รีวิว : Honda HR-V e:HEV RS … ขยับสู่ความเป็นรถอเนกประสงค์ เพื่อครอบครัว เต็มรูปแบบ
กาแฟร้อนยามเช้า ในบรรยากาศสบายๆ นั้นช่างเป็นอะไรที่ดีงาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งก่อนจะเริ่มต้นภารกิจของวัน ซึ่งจริงๆ แล้ววันนี้ก็ไม่มีอะไรมาก นอกจากรู้สึกแปลกๆ เพราะมี Honda HR-V จอดอยู่ในบ้านถึง 2 เจนเนอเรชั่น และเจ้า Honda HR-V e:HEV RS เจนเนอเรชั่นล่าสุด ก็คือ ภารกิจของเรานั่นเอง
สำหรับ Honda HR-V e:HEV เจนเนอเรชั่นล่าสุดที่มีจำหน่ายในบ้านเรา จะมีทั้งหมด 3 รุ่นย่อย ซึ่งเป็นแบบ Hybrid ทั้งหมด โดยมีรุ่นย่อย RS เป็นรุ่นสูงสุดค่าตัว 1,179,000 บาท ฉะนั้นไม่ต้องห่วงเรื่อง “ออพชั่น” เพราะด้วยฐานะ “ตัวท็อป” บอกเลยว่าครบครัน เพื่อการอำนวยความสะดวกสบายตามสไตล์ของรถอเนกประสงค์ SUV ทั้งยังมีการผสมผสานความโดดเด่นสไตล์สปอร์ต RS และ “ออพชั่น” บางอย่างที่ทำให้ RS เหนือกว่ารุ่นย่อยอื่นๆ
ซึ่งบนงานดีไซน์ภายนอกที่เรียบง่าย แต่ก็มีความสะดุดตา ด้วยกระจังหน้าโครเมียมแบบสปอร์ต, ชุดกันชนหน้า-หลัง และสเกิร์ตข้าง โทนสีดำ แบบสปอร์ตแต่งด้วยโครเมียม, ไฟเลี้ยวด้านหน้าแบบ LED Sequential พร้อมไฟตัดหมอกคู่หน้าแบบ LED, ไฟท้ายแบบ LED Light Strip โทนสี Smoke, หลังคากระจก Panoramic Glass Roof และท้ายสุดล้ออัลลอยด์ขนาด 18 นิ้ว
ส่วนภายในก็มีเอกลักษณ์ความเรียบหรูด้วยงานดีไซน์ ผสมความสปอร์ตที่แฝงอยู่ไม่น้อย ด้วยโทนสีดำ ซึ่งเลือกใช้วัสดุหนังแท้ และหนังสังเคราะห์ตกแต่งด้วยด้ายสีแดง พร้อมด้วย “ออพชั่น” ที่มากกว่าอย่าง เบาะนั่งด้านคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง, อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย (Wireless Charger), แผงบังแดดคู่หน้าพร้อมกระจกส่องหน้าแบบมีฝาปิด, ไฟอ่านหนังสือด้านหลัง LED ระบบสัมผัส และแผ่นกั้นห้องสัมภาระท้าย
ขณะที่ระบบความบันเทิงจัดขุดใหญ่มาให้ทุกรุ่น ประกอบด้วย พวงมาลัยแบบมัลติฟังค์ชั่น, ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว แบบ Advanced Touch ที่เชื่อมต่อ Smartphone รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto, พร้อมระบบสั่งการด้วยเสียง Siri และ Android Auto ไปจนถึงระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบไร้สาย (Bluetooth) โดยสิ่งที่มากกว่าของรุ่น RS ก็คือ ระบบเชื่อมต่อ Honda CONNECT, ช่องเชื่อมต่อ USB 4 ตำแหนง และจำนวนลำโพงที่มีให้ถึง 8 จุด
ทางด้านระบบความปลอดภัย เรียกว่าจัดมาให้เพียบพร้อมทุกรุ่น ตั้งแต่ระดับพื้นฐาน ไปจนถึงเทคโนโลยีสุดล้ำอย่าง Honda SENSING เช่น ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก (CMBS), ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (LKAS), ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (RDM with LDW), ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (AHB), ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (ACC with LSF) และระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ (LCDN) ส่วน “ออพชั่น” ที่เหนือชั้นของรุ่นย่อย RS ก็คือมีการติดตั้งระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch) มาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
