รีวิว : Mitsubishi Triton Double Cab 4×4 ไม้เด็ดที่ไว้ใจได้ เพื่อรับมือกับ “เซอร์ไพรส์” ไม่คาดฝัน
“ถ้าเราไม่รู้อนาคตล่วงหน้าว่าจะเป็นอย่างไร ก็ควรเตรียมความพร้อมตัวเองให้รอบคอบที่สุด” นี่คือสิ่งที่เราบอกกับตัวเองทุกครั้งเมื่อคิดจะทำอะไรสักอย่าง และมันใช้ได้กับทุกเรื่อง โดยเฉพาะกับ “ผม” ที่เกือบจะเรียกตัวเองได้ว่า “นักเดินทาง” แถมบางครั้ง “เวลา” ยังเป็นศัตรูตัวฉกาจแบบไม่คาดคิด ฉะนั้นผมจึงต้องเลือกพาหนะซักคัน เพื่อรับมือกับ “เซอร์ไพรส์” ต่างๆ และนั่นทำให้ผมเลือก “Mitsubishi Triton 4×4”
Mitsubishi Triton ความคุ้นเคย ในฐานะเพื่อนเก่า
ใช่ครับ … Mitsubishi Triton เวอร์ชั่นนี้ก็เหมือนเพื่อนเก่า เพราะผมยอมรับว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้มาจับคู่กัน ฉะนั้นผมจึงแทบไม่ต้องเสียเวลาสำหรับการทำความคุ้นเคย ด้วยเห็นๆ กันอยู่ว่าเพื่อนคนนี้ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรไปมากเท่าไหร่ จากฐานะของ “รถกระบะอเนกประสงค์แบบสปอร์ต” แม้จะอยู่ในรูปแบบตัวถัง 4 ประตูก็ตาม
ก้าวเข้ามาในห้องโดยสาร ก็เหมือนก้าวเข้าบ้านเพื่อนที่ไม่ได้จัดบ้านใหม่ เพราะอะไรๆ หลายอย่างยังคงอยู่ในตำแหน่งเดิม รวมไปถึงฟังค์ชั่นอำนวยความสะดวกต่างๆ เช่น ระบบกุญแจอัจฉริยะ KOS (Keyless Operation System) ที่เพียงแค่ “พก” ไว้กับตัว ก็ทั้งล็อก, ปลดล็อกประตู และสตาร์ทเครื่องยนต์ได้ง่ายๆ ส่วนความบันเทิงทั้งหมดนั้นกองรวมกันอยู่บนคอนโซลหน้าทั้งจาก เครื่องเล่น วิทยุ, CD, MP3 และ DVD ตลอดจนช่องเชื่อมต่อ USB รวมถึงระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบไร้สาย (Bluetooth) และระบบนำทางในรถ (Navigator System)
ซึ่งทั้งหมดผมควบคุมได้ด้วยปุ่มมัลติฟังค์ชั่นบนพวงมาลัย หรือบนหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้วได้เช่นกัน นอกจากนี้ก็ยังมีระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control) ซึ่งจะช่วยให้การเดินทางในทุกครั้งสบายมากขึ้น “หากไม่รีบ”
ทริปสบายๆ ด้วยโจทย์ง่าย แต่เจอเซอร์ไพรส์ไม่คาดฝัน
ผมวางแผนการเดินทางตามแผน ซึ่งมีจังหวัดพิษณุโลกเป็นเป้าหมาย และใช้ความเร็วแบบสบายๆ สไตล์ “ขาแวะ” ช็อบ ชิม ชิล์ และทำบุญไปด้วยในตัว โดยมีความไว้วางใจจากขุมพลังคลีนดีเซล MIVEC วีจี เทอร์โบ อินเตอร์คูลเลอร์ ขนาด 2.4 ลิตร 181 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 430 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะพร้อมสปอร์ตโหมด เป็นตัวขับเคลื่อน เพราะหวัง “สบาย” และอาจจะมีการใช้คันเร่งหนักๆ บ้าง ช่วงบ่ายๆ เพื่อแก้ง่วง
ซึ่งนั่นคือ “แผน” แต่ … ชีวิตมักติดตลกด้วยการทำให้อะไรๆ ไม่เป็นไปตามแผน เพราะงั้น “ความสบาย” จึงมลายหายไปสิ้น ตั้งแต่เกิดความ “คลาดเคลื่อน” ของ “เวลา” และนั่นล่ะครับ คือ สิ่งที่ทำให้ผมเห็น “ข้อดี” ของ “การเตรียมพร้อม”
ชีวิต High Speed ที่ต้องขอบคุณ Mitsubishi Triton 4×4
ด้วยเวลาที่คาดเคลื่อนเกือบ 2 ชั่วโมง คือ กลไกที่ทำให้ทุกอย่างเข้าโหมด “สปีดเร็วกว่านรก” แบบช่วยไม่ได้ ซึ่ง 2 สิ่งที่ต้อง “ไว้ใจ” มากที่สุด คือ “คนขับ” และ “สมรรถนะ” ของรถ จนทำให้ผมเข้าใจนิยาม “รถกระบะอเนกประสงค์แบบสปอร์ต” ของ Mitsubishi Triton อย่างถ่องแท้เลยทีเดียว
