รีวิว : PROTON Exora High Line ( โปรตอน เอ็กซ์โซร่า )

ถ้าเราจะหาซื้อในรถรูปแบบอเนกประสงค์ MPV 7 ที่นั่งพร้อมออฟชั่นครบครัน ที่ราคาไม่เกินหนึ่งล้านบาทในท้องตลาดก็คงหายากอยู่ เท่าที่ผมเห็นโดดเด่นออกมาก็น่าจะเป็น PROTON Exora ( โปรตอน เอ็กซ์โซร่า ) ที่เปิดราคามาโดนใจใครหลายคน แต่สมรรถนะจะออกมายอดเยี่ยมหรือเปล่าต้องมาพิสูจน์ไปพร้อมกันครับ

 

 

โดดเด่นไม่ต่างจากรถราคาเรือนล้าน

ที่จริงเราก็ได้ทดสอบรถยนต์จากค่าย PROTON ไปทุกรุ่นแล้ว จะเหลือก็แต่เจ้า Exora นี่แหละ ฉนั้นก็อย่าให้ค้างคาใจจัดการยกหูโทรศัพท์ไปขออนุญาติยืมมาทั้งทดสอบกันเลย ดีกว่า แล้วก็เป็นโชคดีของ iAMCAR VARIETY E-MAGAZINE ที่มีรถทดสอบว่างอยู่พอดี เราก็จัดการนำมาทดสอบซะเลย

ด้วยคอนเซ็ปท์ที่ชูขึ้นมาของตัว Exora คือ “คุณจะทึ่ง” เรามาค่อยๆ มาดูกันไปทีละส่วนดีกว่าว่าจะทำให้เราทึ่งได้หรือเปล่า เริ่มด้วยรูปลักษณ์ภายนอกก่อน ถ้ามองโดยรวมผมถือว่าดูดี หรูหรา แต่ที่นอกเหนือจากนั้น ยังใส่ใจในหลัก Aerodynamics ลดค่า cd. ต่ำเพียง 0.33 หรือเอาง่ายๆ คือสามารถลดแรงปะทะของลมได้ดี เพราะรถยนต์ในรูปแบบของ MPV มักจะมีส่วนที่ต้านลมค่อนข้างมาก ยิ่งมีลมต้านน้อยเท่าไรจะทำให้ตัวรถไปข้างหน้าได้เร็วขึ้น ประหยัดน้ำมันมากขึ้นด้วย ถ้ามองโดยรวมอุปกรณ์ที่ให้มาก็ครบไม่ว่าจะเป็นไฟตัดหมอกคู่หน้า กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวแบบ LED ด้านท้ายก็มีสัญญาณเตือนกะระยะท้าย ช่วยเตือนเวลาเราถ้อยหลัง แถมไฟท้ายยังมีไฟฉุกเฉินอัตโนมัติกรณีถ้าไปเบรกกะทันหันที่ความเร็วเกิน 96 กม./ชม. ไฟก็จะติดขึ้นมาเองเพื่อเตือนให้คันหลังระวังเรา

 

ภายในอำนวยความสะดวกมากกว่าที่คิด

ความโดดเด่นของรถในสไตล์ MPV ลูกค้าจะซื้อหรือไม่ จุดของภายในมีส่วนในการตัดสินใจ 65 เปอร์เซ็นต์เชียวแหละ ฉนั้นเรามาดูองค์ประกอบทั้งหมดของภายในดีกว่า มาเปิดประตูเข้าไปดูพร้อมๆ กันครับ ผมจะไล่จากที่คอนโซลหน้าก่อนพูดถึงการออกแบบก็ลงตัวดีครับ ผมไล่จากฝั่งคนนั่งมีช่องเก็บของ 2 ช่องใหญ่ แต่ที่ผมมองว่าเป็นอุปกรณ์ที่ใส่ใจคนไทยมากๆ เป็นตัวแขวนถุงที่อยู่ข้างช่องเก็บของล่าง สามารถเก็บได้ไม่เกะกะ และด้านบนสุดเป็นที่อยู่ของ Airbag

 

คอนโซลกลาง

ขยับมาที่คอนโซลกลางผมไล่จากบนสุดเป็นนาฬิกาแบบดิจิตอล แล้วก็ช่องแอร์ ไฮไลท์ของกลางคอนโซลเป็นเครื่องเสียง CLARION แบบ Single CD / MP3 / WMA พร้อม Bluetooth เชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือ ลงมาเป็นปุ่มเปิดไฟตัดหมอก เปิดไฟฉุกเฉิน และไล่ฝ้าหลัง ต่อมาเป็นระบบเปิด-ปิดระบบปรับอากาศของช่วงด้านหน้า สุดท้ายเป็นตำแหน่งของด้ามเกียร์ที่ใช้สไตล์แบบขั้นบันได เพื่อความหรูหรา