ขุมพลังของ Honda HR-V e:HEV ทุกรุ่น รวมถึง RS จะมากับเทคโนโลยี Full Hybrid ที่ประกอบด้วยเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว i-VTEC มีกำลังสูงสุด 106 แรงม้า ที่ 6,000 – 6,400 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 127 นิวตันเมตร ที่ 4,500 – 5,000 รอบต่อนาที เสริมแรงด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ให้กำลังสูงสุด 131 แรงม้า ที่ 4,000 – 8,000 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 253 นิวตันเมตร ที่ 0 – 3,500 รอบต่อนาที จากแบตเตอรี่ ลิเธียม-ไอออน
ส่งผ่านกำลังด้วยชุดเกียร์อัตโนมัติ E-CVT (Electrical Continuously Variable Transmission) พร้อม Drive Mode ให้เลือกปรับได้ 3 รูปแบบระหว่าง Econ, Normal และ Sport … ซึ่งเมื่อดูจากตัวเลขเรี่ยวแรงแล้วบอกเลยว่า “น่าสนใจ” นอกจากนี้แล้วการมี Honda HR-V ถึง 2 เจนเนอเรชั่นอยู่ในมือ ยังถือเป็น “ข้อดี” ให้เราสัมผัสความต่างได้อย่างชัดเจน
ว่าแล้วก็เริ่มจากรูปลักษณ์ ซึ่งปรับเปลี่ยนจากเจนเนอเรชั่นแรกที่มีงานดีไซน์ไปในแนวทางสปอร์ต มาเป็นความเรียบหรูมากขึ้น แต่ก็แอบเจือปนด้วยความสปอร์ตในรายละเอียดต่างๆ ส่วนจะ “สวย หรือ ไม่สวย” เรื่องนี้เราขอยกให้เป็นสิทธิส่วนบุคคลดีกว่า เพราะความชอบของแต่ละคนไม่เหมือนกัน
มาถึงในส่วนของอารมณ์การขับ อันดับแรกเลย HR-V e:HEV RS ยังคงมีเอกลักษณ์ของ Honda ไม่ว่าจะเป็นงานดีไซน์ หรือ การวางตำแหน่งคนขับ เลยทำให้ไม่ต้องปรับตัวอะไรมากนักเพื่อสร้างความคุ้นเคย แต่ที่ต้องทำความคุ้นเคยก็คือ “คาแรคเตอร์” ที่เปลี่ยนไปจากเจนเนอเรชั่นเดิม ซึ่งมีความคล่องแคล่ว ปราดเปรียวโดยสิ้นเชิง ราวกับว่า เจนเนอเรชั่นใหม่ของ HR-V e:HEV มีการพัฒนาให้ “เติบโต” เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น
ตั้งแต่ น้ำหนักพวงมาลัย แบบแร็ค แอนด์ พิเนียน พร้อมเพาเวอร์ผ่อนแรงแบบไฟฟ้า (EPS) ที่ค่อนข้างมีน้ำหนักเลยทำให้ในความเร็วต่ำ ต้องออกแรงหมุนมากขึ้นนิดหน่อย แต่ก็ใช่ว่าจะทำให้ความคล่องตัวด้อยลง แล้วก็ยิ่งถ้าหากใช้งานอย่างคุ้นมือแล้วล่ะก็ คุณจะรู้สึก “ชอบ” กับการเซ็ทน้ำหนักพวงมาลัยสไตล์นี้อย่างน่าประหลาดใจ ด้วยเพราะจุดดีก็คือ ความมั่นใจที่เกิดขึ้นเมื่อขับขี่บนความเร็วสูง
