รีวิว : New Honda CR-V 2017 ( ฮอนด้า ซีอาร์-วี ใหม่ ) ท่องแดนใต้ภูเก็ต – พังงา ลองสมรรถนะจริง 2 รุ่น ทั้งเบนซิน และดีเซล ราคา รถยนต์ใหม่ เริ่มต้น 1,399,000 บาท

New Honda CR-V 2017 ( ฮอนด้า ซีอาร์-วี ใหม่ ) เจนเนอเรชั่นที่ 5 นี้มากับการพัฒนาเพื่อนำเสนอคุณค่า และเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของกลุ่มลูกค้าทั่วโลก จนนำมาสู่มาตรฐานใหม่ของรถอเนกประสงค์ SUV ในด้านภาพลักษณ์การออกแบบ, สมรรถนะการขับขี่ และฟังก์ชั่นการใช้งานที่ล้ำสมัย ภายใต้เอกลักษณ์ของ Honda CR-V ซึ่งมากับปรัชญาที่เรียกว่า SHU-HA-RI

ปรัชญา ‘SHU-HA-RI’

ในภาษาญี่ปุ่นคำว่า SHU-HA-RI จะถูกนำมาใช้ในเรื่องของการเรียนรู้เป็นขั้นตอน ซึ่งเป็นปรัชญาแห่งการเรียนรู้แบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น โดย คำว่า 守 SHU (ปกป้อง และรักษาเอาไว้) อันเป็นก้าวแรกของการฝึกฝน เป็นการเรียนรู้ถึงพื้นฐานและเทคนิคเบื้องต้น, คำว่า 破 HA (ข้ามผ่าน) เป็นขั้นตอนที่ 2 ของการฝึกฝน เพื่อนำเอาสิ่งดีๆ จากที่ได้รับมาพัฒนาในสไตล์ของตัวเอง และคำว่า 離 RI (เหนือกว่าตำแหน่งปัจจุบัน) เป็นขั้นสุดท้ายของการฝึกฝน เป็นการก้าวขึ้นไปอีกระดับจากสิ่งที่ได้เรียนรู้ และสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ เพื่อพัฒนาในแบบที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเองขึ้นมา

 

แนวคิดหลักในการพัฒนา

ด้านแนวคิดหลักของการพัฒนา New Honda CR-V 2017 ( ฮอนด้า ซีอาร์-วี ใหม่ ) เจนเนอเรชั่นที่ 5 ประกอบด้วย 3 ข้อหลักๆ คือ “Wow” เสริมจุดเด่น, เอกลักษณ์ ในเรื่องของความสะดวกสบายต่อการใช้งาน และตอบสนองการขับขี่ได้อย่างดีเยี่ยม พร้อมพื้นที่ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง ภายใต้ขนาดตัวถังที่เหมาะสม “Dynamic” ความปราดเปรียวของดีไซน์ภายนอก และสมรรถนะการขับขี่ และ “Sophisticated” ความหรูหราล้ำสมัยในทุกสัมผัส จากฟังก์ชั่น และอุปกรณ์การใช้งานอันล้ำสมัย ตลอดจนดีไซน์ภายในที่พรีเมียม เปี่ยมด้วยคุณภาพ

 

New Honda CR-V

ดีไซน์ภายนอกเปี่ยมความสปอร์ต และหรูหรา

New Honda CR-V มากับงานดีไซน์ภายนอกจากแนวคิด Modern Functional Dynamic เช่น ด้านหน้าที่ยาวขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับหลักอากาศพลศาสตร์, โอเวอร์แฮงค์ด้านหลังสั้นลง, เพิ่มระดับความสูงใต้ท้องรถ และออกแบบซุ้มล้อให้มีความสปอร์ต ตามด้วยการขยายระยะฐานล้อยาวขึ้น เพื่อให้พื้นที่เบาะหลังกว้างขึ้น และมีสมรรถนะการขับขี่ที่ดีขึ้น ส่วนรายละเอียดของภายนอก จะประกอบด้วยกระจังหน้าแบบโครเมียมที่ออกแบบเฉียบคม, ไฟหน้า และไฟท้ายใหม่แบบ LED พร้อมการติดตั้ง ไฟ Daytime Running Light – DRL

