รีวิว : Audi TT Roadster 45 TFSI Quattro S Line … หล่อ เร้าใจ กับ Roadster หนึ่งเดียวในรุ่น (มี Clip)
Audi TT Roadster 45 TFSI Quattro S Line คือ ยนตรกรรมสปอร์ต “เปิดประทุน” เพียงหนึ่งเดียวอนุกรม ซึ่งทำตลาดในประเทศไทยโดย Audi Thailand … ที่บอกได้เลยว่าแม้ “ความแรง” จะยังไม่สะใจเต็มข้อ แต่เรื่อง “ความหล่อ” เอาใจไปเลย 100 เปอร์เซ็นต์
Audi TT Roadster 45 TFSI Quattro S Line โดนใจสไตล์ “เปิดประทุน”
มิติตัวถังความยาว 4,191 มม. พร้อมความกว้าง 1,832 มม. และความสูง 1,355 มม. บนความยาวฐานล้อ 2,505 มม. เพื่อสร้างระยะโอเวอร์แฮงค์ทั้งด้านหน้า และด้านหลังที่สั้นกระชับ ซึ่งมาพร้อมการสร้างความมั่นคงจากระยะกว้างระหว่างล้อคู่หน้า 1,572 มม. และล้อคู่หลังที่ 1,552 มม. คือ สิ่งที่สร้างความ “สมดุล” และโดดเด่นให้กับสายพันธ์ Audi TT อย่างเห็นได้ชัด เพื่อแสดงถึงฐานะของยนตรกรรมสปอร์ตโดยกำเนิด แถมยังมาพร้อมกับชุดแต่งแพคเกจ S Line เป็นอุปกรณ์มาตรฐานอีกด้วย
ขณะที่ออพชั่นต่างๆ ที่จัดมานั้น … บอกเลยว่าเราให้ความสำคัญน้อยกว่างานดีไซน์อันน่าหลงใหล ด้วยความเรียบง่าย และเฉียบคมด้วยเส้นสายเหลี่ยมสัน ว่ากันตั้งแต่ชุดกระจังหน้าทรง 6 เหลี่ยมอันเป็นเอกลักษณ์ และแสดงความสปอร์ตด้วยลวดลายรังผึ้ง ที่รวมไปถึงช่องดักอากาศด้านข้าง พร้อมการเก็บรายละเอียดด้วยโทนสีเทา ในส่วนของกรอบกระจัง ตลอดจนช่องดักอากาศด้านหน้า เสริมความเฉียบคมด้วยงานออกแบบชุดไฟหน้าที่เลือกใช้แบบ LED ลงตัวกับการใช้เส้นสายของ ชุดไฟ Daytime Running Lights ตลอดจนการวางตำแหน่งของชุดฝากระโปรงหน้าที่ลาดต่ำ เพื่อนำเสนอความพร้อมในการแหวกอากาศ จนเรากล้าพนันได้เลยว่าใครเห็น ก็ต้องหลง
ส่วนมุมมองด้านข้างจะเห็นถึงความเป็น Sport Roadster แบบเต็มอารมณ์ ได้จากลักษณะของตัวถังที่สั้นกระชับ รับกับระยะโอเวอร์แฮ็งค์ ทั้งด้านหน้า และด้านหลัง เสริมด้วยเส้นสายเฉียบคมของ Shoulder Line ลากยาวตั้งแต่มุมไฟหน้า จรดมุมไฟท้าย ไปจนถึงหลังคาผ้าใบแบบเปิดประทุนที่เราแนะนำให้ดูแลเป็นพิเศษซักนิด เนื่องจากคุณสมบัติของวัสดุที่ทำให้ “ฝุ่น” หรือ “เศษละออง” เล็กๆ เกาะติดได้ง่าย
ส่วนจุดที่รู้สึก “ขัดสายตา” ก็มีอยู่นิดเดียว ก็คือ ล้ออัลลอยด์ขนาด 17 นิ้วแบบ 5 ก้าน พร้อมยาง 225/50 R17 ที่ออกแบบมาในลักษณะ “ซื่อตรง” ไปนิด จนสะดุดอารมณ์ความรู้สึก “สปอร์ต” … เพราะงั้นการให้ล้อที่ลายมัน “ซิ่งๆ” กว่านี้ น่าจะช่วยให้รูปลักษณ์ด้านข้าง “ดูดี” ขึ้นไม่น้อย
สำหรับด้านหลังจะมากับอารมณ์คล้ายด้านหน้า แต่ดูเหมือนจะลดความสปอร์ตลงเล็กน้อย ด้วยเส้นสายแบบโค้งมนร่วมกับเส้นสายคมๆ ผสมด้วยรายละเอียดที่สร้างความสะดุดตา เช่น จุดเด่นของฝาถังน้ำมัน, สปอยเลอร์หลังที่ยกตัวอัตโนมัติก็ได้ หรือเราสั่งการเองก็ดี ไปจนถึงชุดกันชนท้าย ที่มาพร้อม Diffuser แบบครีบแนวตั้ง ประกบด้วยชุดท่อไอเสียทรงกลม และการติดตั้งกล้องมองหลังมาให้อย่างแนบเนียน