นอกจากนี้ในส่วนของช่วงล่าง ด้านหน้า แบบแม็คเฟอร์สัน สตรัท อิสระ พร้อมเหล็กกันโคลง และด้านหลัง แบบทอร์ชั่นบีม ก็มีการปรับเซ็ทสไตล์ “เฟิร์มๆ แน่นๆ” ในแบบที่ถูกใจวัยรุ่น เพราะงั้นเลยทำให้อารมณ์การขับขี่ในความเร็วต่ำบางจังหวะอาจมีความตึงตังอยู่บ้าง แต่ในทางกลับกันเมื่อได้ใช้ความเร็ว คุณจะรู้สึกได้ถึงการทรงตัว และการยึดเกาะถนนที่บอกได้เลยว่า “ดีงาม” โดยส่วนหนึ่งอาจจะมีผลมาจากล้อที่ให้ขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 225/50R18 มากับรุ่น RS (ขณะที่รุ่นอื่นเป็นขนาด 17 นิ้ว พร้อมยาง 215/60R17)
เรื่องของพละกำลัง แม้ตัวเลขจะสูงแบบโดนใจ แต่พฤติกรรมการถ่ายทอดจะเป็นสไตล์เนิบๆ มากกว่า หรือพูดง่ายๆ ว่าสไลต์การขับที่เหมาะสมกับ HR-V e:HEV ควรเป็นการค่อยๆ เติมคันเร่งเน้นการขับแบบประหยัดมากกว่าจะให้กดคันเร่งพรวดพราด ทั้งจากลักษณะนิสัยของเกียร์อัตโนมัติ E-CVT และระบบ Full Hybrid ที่จะทำงานโดยแบ่งเป็น 3 รูปแบบ
ประกอบด้วย โหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Drive Mode), โหมดการขับขี่ด้วยระบบไฮบริด (Hybrid Drive Mode) เครื่องยนต์ และมอเตอร์ไฟฟ้าทำงานร่วมกัน สุดท้ายเป็นโหมดการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ (Engine Drive Mode) โดยความชาญฉลาดก็คือ ระบบจะเลือกการขับเคลื่อนให้เหมาะสม เพื่อให้เกิดการใช้พลังงานอย่างคุ้มค่าที่สุด
แต่ถ้าอยากได้ความเร้าใจ ก็ใช่ว่า HR-V e:HEV จะไม่สามารถเสิร์ฟได้ซะทีเดียว เพราะจังหวะความเร็วกลางๆ แบบใช้งานในเมือง ก็สามารถ “คิ๊กดาวน์” สร้างอัตราเร่งได้อย่างมั่นใจสำหรับเร่งแซง แม้จะใช้งาน Drive Mode อยู่ในโหมด Normal ก็ตาม ขณะที่โหมด Sport ก็จะมีความฉับไวขึ้นอีกนิดในการตอบสนอง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็อาจจะต้องแลกมากับเรื่องของเสียงเครื่องยนต์ที่คำรามเข้ามาในห้องโดยสาร และการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงแบบไร้สาระ หากคุณเป็นคนแบบที่เอะอะก็ “คิ๊กดาวน์”
พูดง่ายๆ ว่าหลังจากที่ได้ลองขับ HR-V e:HEV RS ไปแล้วทั้งวัน เรารู้สึกว่าต่างจากเจนเนอเรชั่นแรกที่ค่อนข้างมีบุคลิกวัยรุ่นอย่างชัดเจน เป็น “คาแรคเตอร์” ที่เติบโตขึ้นเพื่อตอกย้ำความเป็น รถอเนกประสงค์สำหรับครอบครัว เน้นความมั่นคง ปลอดภัย และประหยัด แต่ก็แอบมีความสปอร์ตเล็กๆ เช่น น้ำหนักพวงมาลัย, เรี่ยวแรงที่ตอบสนองดีในช่วงความเร็วต้นๆ และอารมณ์ของช่วงล่างในรุ่นย่อย RS ซึ่งทำให้การขับขี่ในเมืองเป็นเรื่องสนุกสนานเกินขนาดตัว
ขณะที่การใช้ความเร็วเดินทางปกติ คือ สิ่งที่เราชอบที่สุด เพราะสัมผัสได้ทั้งเสถียรภาพ ทัศนวิสัยที่ดี ไปจนถึงความสบายในการขับขี่ เหนืออื่นใดเลยก็คือความประหยัด ซึ่งทางโรงงานเคลมเอาไว้ 25.6 กม./ลิตร แต่จากการที่เราขับใช้งานจริงด้วยความเร็วที่ขึ้นอยู่กับสภาพการจราจรทั้งในเมือง นอกเมือง แล้วได้ค่าเฉลี่ยออกมาราวๆ 23.7 กม./ลิตร ที่ถือว่าไม่ขี้เหร่เลยทีเดียว
ราคารถใหม่
Honda HR-V e:HEV RS ราคา 1,179,000 บาท
Honda HR-V e:HEV EL ราคา 1,079,000 บาท
Honda HR-V e:HEV E ราคา 979,000 บาท