รีวิว : All New Suzuki Swift ยกฝูงตีเมืองเหนือ สัมผัสสมรรถนะแบบครบรส
บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ทำเซอร์ไพรส์สายฟ้าฟาดร่อนหมายเชิญทดสอบทันที หลังเปิดตัว All New Suzuki Swift ไม่ถึงอาทิตย์ งานนี้จะพลาดได้ไง เพราะในเมื่อมี “เชียงใหม่” เป็นปลายทาง ทั้งจากอากาศที่เย็นสบาย และเส้นทางสายรองที่มากมาย (และอะไรอีกหลายอย่าง) คือ สิ่งที่น่าสนใจ แต่เหนืออื่นใด All New Suzuki Swift คือเป้าหมายที่น่าสนกว่า เพราะแค่ได้ “ส่อง” จากวันเปิดตัวมันก็มีหลายสิ่ง หลายอย่างที่ยั่วให้อยากลองขับในเร็ววัน จนกระทั่งเทียบเชิญถูกร่อน
All New Suzuki Swift กับลุคที่เปลี่ยนไป
ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) เปิดตัว Suzuki Swift เจนเนอเรชั่นล่าสุด มากับการพัฒนาขึ้นภายใต้คอนเซ็ปต์ “INNOVATION – Fun & Sporty” ซึ่งปรับรูปลักษณ์ขึ้นใหม่ทั้งหมด ตั้งแต่ภายนอกที่ดูมีความเป็นยุโรป ภายใต้งานดีไซน์ตามหลักอากาศพลศาสตร์ บนมิติตัวถังความยาว 3,840 มม. ความกว้าง 1,735 มม. ความสูง 1,495 มม. พร้อมระยะฐานล้อที่ยาว 2,450 มม.
ในขณะที่ความกว้างแทรคล้อหน้า-หลังนั้นมีความแตกต่างกัน โดยงานนี้มี 2 รุ่นย่อยให้เลือก ระหว่างรุ่นรอง GLX และรุ่นท็อป GLX-Navi ซึ่งมีความกว้างแทรคล้อด้านหน้าอยู่ที่ 1,520 มม. และด้านหลังที่ 1,525 มม. (รุ่น GA และ GL จะอยู่ที่ 1,530 มม.)
ส่วนรายละเอียดของออพชั่นภายนอกก็จัดมาให้ค่อนข้างครบทีเดียว เช่น กระจังหน้าสีดำดีไซน์สปอร์ตตกแต่งด้วยลายเส้นสีแดง รับกับความโฉบเฉี่ยวของชุดโคมไฟหน้าแบบ LED Projector ที่มาพร้อมระบบปรับสูง-ต่ำ พร้อมด้วยสิ่งที่ผมชอบที่สุดก็คือ ชุดไฟ Daytime Runing Light ที่ช่วยเพิ่มความสะดุดให้กับมุมมองด้านหน้ามากขึ้น รวมถึงในด้านหลังที่มากับความเฉียบจากดีไซน์ไฟท้าย LED รูปทรง C-Shape
ส่วนด้านข้างนั้นมากับอารมณ์สปอร์ตราวกับรถ 3 ประตูด้วยการซ่อนมือจับเปิดประตูคู่หลังไว้ที่เสา C-Pillar สีดำอย่างแนบเนียน แต่แอบขัดใจเล็กๆ ตรงล้ออัลลอยด์ดีไซน์ใหม่ ซึ่งในเรื่องของขนาดที่มากับ 16 นิ้วพร้อมยาง 185/55 R16 นั้นเป็นเรื่องที่ดี แต่จะดีกว่านี้ถ้าใส่ความสปอร์ต ความเฉียบคมเข้าไปในดีไซน์ของล้อให้มากกว่านี้
ภายในสุดเจ๋ง แต่เรื่องรายละเอียด “สี” ผมคิดว่าเปลี่ยนก็ดีนะ
ห้องโดยสารสร้างความน่าตื่นเต้นมาก โดยเฉพาะในเรื่องของงานดีไซน์ที่เต็มไปด้วยอารมณ์ความสปอร์ต เช่น การเลือกใช้โทนสีดำ, คอนโซลกลางด้านหน้าที่หันองศาเข้าหาคนขับ เพื่อให้สามารถใช้งานได้สะดวกมากขึ้น ที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือ เบาะนั่งดีไซน์สปอร์ตที่น่าประทับใจ เช่นเดียวกับพวงมาลัยสปอร์ตทรง D-Shape แบบ 3 ก้านหุ้มหนัง และความอเนกประสงค์จากเบาะนั่งด้านหลังที่ปรับ-พับได้แบบ 60:40