โดยผมสามารถออกปากได้ว่า “สมรรถนะของ Mitsubishi Triton นั้นไม่ธรรมดา” โดยเฉพาะเมื่อเราต้องรีดเค้นมันออกมาจนหยดสุดท้าย ตั้งแต่เรื่องของพละกำลังที่มีให้ใช้ทั้ง “แรงบิดรอบต่ำ” ซึ่งช่วยให้ออกตัวได้อย่างทันใจตั้งแต่เริ่มกดคันเร่ง ก่อนจะเข้าสู่สภาวะลอยลำส่งต่อกำลังให้ “แรงม้า” รับหน้าที่ต่อในย่านความเร็วสูงแบบสุดๆ ชนิดที่เรียกว่า “มีเท่าไหร่ ใช้หมด” คุณอาจจะบอกว่ามันเป็นเรื่องง่ายสำหรับการใช้ความเร็วสูง ซึ่งเราคงไม่เถียงถ้าคุณจองถยยทั้งเส้นเอาไว้ แต่สำหรับทริปนี้ “ไม่ใช่” เพราะเราอยู่บนสภาพการจราจรจริงที่ “เร็วได้” และต้อง “หลบเป็น”
เพราะงั้นมันจึงไม่ใช่แค่การ “จุ่ม” คันเร่งอย่างเดียว แต่ยังต้องใช้ความคล่องตัวของ Mitsubishi Triton ให้เป็นประโยชน์อีกด้วย และเราคงทำไม่ได้ ถ้าไม่มีการควลคุมที่เฉียบคมของระบบพวงมาลัย และการทรงตัวที่ดีเยี่ยมของระบบช่วงล่าง ซึ่งถ้าคุณกำลังนึกตามเรา ใช่ครับ ระบบช่วงล่างที่ตอบสนองได้เยี่ยมระดับนี้ คงหนีไม่พ้นการปรับเซ็ทอัพในสไตล์สปอร์ต ที่ในความเร็วต่ำมันอาจจะไม่ได้สร้างความนุ่มนวลชวนฝันเท่าไหร่
แต่เชื่อเถอะว่ามันก็ไม่เลวร้ายขนาดนั่งไม่เป็นสุขซะทีเดียว … เอาเป็นว่าอยู่ในระดับพอดิบ พอดี ที่เรียกว่า เวลาฉุกเฉินก็ “หวด” ได้อย่างมั่นใจ หรืออยาก “ขับสบาย” ก็ทำได้อย่างไม่ลำบาก แถมนอกจากสมรรถนะขั้นสุดยอดประทับใจของ Mitsubishi Triton แล้ว เหนืออื่นใดเรายังสามารถเพิ่มความมั่นใจในการขับขี่บนความเร็วสูงเช่นกัน เนื่องจากเป็นเวอร์ชั่น 4×4 ที่มีโหมดการขับเคลื่อนให้เลือกจากสวิตซ์ควบคุมด้วยไฟฟ้า ประกอบด้วยโหมดขับเคลื่อน 2 ล้อ (2H), 4 ล้อ (4H) และ 4 ล้อ (4L)
โดยตลอดทริปเราแทบไม่ต้องบิดสวิทช์ไปใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อซักครั้ง แต่ใช้สมรรถนะเต็มขั้นด้วยการโหมดขับเคลื่อน 2 ล้อหลัง เพราะนั่นสร้างความมั่นใจให้เราได้มากพอ หรือถ้าหากเกิดสถานการณ์คับขันที่รถขาดเสถียรภาพการทรงตัวเราก็ยังบิดสวิทช์ไปเป็นโหมดขับเคลื่อน 4 ล้อ (4H) ได้สบายๆ ในระดับความเร็วไม่เกิน 100 กม./ชม. ส่วนโหมด 4 ล้อ (4L) นั้นเราเตรียมพร้อมไว้เผื่อต้องลุยหนักจริงๆ เท่านั้น
ซึ่งนอกจากระบบขับเคลื่อนแล้ว 4 ล้อ (4L) แล้ว Mitsubishi Triton เวอร์ชั่นขับ 4 นี้ก็ยังมีตัวช่วยความปลอดภัยอื่นๆ ติดตั้งมาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐานเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ASTC (Active Stability & Traction Control) ซึ่งเป็นการผสมรวมการทำงานของระบบ ASC ควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว และระบบ ATC ป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถลเข้าไว้ด้วยกัน, ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HSA (Hill Start Assist) และระบบเสริมแรงเบรก BA (Brake-Assist) ช่วยเพิ่มแรงดันน้ำมันเบรกเมื่อเหยียบเบรกกะทันหัน ซึ่งเราเดาว่าระบบ BA เราคงใช้มันตลอดการเดินทางเลยทีเดียว แล้วก็ทำให้เราเดินทางในทริปนี้ด้วยความปลอดภัย และมั่นใจได้ดีเยี่ยมเช่นกัน
ราคารถใหม่ Mitsubishi Triton Double Cab
Mitsubishi รุ่น Triton Double Cab 2WD GLX ราคา 709,000 บาท
Mitsubishi รุ่น Triton Double Cab Plus GLX ราคา 781,000 บาท
Mitsubishi รุ่น Triton Double Cab Plus GLS-LTD 6MT ราคา 831,000 บาท
Mitsubishi รุ่น Triton Double Cab Plus GLS-LTD 5AT ราคา 876,000 บาท
Mitsubishi รุ่น Triton Double Cab 4WD GLS-LTD 6MT ราคา 974,000 บาท
Mitsubishi รุ่น Triton Double Cab 4WD GLS-LTD 5AT ราคา 1,071,000 บาท