รีวิว : All-New Haval Jolion … Hybrid SUV ที่พูดสั้นๆ ได้คำเดียวว่า “ดีงาม”
จากที่ได้ “ลองขับ” All-New Haval Jolion ตอนยังไม่เปิดตัวเป็นทางการ … เรื่องเดียวที่คาใจคงหนีไม่พ้นเรื่อง “ราคา” … แต่เมื่อประกาศค่าตัวออกมาเป็นทางการ ความรู้สึก “ลึกๆ” มันบอกเลยว่า GWM Thailand “สนุกแน่” กับการ “นับ” ยอดจอง
ต้องยอมรับว่า GWM Thailand สร้างกระแสแรงส่งท้ายปลายปี 2021 ได้อย่างสวยงามเลยทีเดียว จากการส่ง All-New Haval Jolion เข้ามาเป็นอีกหนึ่งผู้เล่นหน้าใหม่ ซึ่งตอกย้ำคำว่า “คุ้มค่า” ให้เห็นอย่างเด่นชัด ตั้งแต่ตัว Product ที่มาพร้อมกับบรรดา “Option” มากมาย เพื่อประกอบกันเป็นคุณสมบัติเฉพาะตัวอัน “เหนือชั้น”
มากกว่าสิ่งใดเลยก็คือ “ราคา” ที่ต่อให้คว้า “ตัวท็อป” มาใช้ ก็จ่ายไม่เกิน “ล้าน” เพราะ Haval Jolion ซึ่งมากับฐานะของยนตรกรรมอเนกประสงค์ Hybrid SUV เปิดทำตลาดในเมืองไทย โดยแบ่งออกเป็น 3 รุ่นย่อยหลักๆ เริ่มจาก 879,000 บาท ในรุ่น Tech ตามด้วย 939,000 บาท ในรุ่น Pro และรุ่นสูงสุด 999,000 บาท ในรุ่น Ultra ที่มีจุดเด่นคือความ “ครบครัน” ไล่เรียงมาตั้งแต่มิติตัวถังขนาดกระชับ ที่ประกอบด้วยความยาว 4,472 มม. ความกว้าง 1,841 มม. และความสูง 1,619 มม. วางบนแพลตฟอร์มประสิทธิภาพสูง GWM Lemon Platform ซึ่งมีการกำหนดความยาวฐานล้อเอาไว้ 2,700 มม. พร้อมแทรคล้อหน้า-หลังที่ 1,577 มม. และ 1,597 มม.
งานดีไซน์มีความโดดเด่น สะดุดตา ด้วยการผสมผสานความหรูหรา และความโฉบเฉี่ยว เช่น ชุดกระจังหน้า Star Matrix โทนสีดำ-เทา ประทับตราโลโก้ HAVAL ประกบชุดไฟหน้า LED เสริม Daytime Running Light ในรูปทรงสุดล้ำสมัย แถมด้วยการติดตั้งระบบไฟ Welcome Light และไฟส่องสว่างหลังดับเครื่องยนต์ Follow Me Home มาให้ ส่วนด้านหลังมากับชุดไฟท้าย พร้อมไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED และไฟตัดหมอกหลัง ทั้งยังเน้นย้ำความสปอร์ตด้วย ชุดหลังคาซันรูฟแบบ Panoramic พร้อมเสาอากาศแบบ Shark Fin และสปอยเลอร์หลังคา ต่อเนื่องไปจนถึง Diffuser ชุดกันชนท้าย และล้ออัลลอยด์ขนาด 18 นิ้ว
ภายในก็เป็นอะไรที่ “เกินความคาดหมาย” ทั้งจากขนาดห้องโดยสารที่กว้างขวาง รวมถึงแนวทางงานดีไซน์ที่เน้นความเรียบหรู เรียบง่าย ช่วยสร้างอารมณ์ความเพลิดเพลินได้ดี แถมยังมีความโดดเด่นในเรื่องของการจัดวางฟังค์ชั่นต่างๆ เช่น หน้าจอแสดงผลแบบ Touch Screen Audio Display ความละเอียดสูง ขนาด12.3 นิ้วบนคอนโซลหน้า ตามด้วยหน้าจอแสดงผล Multi Information Display ความละเอียดสูงขนาด 7 นิ้ว บริเวณหลังพวงมาลัย ที่มาพร้อมหน้าจอ Head-up Display บนกระจกบังลมหน้า เสริมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกสบายสุดล้ำ ทั้งจากระบบปรับอากาศอัตโนมัติแยกอิสระซ้าย-ขวา พร้อมระบบกรองอากาศ PM 2.5, Wireless Charger
