รีวิว : Toyota Yaris รุ่น G แฮทช์แบ็ก ของคนวัยมันส์ น่าจะถูกใจสายชิลล์
นี่คือ รถยนต์ อีโคคาร์ รุ่นท้อปสุดแล้ว จากค่ายโตโยต้า ในตัวถัง แฮทช์แบ็ก สำหรับ Toyota Yaris รุ่น G ที่ตอบโจทย์ ผู้ที่กำลังมองหา รถยนต์ อีโคคาร์ สักคัน ในแบบบอดี้ แฮทช์แบ็ก 5 ประตู ที่ไม่ว่าจะไปไหนก็หาที่จอดได้อย่างง่ายดาย จุของชิ้นโตๆ ก็สบาย แถมยังกินน้ำมันไม่จุอีกด้วย กับ ราคา 619,000 บาท ในรุ่นท้อปที่แทบจะไม่ต้องตกแต่งอะไรเพิ่มเติมอีกแล้ว
ครั้งนี้ผู้เขียนมีเวลาอยู่ โตโยต้า ยาริส แฮทช์แบ็ก อยู่นานพอสมควร จนจับอาการได้หลายอย่าง และพอจะมาเล่าสู่กันอ่าน ว่าตรงไหนเป็นอย่างไร เพื่อประกอบในการตัดสินใจสำหรับผู้กำลังมองหา รถยนต์ อีโคคาร์ สักหนึ่งคันไว้ใช้ในชีวิตประจำวัน โดยจะขอข้ามข้อมูลรถไปบ้าง
ภายนอกจัดเต็ม ไม่มีอะไรให้ต้องเพิ่ม
เมื่อครั้งเปิดตัวใหม่ๆ หลายเสียงพูดเป็นคีย์เดียวกัน ถึงหน้าตา ดีไซน์ ที่ออกแนวตรงใจวัยรุ่น ซึ่งใน Yaris รุ่น G ถือเป็นรุ่นท้อป ออปชั่นมาเต็ม ตั้งแต่ไฟหน้าที่เป็นโปรเจ็คเตอร์ พร้อม LED Light Guiding ฝังอยู่ในโคม พร้อมด้วย LED Daytime Running Light ที่ค่อนข้างสว่างเอาเรื่องทีเดียว เท่านั้นไม่พอ มีไฟตัดหมอกทรงกลมอีกข้างละดวง
ที่จะต่างจากรุ่น 4 ประตู Ativ เห็นจะเป็นแนวเส้นสีแดงที่คาดด้านหน้า และโคมกระจกมองข้าง ด้านหลังบนหลังคายังเอาใจวัยรุ่นแบบสุดตัวด้วย ครีบฉลาม ซึ่งเป็นเสารับสัญญาณวิทยุ จัดเป็นของที่หลายคนต้องการให้มีติดมาจากโรงงาน
ส่วนด้านท้ายตามสไตล์ แฮทช์แบ็ค กลุ่มเป้าหมายส่วนใหญ่ที่มองรถทรงนี้ ก็เพื่อเน้นความเป็น sporty แต่เชื่อหรือไม่ นอกจากความ sporty แล้ว เจ้ารุ่นแฮทช์แบ็คนี่แหละ ที่สร้างความต่างไปจากเก๋ง 4 ประตู ตรงเบาะนั่งหลังนั้น พับได้ เพื่อเพิ่มเนื้อที่การขนสัมภาระ ยิ่งใครที่ชอบแบกของใหญ่ๆ ยาวๆ เจ้ารถ 5 ประตูท้ายตัดนี่แหละ จุของได้มากกว่าที่เห็นด้วยตา
ภายในกว้าง ไม่ต่างจากรถขนาด 1.5 ลิตร
ถ้านับตั้งแต่ ยาริส รุ่นแรกที่เป็นเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร จนผ่านมาถึงยาริสรุ่น 2 ที่เป็นเครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร ขนาดตัวถังก็ไม่ได้ลดลงไปเลย จนมาถึง ยาริส รุ่นล่าสุด 2018 แม้จะพกเครื่องยนต์พิกัด 1.2 ลิตร แต่ตัวถังกลับไม่เล็กตาม โดยเบาะนั่งเป็นแบบผ้าทั้งคัน เบาะหลังพับแยกได้ 60:40
พวงมาลัยปรับระดับได้ 2 ทิศทางขึ้น-ลง ขนาดอวบกระชับกำลังดี ใช้วัสดุเดียวกันกับตัวคอนโซล เป็นแบบเพาเวอร์ไฟฟ้า EPS น้ำหนักตึงมือเล็กๆ พร้อมมัลติฟังก์ชั่นที่ก้านพวงมาลัย ควบคุมเครื่องเสียง และรับสายโทรศัพท์ รวมถึงก้านสวิทช์ควบคุมไฟส่องสว่างเป็นแบบ เปิด-ปิดอัตโนมัติ
บนคอนโซลกลางเป็นที่อยู่ของเครื่องเสียงแบบมีช่องเสียบ CD 1 แผ่น USB 1 ช่อง และ AUX ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ แสดงอุณภูมิแบบดิจิตอล พร้อมด้วยความไฮเทคแบบยุคนี้ต้องมีด้วยกุญแจระบบ Smart Entry และปุ่ม Push Start รวมถึงติดตั้งเซนเซอร์ถอยหลังมาให้จากโรงงานเลยทีเดียว
