รีวิว : Toyota Hilux Revo GR Sport กับ 15 บทสรุป หลังการขับ เซ็ตช่วงล่างมาได้ถูกใจ
หลังการเปิดตัวรุ่นตกแต่งพิเศษ เพื่อสืบทอดสายพันธุ์ความสปอร์ตให้กับ Toyota Hilux Revo GR Sport เพื่อเป็นทางเลือกให้กับชาว 4×4 ที่ต้องการอารมณ์ที่เป็นสปอร์ต พร้อมยังคงความสามารถในการผ่านอุปสรรคในแบบออฟโรดได้อีกด้วย โดยคราวนี้ทางทีม iamcar เราได้ทดลองขับ พร้อมกับจะมาบอกเล่า บทสรุป การขับขี่ในครั้งนี้ให้ได้เป็นแนวทางในการเก็บไว้พิจารณาเป็นตัวเลือกสำหรับคนที่มองหารถกระบะ 4 ประตู ขับเคลื่อน 4 ล้อกัน
ก่อนหน้านี้ไม่ว่าจะค่ายไหนก็ตาม เรามักจะเห็นการตกแต่งรุ่นพิเศษ หรือรุ่นที่มีคาแร็กเตอร์อันชัดเจน ผ่านการดีไซน์เพื่อสร้างอารมณ์เพียงเท่านั้น ไม่ได้ปรับในเรื่องของ สมรรถนะ ให้เป็นไปตามคาแร็กเตอร์นั้นด้วย แต่ช่วงหลังมานี้ผู้ผลิตในตลาดต่างปรับรุ่นพิเศษให้มีคาแร็กเตอร์ที่เด่นชัด พร้อมกับปรับในเรื่องของสมรรถนะด้วย เนื่องจากการแข่งขันที่สูงขึ้น
อย่างที่ทราบ หลังการเปิดตัว Toyota Hilux Revo GR Sport นี่คือผลิตผลที่ได้รับแรงบันดาลใจจากรถแข่งใน WRC หรือ World Rally Championship ผ่านการสร้างสรรค์โดย Toyota Gazoo Racing และต่อไปนี้คือ บทสรุป ความเห็นหลังการทดสอบขับขี่
15 บทสรุป หลังการขับขี่
1. สำหรับ Hilux Revo GR Sport เป็นการนำเอาตัวท้อป ของขับ 4 ยกสูง (4×4) Hi-Floor มาทำอีกที ดังนั้นจึงได้ความพรีเมี่ยม ได้ออปชั่นในเกรดสูงสุดอยู่แล้ว
2. ความที่เป็นรถกระบะขับเคลื่อน 4 ล้อ ยกสูง เรามักจะคุ้นชินกับความ บึกบึน ความแกร่ง ความดูมีมัดกล้าม แต่พอเป็น GR Sport ดูแล้วจะแตกต่างไปอีกแบบ ดูซิ่ง ดูสปอร์ตที่จะอยู่บนถนนทางเรียบมากขึ้น ตรงนี้ก็แล้วแต่ความชอบส่วนบุคคล รสนิยมใครก็รสนิยมใคร
3. ล้อแม็กลายใหม่ขนาด 18 นิ้ว ถ้าให้เทียบก็ต้องอ้างไปถึงตัว Rocco ที่เป็นขอบ 18 นิ้วเหมือนกัน แต่คนละดีไซน์ ใช้ยางขนาดเดียวกัน 265 / 60 R 18 แต่ใน GR Sport ใช้ยางคนละยี่ห้อกับ Rocco และเป็นยาง HT ซึ่งต่างกับ Rocco ที่เป็นยาง AT
4. ภายในได้ ฟีลลิ่ง ร้อนแรง แบบรถสปอร์ต แต่เดิมถ้าเป็นโตโยต้าในแทบทุกรุ่น จะใช้โทนสีฟ้า เข้ามาคุมโทนอารมณ์ภายในห้องโดยสาร แต่ GR Sport คือเน้นความร้อนแรง สีแดงจึงเป็นโทนที่เข้ามาคุมแทน ดังนั้นจะได้การตกแต่งที่เป็นสีแดงเข้ามาเสริมเช่น มาตรวัดไมล์แดง พวงมาลัยด้ายแดง เบาะนั่ง เป็นต้น