 

พวงมาลัย

มาต่อกันที่พวงมาลัยเป็นแบบสามก้าน พร้อม Airbag ด้านซ้ายมีฟังค์ชั่นควบคุมระบบโทรศัพท์ ด้านขวาเป็นฟังค์ชั่นควบคุมเครื่องเสียง หลังพวงมาลัยนอกจากจะมีก้านเปิดไฟและที่ปัดน้ำฝนตามปกติแล้ว ยังมีก้านควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control System) ส่วนที่เรือนไมล์เป็นมาตราวัดแบบเรืองแสง คราวนี้มาดูส่วนเบาะนั่งบ้างมีให้ทั้งหมด 7 ที่นั่ง แถวที่ 2 และ 3 สามารถปรับการใช้ง่ายได้หลากหลายรูปแบบมาก และที่สำคัญมีระบบปรับอากาศให้แถวที่ 2-3 ด้วย โดยมีปุ่มเปิดอยู่ที่บนเพดาน พร้อมด้วยเครื่องเล่น DVD พร้อมจอ LED ขนาด 8.5 นิ้ว พร้อม SD/MMC Slot และ USB port

มาลองสัมผัสถึงอุปกรณ์ต่างๆ ดีกว่าพวงมาลัย กับทัศนวิสัยการขับขี่อันนี้ดีครับ เบาะนั่งของคนขับกว้างนั่งสบาย แต่เวลาขับมันจะลื่นไปนิด ขับนานๆ ก็เมื่อยอยู่เหมือนกัน  อุปกรณ์ต่างๆ อยู่ในตำแหน่งใช้งานง่าย โดยรวมดีครับ

 

1.6 ลิตร CAMPRO พอกับการเดินทางหรือเปล่า

คงได้เวลาสตาร์ทเครื่องออกเดินทางทดสอบดีกว่า เครื่องยนต์ที่อยู่ใน PROTON Exora เป็นบล็อคเดียวกับที่อยู่ในรุ่นอื่นๆ ของ PROTON พิกัด 1.6 ลิตร คือ CamPro 4 สูบ DOCH 16 วาล์ว พร้อมระบบวาล์วแปรผัน CPS และท่อไอดีแปรผัน VIM กับแรงม้าสูงสุด 125 แรงม้า ผมใช้เส้นทางการทดสอบกรุงเทพฯ-พัทยา เรื่องอัตราเร่งถ้าดูจากน้ำหนักตัวรถ 1,442 กก.มาหารกับแรงม้า 125 แรงม้า มันก็ดูน้อยไปหน่อยสำหรับแรงม้า แต่อัตราเร่งก็พอสำหรับการเดินทาง วิ่งความเร็วคงที่สัก 100-120 กม./ชม. ก็ยังใช้ได้อยู่ กดคันเร่งเพื่อหา Top Speed ก็สามารถทำได้ที่ 160 กม./ชม. แต่อาจจะไม่ได้ขึ้นได้รวดเร็วมากมายนัก มันเป็นรถที่เหมาะแก่การเดินทางแบบสบาย…สบายมากกว่า ระบบส่งกำลังแบบอัตโนมัติแบบ 4 สปีดถือว่าทำงานได้ดีราบเรียบดีครับ

 

PROTON เด่นที่ช่วงล่าง LOTUS

ระบบช่วงล่างเวลาเดินทางถือได้ว่านิ่มนวล ขับสบายๆ การตอบสนองของพวงมาลัยทำได้ชับไว้ เปลี่ยนเลนก็คล่องตัวใช้ได้ แม้ความเร็วทางตรง 160 กม./ชม. ก็ยังนิ่งครับ แต่ในทางโค้งต่างๆ มันเป็นปัญหาของรถรูปแบบนี้เกือบทุกยี่ห้อ มักจะเข้าโค้งไม่ค่อยดี แม้ PROTON จะโดดเด่นในเรื่องของช่วงล่างเกือบทุกรุ่นที่ผมทดสอบมา แต่ Exora ด้วยความสูงของรถที่มีมาก ทำให้เวลาเข้าโค้งมีอาการอยู่บ้างครับ แต่ก็ไม่ได้น่ากลัวอะไรมากนัก ถ้าใช้ความเร็วปกติของการเดินทาง ตามถนนหลวงทั่วไปก็เดินทางแบบสบายๆ ครับ

 

 

ราคา 819,000 บาท ในรุ่น Top สุดที่เรานำมาทดสอบ มาพร้อมอุปกรณ์ที่ครบครัน ในสไตล์รถอเนกประสงค์ MPV 7 ที่นั่ง กับรูปลักษณ์ที่หรูหราไม่น้อย ทั้งหมดนี้ก็ “น่าทึ่ง” อยู่เหมือนกันครับ ลองพิสูจน์ด้วยตัวเองทุกโชว์รูมของ PROTON ครับ