ตามด้วยมาตรวัดแบบสปอร์ตตกแต่งด้วยเส้นสายสีแดง พร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ LCD …. ติดอยู่นิดนึงตรงรายละเอียดการตกแต่งบริเวณแผงประตู และบนคอนโซล กับการเลือกใช้วัสดุสีขาว และมีพื้นผิวที่ไม่ราบเรียบ อาจทำให้คนรักรถ “หัวเสีย” ได้ง่ายๆ เนื่องจากคราบความสกปรกที่จะเห็นได้เด่นชัด
ส่วนเรื่องของระบบความบันเทิงนั้นไม่มีอะไรให้สะดุดใจ เพราะเค้าให้มาเต็ม โดยเฉพาะรุ่นท็อปที่ราวกับยกหน้าจอของซีดานรุ่นพี่ในค่ายมาใส่ เช่น ระบบ Suzuki Smart Connect ที่ควบคุมผ่านหน้าจอแสดงผลขนาด 7 นิ้ว รองรับระบบเครื่องเสียง MP3, WMA, SD Card, USB และ AUX และระบบนำทาง Navigator, ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์ Bluetooth พร้อม Apple CarPlay สำหรับ iOS
เส้นทางทดสอบแบบ Initial D ผสม Midnight Wangan
ผมจะไม่รู้ถึงความเจ๋งของ Swift มากเท่านี้ ถ้าไม่ได้ความช่วยเหลือจากเส้นทางทดสอบ ที่ราวกับหยิบยืมมาจากการ์ตูนดังเรื่อง Initial D รวมกับ Midnight Wangan นั่นเพราะเส้นทางจากจุดสตาร์ทบนเขา ไปอีกราว 12 กม. คือ ถนนที่ดิ่งลงเขาที่ต้องเจอกับอะไรมากมาย เช่น รถที่สัญจรร่วมเส้นทาง และโค้งซ้าย-ขวามากมายที่มีทั้งองศาโหดๆ และกว้างพอจะใช้ความเร็วได้
และพอเมื่อลงมาถึงถนนหลักด้านล่างก็เจอกับสภาพการจราจรปกติ แต่ก็มีโค้งเล็กๆ ให้เล่น ก่อนจะเข้าสู่ถนนวงแหวนรอบ 2 ของจังหวัดเชียงใหม่ที่ไร้ซึ่งสัญญาณไฟ จนสามารถซิ่งได้เหมือนการ์ตูนเรื่อง Midnight Wangan แต่ต่างกันก็ตรงที่เพื่อนร่วมเส้นทาง ซึ่งไม่ใจดีเท่าไหร่ และรถราก็ไม่ได้โล่งเหมือนอย่างในการ์ตูน แต่ก็มากพอจะจุ่มคันเร่งทำ High Speed กันได้อย่างไม่เคอะเขิน
เปิดปูมความลับสุดมันส์ในการขับ All New Suzuki Swift
และด้วยเส้นทางทดสอบดังกล่าว ทำให้ All New Suzuki Swift สามารถแสดงคุณสมบัติอันโดดเด่นออกมาให้ได้สัมผัสอย่างเต็มที่ในด้านของสมรรถนะจาก ขุมพลังบล็อคใหม่ล่าสุด รหัส K12M ความจุ 1.2 ลิตร ที่มาพร้อมเทคโนโลยี Dual Jet หัวฉีดแบบคู่ ที่สามารถฉีดจ่ายเชื้อเพลิงได้อย่างละเอียด พร้อมการติดตั้ง Idling Stop เพื่อให้เกิดการใช้เชื้อเพลิงอย่างมีประสิทธิภาพ และมีความประหยัดสูงสุดในระดับที่มากกว่า 23 กม./ลิตร