5. พวงมาลัยจับกระชับกว่าเดิม เมื่อเทียบกับ Rocco โดยหนังตรงช่วงกริ๊ปเป็นแบบรู ตะเข็บด้ายแดงไม่แข็ง จับแล้วนุ่มนวลไม่รู้สึกระคายมือของตะเข็บ อวบเต็มมือจับได้ถนัดมาก
6. เป็นรถกระบะขับสี่ ที่ได้ Paddle Shift ด้วย นอกจากจะได้ ฟีลลิ่ง ที่สปอร์ตซิ่งแล้ว ยังมีประโยชน์อย่างมากเวลาที่ต้องการจะเปลี่ยนเกียร์เอง เพราะทำได้รวดเร็วขึ้น
7. น้ำหนักพวงมาลัย รู้สึกว่าหมุนได้เบามือกว่าเดิม (เล็กน้อย) เมื่อเทียบกับ Rocco ทั้งที่ไม่ได้มีการปรับเซ็ตอะไรเลย ยังคงเป็นแบบ เพาเวอร์ผ่อนแรงด้วยไฮดรอลิกเหมือนเดิม แต่คาดว่าน่าจะเป็นผลมาจากการปรับเซ็ตช่วงล่าง ล้อและยาง จึงทำให้ผู้เขียนรู้สึกหมุนได้สบายแขนขึ้นกับน้ำหนักพวงมาลัยใน GR Sport เพราะตอน Rocco ยังรู้สึกว่าหนักมือกว่านี้
8. เบาะนั่งมีความสปอร์ตที่ชัดเจนมาก ด้วยรูปทรง ด้วยวัสดุ Suede แบบเจาะรูที่เป็นส่วนสัมผัส ผสมกับหนังสังเคราะห์ที่เป็นส่วนปีกซับพอร์ต ซึ่งผู้เขียนบอกเลยว่า นี่เป็นเบาะสปอร์ตที่ใช้ฟองน้ำ เนื้อค่อนไปทางแข็ง แต่เป็นแข็งแบบเฟิร์มแน่น เป็นอีกหนึ่งจุดที่ทำได้โดนใจมาก นั่งนานๆ แล้วไม่เมื่อยเลย ทั้งๆ ที่เคยคอมเม้นท์บ่อยเหมือนกันว่า หลังๆ มาหลายรุ่น โตโยต้าทำเบาะนั่งได้ดี แต่ตัว GR Sport นี้ ดีถูกใจขึ้นไปอีก
9. การเก็บเสียงเป็นอีกสิ่งที่กระบะ 4 ประตูอย่าง Hilux Revo GR Sport ทำได้ดีในระดับที่ต้อง เอ่ย ถึงซึ่งเมื่อเทียบกับของเดิมก็ทำมาเงียบแล้วแหละ เป็นอีกจุดเด่นที่ต้องเขียนถึง โดยเฉพาะการเก็บเสียงลมด้านข้าง และจากพื้นถนน ส่วนเสียงเครื่องยนต์ต้องมีบ้างอยู่แล้ว
10. ไฮไลท์สำคัญคือ ช่วงล่าง เซ็ตมาใหม่ทั้งหมด ด้านหน้าสปริงชุดใหม่ ด้านหลังแหนบชุดใหม่ กลับมาใช้แหนบ 5 แผ่น เมื่อเทียบกับ Rocco ที่เซ็ตเป็น 3 แผ่น แต่ 5 แผ่นนี้ก็ถูกเซ็ตใหม่เช่นกัน ส่วนการหยุดเต้นของสปริงได้ ช็อคอัพ ชุดใหม่ทั้ง 4 ต้นแบบ Mono tube จาก KYB กระบอกใหญ่
