รีวิว : Ford Ranger Raptor Unbeatable Experience … ดุดันไม่เกรงใจใคร
เรียกว่าพลาดไม่ได้เลยทีเดียวกับ กับกิจกรรมจาก ฟอร์ด ประเทศไทย เนรมิตสนามออฟโรดสุดโหดขึ้นมา จัดกิจกรรม Ford Ranger Raptor Unbeatable Experience พิสูจน์สมรรถนะ Raptor รุ่นเครื่องยนต์ ดีเซล 2.0 ลิตร Bi-Turbo และเครื่องยนต์ V6 3.0 ลิตร Twin-Turbocharged ด้วย 9 สถานีทดสอบ สุดเร้าใจ … ส่วนมากน้อยแค่ไหน เราจะเล่าให้ฟัง
เริ่มต้นความเร้าใจด้วยสถานีแรก เพื่อทำความคุ้นเคย ด้วยการขับรถขึ้นลงเนินชันประมาณ 21 องศา ด้วยโหมด (4L) ผสานการทำงานกับกล้องรอบคัน 360 องศา และหน้าจอสถานะออฟโรด ที่บอกเลยว่าแรกๆ ก็หวั่นใจ แต่ลองเชื่อใจ จะพบว่า นี่คือสิ่งที่จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการมองเห็นอุปสรรครอบคันได้อย่างชัดเจนเกินคาด
ก่อนไปต่อในสถานีที่ 2 เพิ่มความดุเดือดมากขึ้น ด้วยการขับขี่ขึ้นลงเนินชันกว่า 25 องศา พร้อมการลองใช้ ระบบควบคุมความเร็ว (Trail Control) ฟีเจอร์ที่มีมาให้ใน Raptor เพียงรุ่นเดียว และในตลาดรถกระบะ ซึ่งช่วยควบคุมความเร็วขณะขับขี่บนเส้นทางออฟโรดอย่างง่ายดาย ชนิดที่ผู้ขับขี่ควบคุมแค่พวงมาลัยก็ สามารถผ่านเส้นทางท้าทาย ทั้งขึ้น และลงเนินชันไปได้อย่างสบายๆ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อลองได้ใช้งานร่วมกับกล้องรอบคัน 360 องศา ซึ่งรวมไปถึงการขับผ่านสะพานแคบ ที่แม้ทัศนวิสัยจะไม่เอื้ออำนวย แต่อย่างที่บอกว่ากล้องรอบคัน 360 องศา ช่วยได้ดีมาก เพราะนอกจากจะมองเห็นแล้ว ในส่วนหน้าจอออฟโรด ยังมาพร้อมกับเส้นแนวล้อ สำหรับช่วยกะระยะ และยกระดับความมั่นใจในการผ่านอุปสรรคต่างๆ ได้ยอดเยี่ยมทีเดียว
จุดต่อไป เริ่มเพิ่มความโหดให้กับการขับขี่ แบบแบ่งเป็น 2 รุ่น โดยเส้นทางของรุ่นเครื่องยนต์ V6 3.0 ลิตร Twin-Turbocharged จะเป็นการไต่เนินหิน แบบมีหลุมสสลับ เพื่อให้ลองใช้ โหมดหิน พร้อมกับเปิด Diff-Lock แบบไฟฟ้า เพื่อควบคุมการขับเคลื่อนให้ผ่านอุปสรรค ขณะที่รุ่นเครื่องยนต์ ดีเซล 2.0 ลิตร Bi-Turbo จะเป็นการลุยหลุมสลับเช่นกัน แต่อยู่ในแนวระนาบ ซึ่งบอกสั้นๆ ว่าผ่านไปได้แบบสบายๆ ทั้ง 2 อุปสรรค
และพลาดไม่ได้เลยกับ บททดสอบความดุดันไม่เกรงใจใคร ในระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ (4H) พร้อมโหมดบาฮา ให้กดคันเร่งเต็มๆ โดดเนินกันสะใจถึง 3 เนินติดต่อกัน จุดนี้สัมผัสถึงได้เต็มๆ ทั้งความเร้าใจ และความสามารถของระบบกันสะเทือน จากโช๊คอัพ FOXTM ที่ช่วยดูดซับแรงกระแทก การทรงตัว ไปจนถึงการควบคุมรถให้ดียิ่งขึ้น
ก่อนเข้าสู่เส้นทางคดเคี้ยว ที่ต้องใช้การขับแบบสลาลอม สาดโค้งไปมา ต่อเนื่องจนถึงสถานีต่อไปที่ต้องใช้โหมดทราย เพื่อขับผ่านแอ่งทรายที่มีความร่วนสูง เพื่อรับรู้ถึง ความสามารถในการจัดสรรกำลัง ไปจนถึงการรักษาเสถียรภาพการทรงตัว ที่จะช่วยให้การขับขี่เป็นปอย่างราบรื่นนั่นเอง
ปิดท้ายกับโหมดบาฮา อีกครั้ง เพื่อสัมผัสกับความสามารถของโช๊คอัพ FOXTM บนเส้นทางขรุขระ และหลุมบ่อ แต่ก็ยังเต็มไปด้วยความสนุกสนาน อันเป็นเอกลักษณ์ของ Ranger Raptor โดยเฉพาะความเร็วสูงบนทางตรง ที่จะสังเกตได้ว่า ขีดความสามารถของเครื่องยนต์ และระบบช่วงล่าง ถูกปรับจูนมาให้มีความลงตัวอย่างมากที่สุด ตามแบบฉบับของ Ford Performance อย่างชัดเจน
ส่วนบทสรุปในเรื่องของสมรรถนะ ต้องยกตำแหน่งความโหดที่น่าประทับใจให้ Ranger Raptor รุ่นเครื่องยนต์ เบนซิน V6 3.0 ลิตร Twin-Turbocharged ที่มีกำลังราวๆ 400 แรงม้า พร้อมออพชั่น และขีดความสามารถในฐานะของรถปิคอัพสมรรถนะสูงที่สุดในบ้านเรา ด้วยค่าตัวราว 1,919,000 บาท
ขณะที่รุ่น เครื่องยนต์ ดีเซล 2.0 ลิตร Bi-Turbo พละกำลัง 210 แรงม้า กับค่าตัว 1,769,000 บาท นี่ก็น่าจะทำให้หลายๆ คน คิดเยอะไม่น้อย เพราะถ้าใจถึงอีกหน่อย จะได้ครบๆ จบในคันเดียวกับ Raptor เครื่อง V6 3.0 ลิตร
เว้นแต่ถ้าดูจากสเปคเครื่องยนต์ ตลอดจนออพชั่นอื่นๆ แล้วมีความคิดว่าอยากประหยัด Next-Gen Ranger ตัวท็อป รุ่นมาตรฐาน อาจเป็นตัวจบที่เหมาะสม แต่ก็แน่ล่ะว่าคุณค่าทางใจอาจไม่เท่ากับขับ Raptor … ทั้งนี้ ทั้งนั้น เอาเป็นว่า ไปลองขับ ลองพิจารณาก่อน แบบไหน “ถูกจริต” กับไลฟ์สไตล์ของตัวเองที่สุด
ราคารถใหม่
Ford Ranger Raptor รุ่น 3.0L Twin-Turbocharged V6 ราคา 1,919,000 บาท
Ford Ranger Raptor รุ่น 2.0L Bi-Turbo Diesel ราคา 1,769,000 บาท