ด้านภายในห้องโดยสารก็คืออารมณ์ของ Roaster ฉะนั้นมันจึงมีความเล็กๆ กระชับๆ มีความกว้างขวางให้พอประมาณ ที่จะสามารถนั่งกับผู้ชายขนาดมาตรฐานได้อย่างไม่อึดอัด และมากับออพชั่นที่เพียงพอสำหรับการใช้งาน เช่น ชุดพวงมาลัยทรง D-Shape ฐานตัดที่มาพร้อมปุ่มควบคุมมัลติฟังค์ชั่นบนก้าน รับกับเบาะนั่งทรงสปอร์ต ซึ่งมาพร้อมกับคาน Rollover Protection บริเวณด้านหลังเบาะทั้ง 2 ตำแหน่ง
ขณะที่จอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ Virtual cockpit นั้นมากับขนาด 12.3 นิ้ว ที่สามารถแสดงผลแบบดิจิตอลได้ทั้งชุดมาตรวัด และระบบ Infotainment ต่างๆ ตลอดจนแสดงภาพจากกล้องมองหลัง เพื่อเปลี่ยนพื้นที่บนคอนโซลหน้าให้กลายชุดระบบปรับอากาศอัตโนมัติที่อยู่ในช่องแอร์ทรงกลมดูคลาสสิค
ไล่ลงมาจะเป็นชุดควบคุม เช่น ระบบควบคุมการขับขี่ Audi Drive Select, ระบบ Auto Start/Stop, ปุ่มไฟฉุกเฉิน, ปุ่มเปิด-ปิดสปอยเลอร์หลัง และปุ่มเปิด-ปิดการทำงานของ Parking Senser ต่อเนื่องมาที่คอนโซลเกียร์ ซึ่งนอกจากจะเป็นที่อยู่ของชุดเกียร์แล้ว ยังเป็นที่อยู่ของชุดควบคุมระบบ MMI รวมถึงปุ่ม Start/Stop Engine, ปุ่มเปิด-ปิดหลังคา, เบรกมือไฟฟ้า และระบบ Auto Hold อีกด้วย
ปิดท้ายด้วยด้านหลังสุดในเรื่องของห้องกับสัมภาระที่มากับขนาดเพียง 280 ลิตร เพราะงั้นสายรถสปอร์ตคงเข้าใจ ว่ามันคงไม่ได้สร้างมาให้เก็บของ ขนของ อะไรได้มากมาย โดยในความเห็นส่วนตัวของเรานั้น สั้นๆ ง่ายๆ ว่าสำหรับ 2 ชีวิต และไม่มากไปกว่า 2 คืน ยังน่าจะ “เอาอยู่” ส่วนถ้าจะไปกันมากกว่า 2 คืน เราแนะนำว่าควรคิด และจัดระเบียบสัมภาระให้ดีๆ เพราะบางทีมันอาจไม่มีพื้นที่สำหรับ “ของฝาก”
2 ลิตร เทอร์โบ … เน้นหล่อ มากกว่าเร้าใจ
เครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 2.0 ลิตร 4 สูบ TFSI พร้อมระบบฉีดจ่ายเชื้อเพลิงโดยตรงแบบไดเรคอินเจคชั่น และระบบอัดอากาศเทอร์โบชาร์จ ที่สร้างพละกำลังสูงสุดมาให้ใชที่ 230 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 370 นิวตันเมตร ส่งกำลังโดยชุดเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด S-Tronic ที่มาพร้อมแป้นเปลี่ยนเกียร์ Paddle Shift สู่ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Quattro ซึ่งทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ใน 5.6 วินาที และทำความเร็วสูงสุด 250 ที่กม./ชม. คือ ตัวเลขที่อาจจะไม่ได้สร้างความเร้าใจมากนัก แต่เชื่อเถอะว่ามันมี “ดี” เกินคาด