1.2 ลิตร แรงสั่งได้ ถ้ารีบ
หัวใจของ ยาริส ใหม่นั้นยังคงมีขนาดแบบ อีโคคาร์ 1.2 ลิตร ใช้เครื่องบยต์บล็อก 3NR-FE แถวเรียง 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว Dual VVT-I ให้กำลังสูงสุด 86 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 108 นิวตัน-เมตรที่ 4,000 รอบ/นาที ถ่ายทอดกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ CVT รางเกียร์เป็นแบบขั้นบันได มีโหมด S เมื่อต้องการกำลัง
ระบบต่างๆ เพียบ เหนือความเป็น อีโคคาร์
จุดขายเรื่องความปลอดภัยที่ โตโยต้า ใส่มาให้ คือ แอร์แบ็ก ที่มีให้ถึง 7 จุด มากสุดในรถระดับเดียวกัน ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว VSC และระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC ก็มีให้ รวมถึงระบบ HAC หรือ Hill Start Assist Control ซึ่งคือ ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชันก็ยังมีให้อีกเช่นกัน นี่ยังไม่นับระบบเบรก ABS พร้อม EBD และ BE เพื่อเสริมแรงเบรกอีกด้วย
บทสรุปหลังการขับขี่
ในส่วนของกำลังของเครื่องยนต์ตอบสนองได้ดีตามกำลังแรงม้าที่มีให้ อย่าลืมว่านี่เป็น อีโคคาร์ แม้ไม่จัดจ้านมาก แต่ตอบสนองได้ดีต่อเนื่อง ถ้าเป็นคนที่ชินกับการขับรถเครื่องใหญ่มาก่อน อาจจะต้องเติมคันเร่งเพิ่มนิดเพื่อให้ได้กำลัง
พวงมาลัยตอบสนอง การลัดเลาะ ซอกแซก บนการจราจรที่คับคั่งได้อย่างดี ไม่ต้องหมุนพวงมาลัยเยอะ แต่ถ้าขอได้ อยากให้โตโยต้า เพิ่มทิศทางการปรับตำแหน่งของพวงมาลัยเป็น 4 ทิศทาง ขึ้น-ลง เข้า-ออก ได้อะไรทำนองนี้ จะได้ปรับท่านั่งได้กระชับยิ่งขึ้น
เรื่องความเร็วแม้ผมจะอยากลองความเร็วแค่ไหน ก็ทำได้แค่ความเร็วเดินทาง ราว 120 + นิดหน่อย เพราะเดี๋ยวนี้กล้องบนถนนมีอยู่เพียบ ซึ่งความเร็วระดับเดินทางไกล รถยังทรงตัวได้ดี ไม่ต้องเพ่งสมาธิ ยิ่งได้ในเรื่องความเงียบ และนุ่มของห้องโดยสาร ซึ่งต้องยกให้เป็นจุดเด่น ที่โตโยต้าทำออกมาได้ดี ทำให้การขับขี่ ดูชิลล์ และไม่รู้สึกเครียดแต่อย่างใด
ในด้านความสิ้นเปลือง แม้จะไม่ได้โฟกัสแบบเป็นเรื่องเป็นราว แต่เท่าที่กดดูจาก information บนมาตรวัด และการสังเกตอยู่ตลอด ในเวลาที่ผู้เขียนขับเร็ว และไม่เคยที่จะเกร็งเท้าขวาเพื่อปั้นตัวเลข ก็เห็นตัวเลขเฉลี่ยอยู่ประมาณ 15-16 กม./ลิตร ตลอด
อีกจุดที่โดนใจผู้เขียนไม่น้อยไปกว่าที่เล่ามาแล้วข้างต้น ก็คือ ไฟหน้าแบบ เปิด-ปิด อัตโนมัติ ซึ่งสะดวกมากเวลาใช้งาน แนะนำเลยว่า ใครที่ซื้อ Toyota Yaris รุ่น G หรือรุ่นท้อปนั้น ให้บิดสวิทช์ไฟหน้า ไปยังตำแหน่ง auto แล้วคุณจะใช้งานได้แบบไม่ต้องมีอะไรให้ต้องกังวล ลงอุโมงค์ เข้าที่มืด ไฟหน้าก็เปิดให้เอง ถึงบ้านดับเครื่อง ไฟหน้าก็ปิดให้เอง แล้วอย่างนี้จะไม่โดนใจสายชิลล์ยังไงไหว