์เบรก 4 ล้อ | ดิสก์เบรก 4 ล้อ |
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. (วินาที) | 8.7 | 7.9 |
ความเร็วสูงสุด (กม./ชม.) | 210 | 230 |
จากตารางด้านบน “จุดต่าง” หลักๆ เลย คือ เรื่องของเครื่องยนต์ระหว่าง 3 สูบเทอร์โบ พิกัด 1.5 ลิตร และ 4 สูบเทอร์โบ พิกัด 1.6 ลิตร ซึ่งส่งผลให้เกิดความต่างของ “แรงม้า และแรงบิด” ที่ดูเหมือน CLA 200 Urban จะมี “ภาษี” เหนือกว่า โดยเฉพาะ “แรงบิด” ที่มากกว่าในรอบเครื่องยนต์เริ่มต้นเท่ากัน ซึ่งส่งผลให้มีความ “กระฉับ กระเฉง” กว่า ด้วยอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ที่ต่ำกว่า 8 วินาที
ส่วน 118i M Sport ที่ดูจาก “ตัวเลข” อาจะ “ด้อย” กว่า แต่ก็เพียงเล็กน้อย จนอาจไม่เห็นความต่างที่ชัดเจนนักหากขับขี่ในชีวิตประจำวัน แต่ในขณะเดียวกันโหมดการขับขี่ Driving Experience Control ที่มีให้เลือกปรับการทำงานเครื่องยนต์ถึง 3 โหมด คือ ECO Pro, Comfort และ Sport ก็เป็นอีกจุดที่ตอบโจทย์ได้กว้าง สำหรับการใช้งาน ซึ่งกับผู้ที่รักความสปอร์ตดูแล้วน่าจะเหมาะ เพราะไม่เพียงแค่โหมดการขับขี่เท่านั้น แต่ยังมีช่วงล่างแบบ M Sport ติดตั้งมาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐานอีกด้วย
และด้วย “บุคคลิก” ของทั้ง 2 รุ่นที่มีความ “แตกต่าง” กัน ด้วย “อารมณ์” ของการขับขี่ที่ดีไซน์ออกมาตามแนวทางอันเป็นเอกลักษณ์ของยนตรกรรมจากแต่ละค่าย ทำให้เราสามารถตอบได้อย่างชัดเจนว่ารุ่นไหน “น่าประทับใจ” กว่ากัน เพราะฉะนั้นการ “ทดลองขับ” คือ ทางเดียวจะบอกได้ว่า “ตรงใจ” คุณหรือไม่
ระบบความปลอดภัย
118i M Sport | CLA 200 Urban |
ถุงลมนิรภัยสำหรับคนขับ และผู้โดยสารตอนหน้า | ถุงลมนิรภัยด้านหน้า 2 ตำแหน่ง สำหรับผู้ขับขี่ และผู้โดยสาร |
ถุงลมนิรภัยด้านข้างสำหรับคนขับ และผู้โดยสารตอนหน้า | ถุงลมนิรภัยด้านข้าง 2 ตำแหน่ง สำหรับผู้ขับขี่ และผู้โดยสาร |
ถุงลมนิรภัยศีรษะสำหรับผู้โดยสารตอนหน้า และหลัง (ยกเว้นผู้โดยสารตอนหลังกลาง) | ม่านถุงลมนิรภัยด้านข้าง ป้องกันศีรษะ 4 ตำแหน่ง สำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร |
ระบบควบคุมเสถียรภาพการขับขี่ (DSC) | เข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุด 5 ที่นั่ง |
ระบบควบคุมการยึดเกาะถนน (DTC) | กล้องแสดงภาพด้านหลัง ขณะถอยรถ |
ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรก (ABS) | โปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ ESP |
ระบบควบคุมแรงดันเบรกแบบแปรผัน (DBC) | ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี ASR |
ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS | |
ระบบเบรก Adaptive Brake พร้อมฟังก์ชัน Hold และ Hill – Start Assist | |
ไฟเบรกกะพริบฉุกเฉิน (Adaptive Brake Light) | |
ระบบรักษาระดับความเร็ว (Cruise Control) และจำกัดความเร็ว (Speedtronic) | |
ระบบเตือนเพื่อนำรถเข้าศูนย์บริการ (Assyst Service Interval Indicator) | |
ระบบเตือนแรงดันลมยาง (Tyre Pressure Loss Warning System) | |
ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (Attention Assist) | |
ระบบช่วยเบรกแบบแอคทีฟ (Active Brake Assist) |
ปิดท้ายด้วยเรื่องของระบบความปลอดภัยที่ดูตามลิสต์แล้ว “คงไม่ต้องกล่าวอะไรมาก” เพราะค่ายดาวสามแฉกเค้าจัดมาให้ “เต็ม” จริงๆ จากข้อมูลรายละเอียดด้านเทคนิคที่เค้าใส่มาให้ดู ส่วนค่ายใบพัดฟ้า-ขาว ที่ดูเหมือรายนามด้านระบบความปลอดภัย “น้อย” กว่า แต่ก็ไม่อาจกล่าวได้ว่า “ประสิทธิภาพ” จะด้อยกว่าได้เช่นกัน
เพราะฉะนั้นบทสรุปของการ “เปรียบมวย” ระหว่าง BMW และ Mercedes-Benz ในรุ่น Entry Level ที่มี “ราคาต่ำ” สุดในสารบบ จนหลายคนอยากจบจาก “มหาลัยญี่ปุ่น” สู่ “อนุบาลยุโรป” ครั้งนี้คงต้องให้ “ผู้ควักเงินจ่าย” เป็นคนตัดสินใจจากรายละเอียด Specifications ของทั้ง 2 รุ่นที่เราหยิบยกมา “เทียบ” ให้ดูกันครับ