จากส่วนผสมที่ลงตัว ตั้งแต่การตอบสนองของเครื่องยนต์ ไปจนถึงระบบพวงมาลัย และระบบช่วงล่างแบบ Sports Tuning พร้อมออพชั่นเสริมจากระบบควบคุมการขับขี่ Audi Drive Select เพื่อให้คุณปรับเปลี่ยนบุคลิกการตอบสนองได้ตามต้องการ แต่ทั้งหมด ทั้งมวลก็คือ ตั้งอยู่บนฟิลลิ่งของความสปอร์ตเป็นหลัก ชนิดที่ต่อให้ใช้โหมด Comfort คุณก็สามารถสนุกไปกับการขับขี่ได้ แต่มันอาจจะรู้สึกไม่ปลื้มนัก หากคุณคิดจะใช้มันบ่อยๆ เพราะเรามั่นใจว่าบางวันคุณก็ต้องการที่จะสัมผัสความนุ่มนวลกับเค้าบ้างเหมือนกัน
แต่ท้ายที่สุดก็เชื่อเถอะว่าร้อยทั้งร้อย ลองได้บรรยากาศดีๆ เอื้ออำนวยให้เปิดหลังคารับลมธรรมชาติ คุณจะรู้สึกว่าอะไรที่กล่าวมา ไม่ว่าจะอารมณ์ดีดดิ้นของช่วงล่าง หรือต่อให้แรงม้าน้อยกว่านี้ก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะโดยส่วนตัวเมื่อเราเริ่มลดความเร็วลงมาที่ประมาณ 40 กม./ชม. เพื่อใช้เวลาราว 10 วินาที ในการเปิดหลังคา คุณจะรู้สึกได้เลยว่าความ “เท่ห์” เพิ่มขึ้นอีกเป็นกอง จากสายตาของเพื่อนร่วมท้องถนน จนกลายเป็นสิ่งที่ทำให้เราเอง หรือต่อให้ใครก็ตามที่มีโอกาสลองเป็นคนขับ คงไม่คิดอยากจะกระแทกคันเร่ง พรวดพราดโชว์พละกำลัง หรือใช้ความเร็วสูงๆ แน่นอน
ส่วนถ้าปิดหลังคาแล้วจะอยากโชว์สมรรถนะเราถือว่านั่นเป็นอีกเรื่อง เพราะเราเองก็เป็นอย่างนั้นเช่นกัน จากองค์ประกอบโดยรวมที่ทำให้ TT Roadster เป็นรถที่ขับ “สนุก” ด้วยการตอบสนองฉับไว จนกลายเป็นความคล่องตัวที่คุณสามารถขยับตัวโยกย้ายหนีเพื่อนร่วมท้องถนนในแต่ละเลนได้อย่างอิสระ ตลอดจนมันส์กับจังหวะกดคันเร่งพุ่งทะยานไปด้านหน้า ทั้งยังแถมมาด้วยความมั่นใจจากระบบขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อ Quarttro ที่ให้เสถียรภาพชนิดที่ไม่ยอมปล่อยให้คุณทำ Drift ได้ง่ายๆ แน่นอน
และสุดท้ายหลังจากที่เราอยู่กับ TT Roadster มาเรียบร้อยแล้วในทุกสถานการณ์ บทสรุปสั้นๆ ง่ายๆ คงไม่มีอะไรนอกเหนือไปจากคำว่า “อยากได้” เนื่องจากส่วนตัวแล้วรู้สึกว่ารถสปอร์ตที่เร็วแรงบ้าพลังยังไม่ใช่อะไรที่ตอบโจทย์เราได้ดี มากไปกว่ารถที่ตอบสนองอย่างลงตัว ด้วยพละกำลังเหมาะสม สามารถเรียกใช้งานได้ทุกเมื่อต้องการ จนสร้างความรู้สึก “สนุก” ทุกครั้งที่ได้ขับ ทั้งยังแถมมาด้วยความ “หล่อ” ระดับยนตรกรรมเปิดประทุนอีกด้วย
โดยทั้งนี้ทั้งนั้น ส่วนที่สำคัญก็คือ ตัวคุณเองต้องไม่หวังผลคุณสมบัติด้านความอเนกประสงค์ หรือ ออพชั่นความสะดวกสบายแบบท่วมท้น ตลอดจนความนุ่มนวลของช่วงล่างด้วยเช่นกัน ซึ่งถ้าถามตัวเองแล้ว คุณเป็นคนแบบนั้นเราว่า Audi TT Roadster 45 TFSI Quattro S Line ในราคา 3,599,000 บาท น่าจะเป็นอะไรที่คุณควรต้อง “ลอง” ซักครั้งอย่างแน่นอน
[embedyt] https://www.youtube.com/watch?v=7EoHGW6e4wM[/embedyt]
ราคารถใหม่
Audi TT Roadster รุ่น 45 TFSI Quattro S Line ราคา 3,599,000 บาท