รีวิว : All New Toyota Veloz … “คุ้มสุดๆ” จนชั่วโมงนี้ ต้อง “ยกให้” (มี Clip)
“Better Together ใช้ชีวิตไปด้วยกัน” คือ คอนเซ็ปต์ของยนตรกรรมอเนกประสงค์ 3 แถว 7 ที่นั่ง รุ่นล่าสุดจาก โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย ที่นำเสนอความคุ้มค่าเพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคกลุ่มรถครอบครัว ซึ่งมากด้วยความต้องการหลากหลายด้าน โดย All New Toyota Veloz เองก็มั่นใจว่าทำได้ ผ่านจุดเด่น 4 ประเด็นหลัก คือ
“ดีไซน์ล้ำสมัย” แบบ Premium Crossover ด้วยแนวคิดการออกแบบ “Proud Active”, “ระบบมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุด” ด้วย Toyota Safety Sense, “พื้นที่ภายในกว้างขวาง” สะดวกสบายกับรูปแบบปรับเบาะที่นั่งโดยสารถึง 7 สไตล์ และสุดท้าย “การขับขี่ที่เปี่ยมด้วยสมรรถนะ” รอบด้าน ซึ่งทั้งหมดเราจะมาพิสูจน์กันด้วยทริป 2 วัน 1 คืนในครั้งนี้บนเส้นทาง กทม. – หัวหิน – กทม.
สำหรับรายละเอียดตัวรถทั้งงานดีไซน์ และออพชั่นอะไรต่างๆ เราคิดว่าคงไม่ต้องเกริ่นอะไรกันมากมาย เนื่องจากหลายช่องทางได้มีการนำเสนอไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ฉะนั้นเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เราเลยขอหยิบประเด็นที่น่าสนใจ และประทับใจในการเดินทางมานำเสนอเป็นหลักดีกว่า
เริ่มจากระบบความปลอดภัยมาตรฐานในชื่อ Toyota Safety Sense ที่ส่งให้ All New Toyota Veloz มีความเหนือชั้นกว่าคู่แข่งอย่างเห็นได้ชัด ไล่มาตั้งแต่เริ่มออกเดินทางที่มีเซอร์ไพรส์เป็น ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน พร้อมพวงมาลัยดึงกลับอัตโนมัติ (Lane Departure Alert (LDA) With Steering Assist) กล่าวคือ หากใช้ความเร็วมากกว่า 40 กม./ชม. ขึ้นไป และไม่ได้เปิดไฟเลี้ยวขณะเปลี่ยนเลน ระบบจะตีความว่าผู้ขับขี่ไม่ตั้งใจ ฉะนั้นระบบจะส่งเสียงเตือน ตลอดจนเริ่มดึงพวงมาลัยกลับเข้าสู่เลนเดิมโดยอัตโนมัติ แถมความหนักหน่วงของการ “ดึง” พวงมาลัยกลับ ยังแปรผันความเหมาะสมให้เข้ากับความเร็วที่ใช้ เพื่อป้องกันผู้ขับขี่ “ตกใจ” ด้วย
อีกหนึ่งระบบที่ได้ลองในช่วงรถติดๆ รวมถึงในสถานีทดสอบที่จำลองไว้ ก็คือ ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนตัว (Front Departure Alert) โดยการทำงานก็คือ ขณะที่เราอยู่ในเกียร์ D ท่ามกลางสภาพการจราจรติดขัด จอดนิ่ง จนลืมตัว แม้รถคันหน้าขยับไปแล้ว แต่เรายังนิ่งอยู่ ซักราวๆ 10 วินาที หากยังไม่เคลื่อนไหว ระบบก็จะส่งเสียงเตือนโดยอัตโนมัติเช่นกัน
นอกจากนี้ระหว่างทางเราก็ยังมีโอกาสได้ลอง ระบบช่วยเตือนขณะถอยรถ RCTA (Rear Cross Traffic Alert), ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง (Blind Spot Monitor) จะกระทั่งมาถึงจุดที่เป็นสถานีทดสอบ เพื่อลองอีก 2 ระบบไฮไลต์ นั่นคือ กล้องมองรอบคัน (Panoramic View Monitor) และระบบป้องกันการเหยียบคันเร่งแบบผิดวิธี (Pedal Misoperation Control) ที่ให้เรากดคันเร่งแบบจมพื้น พุ่งใส่กำแพงจำลอง โดยเมื่อตัวรถตรวจสอบเห็นว่าด้านหน้ามีสิ่งกีดขวาง ขณะที่คันเร่งถูกกดเต็มแบบ 100% เพราะฉะนั้นระบบจึงรับรู้ได้ว่ามีอะไรบางอย่าง “ผิดพลาด” และทำให้ระบบสั่งเบรกหยุดอัตโนมัติ เพื่อเตือนสติผู้ขับขี่นั่นเอง
