“ซ่อม” ไหนดี ระหว่าง “ศูนย์” และ “อู่” … เมื่อ “ประกันหมด”
แทบจะเรียกว่าเป็น “ปัญหาโลกแตก” ของผู้ใช้รถเลยก็ว่าได้ เมื่อ “ประกันหมด” แถมรถถึงคราวต้อง “ซ่อม” งานนี้จะเลือกอะไรดี ระหว่าง “ซ่อมศูนย์” หรือ “ซ่อมอู่” เพราะแต่ละอย่างก็มี “จุดดี” และ “จุดด้อย” แตกต่างกันออกไป ซึ่งจะให้เราช่วย “ฟันธง” คงเป็นอะไรที่ “ยาก” … ฉะนั้นเลยคิดว่าลองทำความรู้จัก “ข้อแตกต่าง” ระหว่างการซ่อมทั้ง 2 แบบให้มากขึ้นอีกนิด น่าจะช่วยเพิ่มโอกาสในการตัดสินใจได้ไม่มากก็น้อย
เราขอเริ่มต้นด้วยการ “ซ่อมศูนย์” หรือที่เรียกกันติดปากว่า “ซ่อมห้าง” ซึ่งหมายถึงศูนย์บริการเดียวกันกับแบรนด์รถยนต์ที่เราใช้งานนั่นแหละ เพราะ “ข้อดี” ก็คือ ได้ความมั่นใจ และอุ่นใจในหลายๆ อย่าง ภายใต้มาตรฐานที่แต่ละแบรนด์เป็นผู้กำหนดให้เหมือนกันทั่วประเทศ เช่น
“อะไหล่” ที่รับประกันเลยว่าได้ “ของแท้” สั่งตรงจากโรงงานรถยนต์ ตรงแบรนด์ ตรงรุ่นอย่างแน่นอน
“งานซ่อม” คือ อีกหนึ่งเรื่องที่การ “ซ่อมศูนย์” ตอบโจทย์ได้มากกว่า ด้วยแผนกงานซ่อมที่ครบครัน
“ทีมช่าง” อันนี้บอกได้เลยว่าสบายใจได้ เพราะแต่ละคนได้ผ่านการฝึกอบรม มาเป็นที่เรียบร้อย แถมยังมีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางในแต่ละแผนก
สุดท้ายมีการ “รับประกัน” ฉะนั้น ถ้าซ่อมแล้วมีปัญหาก็สามารถนำมาเคลมได้อีกด้วย
ส่วน “ข้อเสีย” ของการ “ซ่อมศูนย์” อันดับแรก คงหนีไม่พ้นเรื่องของ
“ราคา” ที่บอกได้เลยว่าค่อนข้างสูง เพราะมีเรื่องของ “ค่าแรง” และ “ค่าภาษี” รวมไปถึงอาจจะมีส่วนต่างอื่นๆ เพิ่มเติม
“ระยะเวลา” ที่อาจจะค่อนข้าง “นาน” เนื่องจากต้องต้องรอคิวเข้าบวกกับระยะเวลาในการซ่อมที่อาจจะไม่แน่นอนอีกด้วย
แล้วบางจังหวัดก็อาจจะไม่มีศูนย์บริการแบรนด์รถยนต์ที่เราใช้ หรืออาจจะมีน้อยไม่อาจรองรับกับความต้องการที่มากกว่า เลยอาจจะทำให้ขาดความสะดวกไปบ้าง
มาที่เรื่องของการ “ซ่อมอู่” กันบ้าง อันนี้บอกเลยว่าค่อนข้างต้องใช้ “ดวง” เป็นตัวช่วยเสริม นอกจากการหาข้อมูลด้วยวิธีต่างๆ เพราะด้วยความที่มี “อู่” ให้เลือกมากมาย เลยทำให้การตัดสินใจเลือกค่อนข้างเป็นไปได้ยาก โดยเฉพาะเมื่อต้องการความมั่นใจจริงๆ
เพราะ “ข้อด้อย” และ “ข้อดี” ของการ “ซ่อมอู่” ก็คือ “สถานะของการเป็นลูกค้า” ที่มีผลต่อปัจจัยต่างๆ เช่น “ระยะเวลา” ที่ไม่ต้องรอคิวนาน แต่ก็ต้องแลกมาด้วย “การรับประกัน” ซึ่งอาจจะ “ไม่มี” สำหรับลูกค้าที่เป็น “ขาจร” แต่ถ้าเป็น “ขาประจำ” ก็อาจจะคุยกันได้ในระดับหนึ่ง รวมไปถึง “ระยะเวลาการซ่อม” ด้วย
“อะไหล่” เป็นอีกสิ่งที่น่าต้องใส่ความสำคัญ สำหรับ “ขาจร” เพราะอาจจะโดนอะไหล่เทียบ อะไหล่มือ 2 หรือของไม่มีคุณภาพได้ ซึ่งจุดนี้เจ้าของรถก็ต้องเพิ่มความใส่ใจเข้าไปเป็นพิเศษ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็สามารถที่จะพูดคุย ต่อรองกับทางอู่ว่าให้เจ้าของรถเป็นคนเลือก ซึ่งแน่นอนว่า “ขาประจำ” ก็มีอำนาจในการคุยมากกว่า
ต่อมาคือเรื่องของ “ราคา” ที่บอกเลยว่าลูกค้า “ขาจร” นั่นก็อาจจะมีบ้างที่ถูกบวกงบประมาณเกินจริงหากประมาท ขณะที่ “ขาประจำ” นั่นสามารถต่อรองให้ย่อมเยาว์กว่าได้ เช่นเดียวกับในเรื่องของ “งานซ่อม” ซึ่งของ “ขาจร” อาจจะออกมาไม่ดี ไม่เนียน ตรงตามความพอใจ จนอาจจะต้องจ่ายเพิ่ม “ส่วนต่าง” เพื่อให้เป็นไปตามต้องการ ขณะที่ “ขาประจำ” นั้นสามารถพูดคุย หรือควบคุมได้ในเรื่องของ “มาตรฐาน” การซ่อมตามโจทย์
เพราะฉะนั้นโดยสรุปถ้าจะให้เลือกระหว่างการ “ซ่อมศูนย์” หรือ “ซ่อมอู่” อย่างไหนดีกว่ากัน เราเองคงตอบไม่ได้แบบชัดเจน ด้วยเหตุผลที่เป็นองค์ประกอบมากมาย โดยเฉพาะเรื่อง “ปัจจัย” ซึ่งหาก “การจ่าย” ไม่ใช่ปัญหา เราคิดว่า “ซ่อมศูนย์” ตามมาตรฐานน่าจะเป็นตัวเลือกที่จบกว่า บนบรรทัดฐานของรถบ้านๆ ใช้งานทั่วไป ที่ไม่ต้องพึ่งอะไหล่แต่งเติมเสริมสมรรถนะ
แต่ถ้าหากว่า “ปัจจัย” กลายเป็นประเด็นสำคัญในการตัดสินใน เราแนะนำการ “ซ่อมอู่” ก็ควรจะต้อง “เลือก” จากหลากหลายแหล่ง เพื่อมาเปรียบเทียบเป็นแนวทางประกอบการตัดสินใจ สำหรับการใช้จ่ายที่คุ้มค่าทุกบาท ทุกสตางค์ดีกว่าครับ