11. ถ้าใครที่เคยขับรถที่ใส่ ช็อคอัพแบบสตรัทปรับเกลียว หรือโช้คซิ่ง อะไรทำนองนั้น คงนึกฟีลลิ่งออก ซึ่ง Hilux Revo GR Sport ก็เป็นแบบนั้นเลย เมื่อขับคนเดียว หรือเต็มที่ไปกัน 2 คน บนถนนดำ จะรู้สึก นิ่ง แต่ด้านหลังจะมีอาการ “ตอด” เบาๆ ให้พอรู้สึก ซึ่งอาการตอดที่ด้านหลังนี้ไม่ได้กระเทือนแต่อย่างใด อาการโยน หรือโคลงขณะเข้าโค้งน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด มีความกระเดียดไปทางรถเก๋ง เพราะส่วนมากเวลาเข้าโค้งของรถกระบะ พอจะรับรู้ได้ถึงอาการแยกส่วนระหว่างตัวถังกับแชสซีส์ แต่ GR Sport ดูมีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันมากขึ้น
12. บนทางเรียบ หรือถนนดำ จากคำบอกเล่าของผู้โดยสารด้านหลัง (ตากล้อง) เค้าว่า “แข็งไป” แต่อีกคนที่ผู้เขียนให้มาลองนั่ง เค้าบอกชอบมาก เพราะแข็งแบบนี้นั่งสบายไม่เวียนหัว อาการย้วยน้อยมาก แต่ผู้เขียนที่ทำหน้าที่ขับโดยตลอด เมื่อมีผู้โดยสารที่มากขึ้น (4คน) กลับรู้สึกว่า ด้านหลังออกการนุ่มลงไปชัดเจน จนเริ่มจะไปทางย้วยนิดๆ ตามนิสัยรถกระบะง่ายไปหน่อย จึงสรุปเอาว่าช่วงล่างชุดนี้เซ็ตมาถูกใจผู้เขียนมาก การยุบตัวจังหวะบั๊มไม่เยอะ จังหวะรีบาวนด์ก็ไม่ยืดเร็วไป เพียงแต่พอเจอน้ำหนักบรรทุกที่เริ่มมากขึ้นกลับเปลี่ยนนิสัยไวไปหน่อย
13. เรื่องความแข็งกระด้างนี้ คงจับมาสรุปเป็นบรรทัดฐานเดียวกันไม่ได้ เพราะอย่างผู้เขียนเอง ก็รู้สึกว่าแบบนี้กำลังดี ไม่แข็งไม่นุ่มไป ส่วนตากล้องกลับรู้สึกแข็ง หรือสมาชิกอีกคนหนึ่งกลับชอบบอกว่าไม่แข็งเลย บทสรุปเรื่องความแข็งกระด้างของระบบช่วงล่างบอกได้อย่างเดียวว่า “ความแข็งนุ่มของเรา..ไม่เท่ากัน” ดังนั้นต้องมีตัวเปรียบเทียบ
14. จากเดิมที่คิดว่า ช่วงล่าง GR Sport จะเน้นซิ่งบนถนนปกติ และไม่น่าแสดงประสิทธิผลได้ดีนักบนทาง ลูกรัง เป็นหลุมบ่อ นั่นเป็นความคิดที่ผิดถนัด เพราะเมื่อขับเข้าทางลูกรัง หรือดินแดงๆ เป็นหลุมบ่อ ช่วงล่างชุดนี้กลับทำได้ดีเอามากๆ ดีกว่าบนถนนปกติเสียอีก สามารถใช้ความเร็ว รูด ผ่านหลุม ผ่านแอ่งน้ำ ผ่านหินดินลูกรังไปได้สบายๆ รถมีอาการนิ่งทีเดียว เหมาะแก่การขับเข้าสวนเข้าไร่ ที่ให้อารมณ์เหมือนขับบนทางด่วนเลยทีเดียว และนี่เองน่าจะส่งผลถึง แฮนด์ลิ่งพวงมาลัยที่ คมจัด ที่ไม่เคยเจอมาก่อนในรถกระบะแบบถอยออกจากโชว์รูม
15. สุดท้ายคงต้องให้อีก 1 like สำหรับความใส่ใจในรายละเอียด ที่ไม่เจอมานานในโตโยต้า นั่นคือ กุญแจ ที่มีสัญลัษณ์โลโก้ GR Sport บ่งบอกถึงความพิเศษเฉพาะรุ่น เพราะเรื่องที่อาจเห็นว่าเล็กน้อยเช่นนี้ ก็เป็นความรู้สึกที่มากพอสำหรับผู้บริโภค