ส่วนใครที่ตั้งคำถามเรื่อง “สมรรถนะ” ถึงตรงนี้ต้องบอกเลยว่าอยู่ในระดับ “สมตัว” เพราะเนื่องจากสถานะของการเป็นรถอเนกประสงค์ จึงต้องมีประสิทธิภาพโดยรวมที่ตอบสนองทั้งผู้ขับขี่ และผู้โดยสาร จนทำให้มาลงตัวกับเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 ลิตร Dual VVT-i ให้กำลังรวมอยู่ที่ 106 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 138 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ CVT ซึ่งมีโหมดการขับขี่ให้เลือกทั้ง Normal, Eco และ Power
ที่สำคัญยังสามารถเลือกเปิดใช้ทั้งโหมด Eco และ Power ได้พร้อมกันอีกด้วย โดยการตอบสนองของตัวรถก็จะแปรผันไปตามพฤติกรรมการขับขี่อัตโนมัติ แบบไม่ต้องเปลี่ยนโหมดสลับไปมา ขณะพละกำลังหากดูตามตัวเลข แน่ล่ะมันอาจรู้สึกว่า “น้อย” ไปซักนิด แต่หลังจากที่ได้ลอง “ขึ้นเขา” ที่ชันระดับ 12-13 องศา แบบนั่งเต็มอัตรา 7 ตำแหน่ง บอกเลยว่า “สบาย” ฉะนั้นใช้งานปกติ ถือได้ว่าหายห่วง
ซึ่งที่กล่าวมาข้างต้น ได้ถูกติดตั้งอยู่บนความสมดุล และมั่นคงของแพลทฟอร์ม ที่มาพร้อมระบบพวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้า EPS (Electric Power Steering) และระบบช่วงล่างใหม่ ด้านหน้าแมคเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง และด้านหลังแบบทอร์ชั่นบีม คอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง จับคู่กับล้ออัลลอยด์ขนาด 17 นิ้ว และดิสก์เบรกหน้า/หลัง
โดยผลลัพธ์ที่ได้ก็คือบุคลิกการขับขี่ที่มีความ “เป็นกลาง” เพื่อให้เข้าถึงได้ง่าย ไม่ว่าใครจะต้องการเป็นผู้ขับขี่ก็ตาม ส่วนเรื่องอารมณ์ความสปอร์ต คงต้องบอกว่าเป็นสิ่งที่อย่าคาดหวังมากมายนัก เนื่องจากนิสัยของเครื่องยนต์บล็อคเล็ก ที่อยู่กับรถอเนกประสงค์ 7 ที่นั่ง ทำให้บุคลิกส่วนใหญ่ของ All New Toyota Veloz เอนเอียงไปในความเป็น “รถเดินทาง” ที่ขับสบาย ให้ความเพลิดทั้งผู้ขับขี่ และผู้โดยสาร
ที่สำคัญ คือ เน้นความประหยัด ด้วยอัตราสิ้นเปลืองซึ่งโรงงานเคลมไว้ถึง 17.9 กม./ลิตร ซึ่งหลังจากที่ได้ขับขี่จริงๆ ในสไตล์ตามใจฉัน ปรากฏว่าเกือบ 15 กม./ลิตร ก็เป็นตัวเลขที่น่าจะทำให้หลายคนยิ้มได้ ไม่น้อย แล้วก็คงยิ้มได้มากขึ้น เมื่อได้ลองเอาออพชั่นต่างๆ ทั้งหมดมารวมกัน แล้ว “หาร” ด้วย “ราคา” ที่แม้ว่ารุ่นท็อปสุดอย่าง Premium ค่าตัว 875,000 บาท อาจสูงว่าเพื่อนร่วมเซ็กเมนท์ไปหน่อยก็ตาม
ราคารถใหม่
All New Toyota Veloz รุ่น Premium ราคา 875,000 บาท
All New Toyota Veloz รุ่น Smart ราคา 795,000 บาท
[embedyt] https://www.youtube.com/watch?v=ZV0Wsizeg60[/embedyt]