รีวิว : ค่าตัว 17.2 ล้าน, อันดับ 2 แห่งสาย AMG ในไทย … และนี่คือ Mercedes-AMG GT C Roadster (มี Clip)
ใครที่คิดว่าเราจะเอาเจ้า Mercedes-AMG GT C Roadster มาลองขับ และมองหา “จุดด้อย” ล่ะก็ … เราว่าคุณคิดผิดแล้วครับ เพราะเจ้านี่คือ ยนตรกรรมจากโรงงาน AMG ที่สืบเชื้อสายมาจาก SLS AMG สู่ตระกูล GT Series และเป็นรองก็เพียงแค่แม่ทัพใหญ่อย่าง Mercedes-AMG GT R … ฉะนั้นสิ่งที่เราจะเล่าให้ฟังต่อจากนี้ คือ “อัตลักษณ์” โดยธรรมชาติ ที่ผ่านการวิจัยพัฒนา เพื่อเปลี่ยนนวัตกรรม และเทคโนโลยี เป็นวัตถุดิบการ “สร้าง” ยนตรกรรม สำหรับผู้ “เหมาะสม” อย่างแท้จริง
ราคา 17.2 ล้านบาท คือ จำนวนเงินที่คุณต้องนำมาแลกสิทธิครอบครองการเป็นเจ้าของ GT C Roadster ยนตรกรรมที่เรารู้สึกเหมือนตัวเอก Prince Vlad (เจ้าชายวลาด) ในภาพยนตร์เรื่อง Dracula Untold ที่ดูภูมิฐาน และงามสง่า ด้วยลักษณะทางกายภาพผ่านการทรงเครื่องโดยราชสำนัก AMG ขณะที่เบื้องลึกเป็นความสามารถที่เกรี้ยวกราด และดุดัน อันมีเอกลักษณะเฉพาะตัวแบบ One Man – One Engine
ซึ่งนั่นล่ะครับ คือสิ่งที่สร้าง “ความสมบูรณ์แบบชนิดที่ไม่ต้องแต่งเติม” บนตัวถังทรงกว้าง และแบนราบ เพราะหลายสิ่งอย่างบนเรือนกายมากับความเป็น Original AMG แบบครบๆ ตั้งแต่ ชุดกระจังหน้า AMG-Specific Radiator Grille ที่ได้อารมณ์ตัวแข่ง Mercedes-AMG GT3 เช่นเดียวกับล้อแบบ Center Lock ต่างขนาด ด้านหน้า 19 นิ้ว พร้อมยาง 265/35 ZR19 และด้านหลัง 20 นิ้ว พร้อมยาง 305/30 ZR20 ตามด้วยความสะดุดตาจากด้านท้ายกับชุดท่อไอเสียคู่ AMG Performance Exhaust System ทั้ง 2 ฝั่งของมุมกันชน สุดท้ายกับด้านบน คือ ชุดหลังคาเปิดประทุนแบบ Fabric Soft Top ที่สั่งเปิด หรือปิด ได้ด้วยระบบไฟฟ้าใน 11 วินาที ภายใต้ความเร็วที่ไม่เกิน 50 กม./ชม.
ส่วนภายใน “ชัดเจน” กับความเป็นรถ 2 ที่นั่ง แถมในทุกกระเบียดนิ้วยังมาพร้อมกับการเลือกใช้วัสดุที่หรูหราสมราคา และมาตรฐานของ Mercedes-AMG ไม่ว่าจะเป็น พวงมาลัยทรง D–Shape, เบาะนั่งทรงสปอร์ตที่ออกแบบมาได้อารมณ์ใกล้เคียง Bucket Seat นอกจากนี้ยังแฝงด้วยการสื่อถึงขุมพลังผ่านงานดีไซน์ และการจัดวางปุ่มควบคุมบน คอนโซลเกียร์ ขณะที่ระบบความบันเทิง และสิ่งอำนวยความสะดวกเต็มรูปแบบเท่าที่คุณนึกได้ว่าอยากให้มี … เอาเป็นว่าเราขอตัดบทเรื่องรายละเอียดดีกว่า เพราะมันเป็นเรื่องง่ายมาก หากคุณต้องการดูข้อมูล
แล้วก็เชื่อเถอะว่าทั้งหมด ทั้งมวลที่มี มันไม่ได้สร้างความน่าสนใจมากเท่ากับเสียงกระหึ่มแหบต่ำจากเครื่องยนต์เบนซิน V8 Bi-Turbo ขนาด 4 ลิตร ซึ่งพกพาเรี่ยวแรงมาให้ใช้ถึง 557 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุดระดับ 680 นิวตันเมตร ส่งกำลังสู่ล้อหลังโดยชุดเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด (AMG Speedshift DCT 7G) ภายใต้การการันตรีอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ใน 3.7 วินาที และความเร็วสูงสุดที่ทำได้ถึง 316 กม. /ชม. … ซึ่งด้วยความน่าสนใจเหล่านี้แหละครับ ที่ทำให้เราไม่รอช้า คว้ากุญแจโดดขึ้นรถเพื่อซึมซับสัมผัส มาถ่ายทอดเรื่องราวหลังพวงมาลัยให้ฟัง