 

ภายในกับงานดีไซน์แบบผสมผสาน

ห้องโดยสารได้รับการออกแบบภายใต้แนวคิด Urban BASE Beautility เป็นคำผสมที่สร้างขึ้นมาจากคำว่า ความสวยงาม (Beauty) และความอเนกประสงค์ (Utility) เพื่อให้ห้องโดยสารมาพร้อมความหรูหรา กว้างขวาง และเปี่ยมด้วยประโยชน์ใช้สอย ในรูปแบบเบาะ 3 แถว 7 ที่นั่ง ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้งานได้ตามต้องการ 4 รูปแบบ คือ 7-Seat Mode, 5-Seat Mode, Utility Mode และ Long Mode พร้อมด้วยการนำเสนอความหรูหรา และสปอร์ตด้วยวัสดุหนังสีดำ การตกแต่งด้วยลายไม้ และวัสดุสีดำ Piano Black

 

 

เสริมความสะดวกสบายด้วยอุปกรณ์ที่ครบเครื่อง เช่น เบาะนั่งด้านคนขับปรับไฟฟ้า, ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ i-Dual Zone, ช่องเชื่อมต่อ USB, HDMI และช่องจ่ายไฟสำรอง, เครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay (เฉพาะสมาร์ทโฟนบางรุ่น), ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบไร้สาย (Bluetooth), พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชั่น พร้อมปุ่มควบคุมระบบเครื่องเสียง และปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์, มาตรวัด พร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT, ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control System), ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์อัจฉริยะ (One Push Ignition System) และระบบควบคุมประตูแบบอัจฉริยะ (Honda Smart Key System) และระบบนำทางเนวิเกเตอร์ (Navigator System)

 

โดยในรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลนั้นได้เพิ่มเติม แป้นเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (Paddle Shift) และระบบเกียร์ไฟฟ้าที่ควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ด้วยสวิตช์ (Shift by Wire) มาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน รวมถึงฟังค์ชั่นใหม่อย่าง ฝากระโปรงท้ายเปิด-ปิดอัตโนมัติด้วยระบบแฮนด์ฟรี (Hands-free Power Tailgate) ควบคุมการเปิด – ปิดด้วยรีโมท และสามารถปรับระดับความสูงของการเปิดฝากระโปรงท้ายได้ตามต้องการ ซึ่งทำงานด้วย 3 ฟังก์ชั่นหลัก คือ การสั่งหยุดและค้าง (Stop and Hold), การกำหนดระดับความสูงของการเปิด (Programmable Height) และการเปิดฝากระโปรงหลังแบบไม่ต้องใช้มือ (Hands-free Access)

 

2 ทางเลือกขุมพลังจาก New Honda CR-V

ทริปนี้เรามี 2 รุ่นให้ได้ทดลองขับ โดยเริ่มจากรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 1.6 ลิตร i-DTEC Diesel Turbo แบบ 4 สูบ ขนาด 1.6 ลิตร พัฒนาภายใต้เทคโนโลยี Earth Dreams โดยให้กำลังสูงสุด 160 แรงม้าที่ 4,000 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร ที่ 2,000 รอบต่อนาที ซึ่งเทียบเท่ากับเครื่องยนต์ดีเซลขนาดใหญ่ ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด ที่ออกแบบให้มีอัตราทดเกียร์รองรับการใช้งานจริงในทุกสภาพการขับขี่ เพื่อช่วยลดภาระการทำงานของเครื่องยนต์ ตอบสนองต่อการขับขี่ และการเปลี่ยนเกียร์ได้อย่างนุ่มนวล

 

อีกหนึ่งรุ่น คือ เครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.4 ลิตร i-VTEC แบบ 4 สูบ 16 วาล์ว ที่พัฒนาภายใต้เทคโนโลยี Earth Dreams เช่นกัน โดยมีกำลังสูงสุด 173 แรงม้าที่ 6,200 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 224 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ CVT พร้อมรองรับพลังงานทางเลือก E85

 