ไปจนถึงไฮไลต์ที่สะดุดตาในส่วนของ ชุดเกียร์ไฟฟ้า Electronic Shifter โทนสีพิเศษ ที่ลงตัวกับแนวทางการตกแต่ง โดยทั้งหมดล้วนเป็นอะไรที่ช่วยสร้างภาพรวมให้ดูแล้ว “น่าสนใจ” ในแบบที่คุณไม่เคยเห็นจากยนตรกรรมแบรนด์ใดมาก่อน ยิ่งไปกว่านั้นก็คือบรรดา “เทคโนโลยีอัจฉริยะ” ล้ำๆ อีกเพียบ ที่ติดตั้งมาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ซึ่งเราแนะนำว่าให้คุณลองไปเปิดแคตตาล็อคสำรวจดูดีกว่า รับรองว่าต้อง “ยืมนิ้ว” เพื่อนมาช่วยนับแน่นอน
ขุมพลังของ “สิงโต อารมณ์ดี” Jolion มากับเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 ลิตร บวกมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า พร้อมแรงบิดระดับ 375 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ DHT โดยมีฟังค์ชั่นปรับเปลี่ยนโหมดขับขี่ให้เลือก 4 รูปแบบ คือ มาตรฐาน, Sport, ECO และสภาพถนนลื่น มาพร้อมเทคโนโลยีคันเร่งอัจฉริยะ (Intelligent Single Pedal) ช่วยเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน ด้วยความสามารถในการเร่ง หรือชะลอความเร็ว ได้จากคันเร่งเพียงอย่างเดียว ส่วนระบบช่วงล่างก็มากับด้านหน้าแบบอิสระแมคเฟอร์สันสตรัท (MacPherson Strut) พร้อมเหล็กกันโคลง และด้านหลังแบบทอร์ชันบีม (Torsion Beam) พร้อมเหล็กกันโคลง
ท้ายที่สุดประกอบเป็นภาพรวมที่ตอบโจทย์แบบครอบคลุม ตั้งแต่การใช้งานในเมืองที่สะดวกสบายด้วยความคล่องตัวในการขับขี่ ผ่านความเฉียบคมของพวงมาลัย และการตอบสนองที่ฉับไวของพละกำลัง ขณะที่ช่วงล่างก็ให้สมดุลย์ในส่วนผสมที่มีทั้งอารมณ์ความสปอร์ต และความนุ่มนวล แถมด้วยความมั่นใจจากเทคโนโลยีอัจฉริยะมากมาย ที่ช่วยให้การใช้ชีวิตประจำวันเป็นเรื่องง่ายกว่าที่เคยผ่านมา
แล้วก็ไม่ใช่เพียงแค่การใช้งานในเมืองเท่านั้น ที่น่าประทับใจ หากแต่การเดินทางไกล ก็เป็นอีกหนึ่งบุคลิกที่ยอดเยี่ยม ด้วยความ “สบาย” ภายใต้เสถียรภาพที่มีให้สัมผัสจากทุกช่วงเวลาการเดินทาง ซึ่งจะให้ดีระดับ 120-140 กม./ชม. ดูจะเป็นตัวเลขที่เหมาะสมสุด เนื่องจาก Jolion นั้นมีความสูงสุดจำกัดเอาไว้ที่ไม่เกิน 160 กม./ชม. ด้วยเหตุผลเพราะนั่น คือ ย่านความเร็วที่ระบบต่างๆ ในรถจะทำงานได้อย่าง “สมบูรณ์แบบที่สุด”
โดยสิ่งที่น่าประทับใจที่สุด คงเป็นในเรื่องของอัตราสิ้นเปลือง ซึ่งเค้าเคลมเอาไว้ถึงราวๆ 23.8 กม./ลิตร แต่เอาจริงๆ ถ้าใช้งานกันปกติแล้วได้ ตัวเลขซัก 20 กม./ลิตร ก็น่าจะเป็นอะไรที่ดีงามมากพอ ยิ่งเฉพาะเมื่อเอาทุกอย่าง ทั้งหมดของ Haval Jolion มารวมกัน ทั้งคุณสมบัติที่ดีเยี่ยมของการขับขี่ ผสมด้วยออพชั่นแน่นๆ ของรุ่นท็อปสุด ในค่าตัว “ไม่ถึงล้าน” แล้วล่ะก็ เชื่อเถอะครับว่าหลายคนจะมองเห็นภาพคำว่า “คุ้มค่า” ชัดเจนขึ้นมาอีกเยอะเลยทีเดียว
ราคารถใหม่
Haval Jolion รุ่น Tech ราคา 879,000 บาท
Haval Jolion รุ่น Pro ราคา 939,000 บาท
Haval Jolion รุ่น Ultra ราคา 999,000 บาท