เริ่มต้นจากสิ่งแรกที่รับรู้ได้ คือ Position ท่านั่งต่ำเตี้ยเรี่ยดิน ในเบาะนั่งที่ปรับไฟฟ้าได้เพื่อให้เกิดความกระชับ แถมใครที่ติดการขับขี่แบบสบายๆ อาศัยคอนโซลเกียร์ไว้เป็นที่วางแขนซ้าย บอกได้เลยว่า “เลิกคิด” เพราะงานดีไซน์โดยรวมของ Cockpit คนขับ เค้าจะบังคับให้ 2 มือของคุณต้องจับอยู่บนพวงมาลัยตลอดเวลา ตามด้วยการวางเท้าขวา ที่ต้องใช้ความคุ้นเคยกับแป้นเหยียบแบบ Organ Type ที่ปลายด้านล่างถูกยึดติดกับพื้น ซึ่งนั่นหมายถึงการต้องเหยียบคันเร่งแบบเต็มฝ่าเท้า แถมด้วยความ “หนืด” พอควร ชนิดที่ว่ายกเท้าออกจากเบรกแล้วรถยังไม่ขยับ ฉะนั้นคนที่ชอบอาการแบบแตะนิด แตะหน่อยพุ่งพรวดพราดอาจไม่ถูกใจ แต่เชื่อเถอะว่ามันเป็น “ข้อดี” จากการคำนวณโดยวิศวกร ที่เราเดาว่าเป็นเรื่องของความปลอดภัยทางอ้อม ในการเตือนให้ผู้ขับขี่มี “สมาธิ”
เช่นเดียวกับอีกหลายสิ่งซึ่งดึง “สมาธิ” คนขับให้จดจ่ออยู่กับการขับขี่ได้ดีไม่แพ้กัน ก็คือ “เสียงเครื่องยนต์” ที่ยิงผ่านท่อไอเสีย AMG Performance Exhaust System และ “ช่วงล่างถุงลม พร้อมระบบ AMG Ride Control suspension” ขนาดที่ว่าระบบเสียงรอบทิศทางอย่าง Burmester® จับมือกับฟังค์ชั่นอำนวยความสะดวกอื่นๆ ก็ยังไม่ช่วยให้สุนทรีย์ มากกว่าการรู้สึกว่าสารอะดรีนาลีนพุ่งพล่าน โดยเฉพาะกับการขับขี่บนถนนที่บอกเลยว่า “ดุเดือด” ขนาดปรับระบบ AMG Ride Control Suspension ไปในระดับเบาสุดเป็นโหมด Comfort คุณก็ยังคงรู้สึก “เกลียด” ผู้รับเหมาก่อสร้างถนนเข้าไส้”
โดยที่กล่าวมาทั้งหมดจะนำคุณไปสู่จุดๆ เดียว นั่นคือ การทำงานของเครื่องยนต์ระดับ 557 แรงม้า พร้อมแรงบิด 680 นิวตันเมตร ผ่านเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด (AMG Speedshift DCT 7G) ที่สุดประทับใจในการทำความเร็ว เพียงแค่แช่ตัวเองไว้ในโหมด Comfort ของฟังค์ชั่น AMG Dynamic Select ไม่ต้องถึงขั้นปลดพันธนาการความแรงด้วยโหมด Sport หรือ Sport+ ก็มากพอที่จะกำราบศัตรูให้อยู่หมัด ภายใต้ความเฉียบคมในการควบคุมของระบบพวงมาลัย AMG Speed-Sensitive Sports Steering (แนะนำให้ดูในคลิป)
จนได้ข้อสรุปง่ายๆ จาก Mercedes-AMG GT C Roadster ว่าเจ้านี่คือ ยนตรกรรมที่สามารถมอบประสบการณ์การขับ “รถแข่ง” ให้คุณได้อย่างดี หรือพูดง่ายๆ นี่คือ “รถแข่ง” ที่ห่อหุ้มด้วยความพรีเมี่ยม และใส่ออพชั่นอำนวยความสะดวกแบบจัดเต็ม เช่นเดียวกับระบบความปลอดภัย เพื่อตอบโจทย์การใช้งานด้วยความโดดเด่นเพียงวัตถุประสงค์หลักๆ คือ “การขับขี่” ขณะที่เรื่องอื่นๆ นับเป็นประเด็นรอง
ซึ่งบอกได้เลยว่านั่น “ไม่ใช่จุดด้อย” หากแต่เป็นตัวตนผ่านการกำหนดมาแล้วจาก Merdeces-AMG ให้มนุษย์ปรับตัวเข้าหาสไตล์ของรถ เพื่อค้นหาความสุขในการขับ หรือถ้าอยากตักตวงให้เต็มที่ ก็ควรมีเวลาว่างซักวัน ครึ่งวันในการใช้ชีวิตบนสนามแข่ง โดยเราขอแนะนำอีกนิดว่ามันอาจจะ “ลดทอน” ความมั่นใจในวิชาชีพสายเกียร์ธรรมดาของคุณได้ เพราะครั้งหนึ่งเรามีโอกาสได้วิ่งในสนาม พร้อมการพยาม “ลองของ” โดยเปรียบเทียบระหว่างการ “ใช้” และ “ไม่ใช้” Paddle Shift ก่อนจะได้มาซึ่งความเข้าใจง่ายๆ ว่า “อยากได้เวลาต่อรอบสนามที่ดี คนขับมีหน้าที่แค่เบรก, เลี้ยว, เร่งเท่านั้นพอ”
ราคารถใหม่
Mercedes-AMG รุ่น GT C Roadster ราคา 17,190,000 บาท
[embedyt] https://www.youtube.com/watch?v=xeo6No3QDlg[/embedyt]