โดยทั้ง 2 รุ่นของทริปคือรุ่นท็อปสุดจาก 2 สายพันธ์เครื่องยนต์ ซึ่งจะมากับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ E-DPS ทำงานโดยการส่งกำลังไปยังล้อหลังด้วยระบบไฟฟ้า ทั้งยังเพิ่มความแม่นยำของการปรับแรงบิดที่ล้อหน้า และล้อหลังให้สมดุลโดยอัตโนมัติ อย่างต่อเนื่อง และนุ่มนวลในทุกสภาพการขับขี่ โดยมีระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง (Vehicle Stability Assist – VSA) และระบบช่วยควบคุมการบังคับพวงมาลัย (Motion-Adaptive Electric Power Steering – MA – EPS) ทำงานควบคู่กันไป

 

 

ส่วนทางด้านระบบช่วงล่างนั้นก็มีการปรับปรุงแชสซีร์ขึ้นใหม่ และเลือกใช้ระบบกันสะเทือนหน้าแบบแม็คเฟอร์สันสตรัท และด้านหลังแบบมัลติลิงค์ พร้อมการติดตั้งเหล็กกันโคลงทั้งด้านหน้า และหลัง ตลอดจนการติดตั้งระบบ Dual Pinion Variable Ratio Electric Power-Assisted Rack-and-Pinion Steering (EPS) หรือระบบพวงมาลัยแบบ Dual พิเนียนพร้อมเพาเวอร์ผ่อนแรงแบบไฟฟ้า (EPS) ที่มีการปรับอัตราทดให้แปรผันได้อย่างเหมาะสมกับความเร็วที่ใช้

 

Test Drive : New Honda CR-V

ในส่วนของการทดสอบนั้น เราเริ่มต้นกับรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล 1.6 ลิตร i-DTEC Diesel Turbo ซึ่งยังคงสร้างความประทับใจได้ดีเหมือนครั้งก่อน โดยเฉพาะในเรื่องของอัตราเร่งที่มีให้ทุกครั้ง เมื่อต้องการกับเส้นทางทดสอบที่มีทั้งขึ้น – ลงเขา และดูเหมือนทริปนี้เราจะได้ลองขับกับเต็มที่ไม่น้อยทีเดียว กับเที่ยวแรกที่ฟ้าฝนกระหน่ำต้อนรับแบบไม่ลืมหู ลืมตา เลยทำให้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อได้โชว์ความสามารถเต็มที่ ซึ่งสร้างความยอดเยี่ยมให้ได้สัมผัสในการขับเคลื่อน และยึดเกาะบนถนนที่เปียกลื่น แม้จะใช้ความเร็วในระดับ 70-80 กม./ชม. วิ่งฝ่าสายฝน และแอ่งน้ำก็ตาม

 

เสร็จจากรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล ก็กระโดดขึ้นควบรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 2.4 ลิตร i-VTEC กันต่อทันที ท่ามกลางสายฝนบางๆ โดยความต่างอันดับแรกก็คือ เกียร์จะเป็นคันเกียร์ปกติ ไม่ได้เป็นเกียร์ไฟฟ้าแบบกดเหมือนรุ่นดีเซล ส่วนต่อมาก็คือสมรรถนะ เช่น การตอบสนองที่อาจจะไม่จัดจ้านเท่ารุ่นเครื่องยนต์ดีเซล แต่เป็นการถ่ายทอดกำลังแบบเนียนๆ และต่อเนื่อง จากการส่งกำลังของเกียร์อัตโนมัติ CVT ในช่วงออกตัว หรือความเร็วต่ำ แต่หากลอยลำจนได้ระดับความเร็วที่เหมาะสมกับแล้ว รุ่นนี้ก็เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่น่าสนใจไม่แพ้กัน

 