โดยพละกำลังที่มีให้ใช้นั้นอยู่ที่ 83 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิด 108 นิวตันเมตรที่ 4,400 รอบต่อนาที ส่งกำลังสู่ระบบขับเคลื่อนล้อหน้าด้วยเกียร์อัตโนมัติ CVT ซึ่งระดับแรงม้านั้น “ลดน้อยลง” กว่าเจนเนอเรชั่นที่แล้ว แต่จุดเด่นที่สำคัญกว่าก็คือ แพลทฟอร์มใหม่ HEARTEC ที่พัฒนาขึ้นใหม่ ทำให้น้ำหนักเบาลงกว่าเจนเนอเรชั่นที่แล้วถึง 30 กก. ทำให้อัตราส่วนแรงม้าต่อน้ำหนักอยู่ในระดับที่ดีขึ้น ส่งผลให้การตอบสนองของเครื่องยนต์นั้นเรียกว่ามีความ “ทันใจ” กว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด
นอกจากนี้เส้นทางลงเขา 12 กม. จากจุดสตาร์ท ยังทำให้เห็นถึงพัฒนาการของโครงสร้างแชสซีร์ และระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบแม็คเฟอร์สันสตรัท และด้านหลังแบบทอร์ชั่นบีม ที่มาพร้อมคอยล์สปริง ทำงหน้าที่สร้างเสถียรภาพ และการยึดเกาะถนนได้อย่างน่าประทับใจ สังเกตได้จากระดับความเร็วที่ใช้ในโค้ง ซึ่งมากกว่าที่เพื่อนร่วมทางใช้ แต่ยังสามารถควบคุมได้สบายๆ
ซึ่งต้องยกความดีให้กับช่วงล่างเป็นอันดับแรก ตามด้วยระบบพวงมาลัยแบบแร็ค แอนด์ พิเนี่ยนที่น่าจะมีการปรับเซ็ทขึ้นใหม่ จนรู้สึกได้ถึงความเฉียบคมที่มากขึ้น ประกอบกับอัตราการตอบสนองของเครื่องยนต์ที่ฉับไว ทำให้ All New Suzuki Swift พกพาความสุนกในการขับขี่มาให้แบบ “เต็มคันรถ” เลยทีเดียว ทำให้การทดสอบบนเส้นทางแบบ Midnight Wangan บนถนนเส้นวงแหวนรอบ 2 ของจังหวัดเชียงใหม่ เต็มไปด้วยรสชาติการขับ บนพื้นฐานของความมั่นใจ ไม่ว่าจะทั้งในเรื่องของการควบุคม การโฉบเปลี่ยนเลน ทั้งในความเร็วต่ำ และความเร็วสูงระดับ 140 – 150 กม./ชม. เลยทีเดียว
แถมด้วยความมั่นใจที่มากขึ้นจากระบบเบรกที่ทั้งรุ่นรอง และรุ่นท็อป นั้นจัดดิสก์เบรก 4 ล้อมาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน พร้อมด้วยตัวช่วยระบบความปลอดภัยที่ครบเครื่องด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นระบบเบรกป้องกันล้อล็อค ABS, ระบบกระจายแรงเบรกอิเล็กทรอนิกส์ EBD, ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ESP, ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TCS และตัวช่วยสำคัญที่ผู้บริโภคชาวไทยรอคอยอยู่ กับ ระบบช่วยออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน Hill Hold Control
และด้วยพัฒนาการของ All New Suzuki Swift เจนเนอเรชั่นที่ 3 แบบก้าวกระโดดในระดับนี้ คงทำให้ผมไม่ผิดที่จะบอกว่า ถ้าคิดจะเริ่มต้นชีวิตด้วยการคิดซื้อรถที่ “คุ้มค่า” ซักคันล่ะ All New Suzuki Swift นี่ล่ะครับ เหมาะสมที่สุดแล้ว ณ ตอนนี้
ราคารถใหม่ All New Suzuki Swift
รุ่น GA CVT ราคา 499,000 บาท
รุ่น GL CVT ราคา 536,000 บาท
รุ่น GLX CVT ราคา 609,000 บาท
รุ่น GLX-Navi CVT ราคา 629,000 บาท