โดยเฉพาะหากใครที่ต้องการความนุ่มนวล และสบายในการขับขี่ เนื่องจากแม้จะใช้ช่วงล่างเหมือนกัน แต่ก็มีการปรับเซ็ทที่ต่างๆ กัน ซึ่งในรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลจะมีช่วงล่างด้านหน้าที่แข็งกว่ารุ่นเครื่องยนต์เบนซิน เพราะน้ำหนักที่ต่างกัน ในขณะที่เรื่องเสียงรุ่นเครื่องยนต์เบนซินก็มีความเงียบกว่า จากการติดตั้งระบบ Active Noise Control-ANC มาให้ ส่วนรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลที่มีเสียงค่อนข้างดังกว่า ก็เพราะว่าเสียงเครื่องยนต์ดีเซลเป็นคลื่นเสียงความถี่ต่ำ ที่จัดการได้ยาก แต่ในภาพรวมแล้ว เสียงที่ดังก็อยู่ในระดับที่รับได้ ไม่รบกวนมากเกินไป เพราะทั้ง 2 รุ่นก็มีการพัฒนาเพิ่มประสิทธิภาพในเรื่องของระบบ NVH – Noise Vibration Harshness Performance การลดเสียง แรงสั่นสะเทือน และความกระด้าง เช่นกัน

 

อีกหนึ่งจุดเรายังคงชื่นชอบก็คืออรรถรสในการขับขี่ จากน้ำหนักพวงมาลัยที่มีการปรับเซ็ทใหม่ ที่มากับระบบเพิ่มความคล่องตัวในการขับขี่ (Agile Handling Assist – AHA) และระบบช่วยควบคุมการบังคับพวงมาลัย (Motion-Adaptive Electric Power Steering – MA – EPS) ที่ทำให้ตอบสนองได้ดี เฉียบคม ทำให้ขับขี่ได้อย่างสนุก และมั่นใจมากขึ้น

 

สรุป New Honda CR-V 2017 ( ฮอนด้า ซีอาร์-วี ใหม่ ) ทั้ง 2 รุ่นนั้นมีความต่างกันบ้างในรายละเอียดบางอย่างด้านสมรรถนะ ซึ่งถ้าใครที่ชอบสไตล์เนียนๆ รุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 2.4 ลิตร i-VTEC คือตัวเลือกที่น่าสนใจ แต่ถ้าใครอยากได้ความจี๊ดจ๊าดเร้าใจ และของใหม่ ล่ะก็รุ่นเครื่องยนต์ดีเซล i-DTEC Diesel Turbo เป็นคำตอบที่ดีที่สุด

 

แกลลอรี่ New Honda CR-V 2017

[embedyt] https://www.youtube.com/watch?v=ICKycW82u4g[/embedyt]

 

ชม  แกลลอรี่ New Honda CR-V 2017 (ต่อ)


ราคารถยนต์ใหม่

ราคารถยนต์ New Honda CR-V 2017 ( ฮอนด้า ซีอาร์-วี ใหม่ ) รุ่น DT-EL 4WD ราคา 1,699,000 บาท
ราคารถยนต์ New Honda CR-V 2017 ( ฮอนด้า ซีอาร์-วี ใหม่ ) รุ่น DT-E ราคา 1,549,000 บาท
ราคารถยนต์ New Honda CR-V 2017 ( ฮอนด้า ซีอาร์-วี ใหม่ ) รุ่น 2.4 EL 4WD ราคา 1,549,000 บาท
ราคารถยนต์ New Honda CR-V 2017 ( ฮอนด้า ซีอาร์-วี ใหม่ ) รุ่น 2.4 E ราคา 1,399,000 บาท

* สำหรับสีขาวออร์คิด (มุก) เพิ่ม 12,000 บาท และสีดำคริสตัล (มุก) เพิ่ม 8,000 บาท

 

บทความแนะนำเกี่ยวกับ Honda

รีวิว : Honda Civic Hatchback ใหม่ แบบโหดๆเดี่ยวๆ ที่หล่อ แรง เกินห้ามใจกับขุมพลัง 1.5 ลิตร VTEC Turbo ในทุกรูปแบบการใช้งาน

เปรียบเทียบ Honda Accord 2018 & Toyota Camry 2018 แบบเกาะหน้าตู้ “ส่องดูของ” 2 ตัวท็อป ระดับ “เบอร์ตอง”

ใหม่ HONDA Mobilio 2017-2018 เน้นความสำคัญในการตอบโจทย์ลูกค้า ด้วยความ “คุ้มค่า” ทั้งสมรรถนะ และราคา