Smart Cone Challenge ประสบการณ์การขับขี่ รูปแบบใหม่ ที่ต้องอาศัยการวางแพลนแบบ Real Time

การขับขี่รูปแบบ Smart Cone Challenge ถือเป็นประสบการณ์การขับขี่รูปแบบใหม่ ซึ่งเป็นการขับขี่ ที่ไม่ได้ตัดสินกันด้วยความเร็ว แต่เป็นการใช้การวางแพลนนิ่งการขับขี่ สายตาอันเฉียบคม ปฏิกิริยาตอบสนองอันรวดเร็ว เพื่อให้ได้มาซึ่งคะแนนอันสูงสุดเท่าที่เราจะทำได้ ต่างจากการขับแบบ Gymkhana หรือการขับขี่แข่งขันแบบ Circuit

Smart Cone Challenge คืออะไร

Smart Cone Challenge คือรูปแบบการขับขี่แบบใหม่ และแบบเดียว ซึ่งเป็นเอกสิทธิ์ของกิจกรรม The Art of Performance Tour โดยที่กิจกรรมนี้จะจัดให้เฉพาะรถยนต์ “จากัวร์” เท่านั้น ซึ่งกิจกรรมที่ว่านี้ได้ตระเวนจัดมาแล้วหลายประเทศในแถบเอเซีย ไม่ว่าจะเป็นสิงคโปร์ ฮ่องกง เวียดนาม ฯลฯ และล่าสุดได้มาจัดที่ประเทศไทย ในงาน Motor Expo 2017 ที่ผ่านมา

smart_cone_jaguar_04

รูปแบบของ สมาร์ทโคน เป็นอย่างไร

การดีไซน์การขับขี่ และอุปกรณ์สำหรับใช้ในการขับขี่นั้น ทางทีมงานจากสิงคโปร์เป็นผู้คิดค้นขึ้นมา สำหรับการขับขี่รถยนต์จากัวร์รุ่นต่างๆ

  •  เนื้อที่ที่ใช้ขนาด 50 ตารางเมตร (หรือถ้าจัดเป็นงานใหญ่ จะใช้เนื้อที่ขนาด 100 ตารางเมตร)
  •  บนพื้นที่ 50 ตารางเมตร จะมีไพล่อน (cone) วางเป็นประตู (คู่) ทั้งหมดด้วยกัน 5 ประตู ถ้ามองในมุมสูงลงมา จะเห็นว่า ประตูทั้ง 5 นั้น ตำแหน่งวางจะเหมือนกับลูกเต๋า แต้ม 5
  • บนหัวของไพล่อนทุกตัว จะติดตั้งไฟ LED ซึ่งสามารถเปล่งแสงออกมาด้วยกันทั้งหมด 3 สี คือ เขียว, น้ำเงิน และแดง- ที่ตัวรถยนต์จากัวร์ จะติดตั้งระบบ GPS ลงไป ซึ่ง GPS ที่ทีมงานใช้นั้น เป็นอุปกรณ์ GPS แบบเดียวกับที่ใช้ในทางการทหาร โดยมีความแม่นยำมาก คลาดเคลื่อนเต็มที่ไม่เกิน 1 ซม.
  • การควบคุมสัญญาณไฟ และการคิดคะแนน มาจากคอมพิวเตอร์ ซึ่งเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ GPS โดยในรถแต่ละรุ่น จะมีการคำนวณแต้มต่อในเรื่องของ กำลังเครื่องยนต์ น้ำหนัก ฯลฯ เรียบร้อยแล้ว ฉะนั้นไม่ว่าใครจะใช้จากัวร์รุ่นใดขับ คะแนนก็จะสามารถนำมาเปรียบเทียบตัดสินกันได้เลย

smart_cone_jaguar_03

วิธีการขับขี่

  1.  สัญญาณไฟสีเขียว ปรากฏขึ้นที่ประตูใด หมายความว่า ให้เราขับรถผ่านประตูนั้น
  2.  สัญญาณไฟสีน้ำเงิน ปรากฏขึ้น หมายความว่า เป็นประตูถัดไปที่จะให้เราขับผ่าน
  3.  นั่นคือ ในขณะที่ประตูใดประตูหนึ่งขึ้นสีเขียว อีกประตูใดประตูหนึ่งจะขึ้นสีน้ำเงิน ในเวลาเดียวกัน และเมื่อเราขับผ่านประตูที่เป็นไฟเขียว ไฟประตูนั้นจะดับลง และไฟสีน้ำเงินจะเปลี่ยนเป็นสีเขียวแทน พร้อมกับมีไฟสีน้ำเงินคู่ใหม่ติดขึ้นมาที่ประตูใดประตูหนึ่ง
  4.  หมายความว่า เราจะขับผ่านเฉพาะประตูที่เป็นไฟสีเขียวเท่านั้น ส่วนไฟสีเงิน (ที่ต่อมาจะเปลี่ยนเป็นสีเขียว) คือประตูถัดไปที่เราต้องวางแผนการขับขี่ให้ดี ไม่ให้หลง
  5.  กติกากำหนดให้ขับผ่าน ประตูที่เป็นสีเขียว ทั้งหมด 15 ครั้ง โดยครั้งที่ 1-5 จะเป็นการซ้อมมือเพื่อหาจังหวะ และวงเลี้ยวของรถ รวมถึงซ้อมการใช้สายตาเพื่อมองไฟ
  6.  ผ่านไฟสีเขียวครั้งที่ 6-15 จะเป็นการวัดผลจริง
  7.  และเมื่อขับครบ 15 ประตู (ไฟเขียว 15 ครั้ง) สัญญาณไฟสีแดงจะปรากฏ ขึ้น นั่นหมายความว่า สิ้นสุดการขับขี่ และให้นำรถกลับมายังจุดสตาร์ท

smart_cone_jaguar_02

วิธีการคิดคะแนน วัดผล

การคิดคำนวณคะแนน มาจากการขับขี่ 3 อย่างด้วยกันคือ เวลา, ระยะทาง และความแม่นยำในการเข้า(ผ่าน) ประตูแต่ละประตู นั่นหมายความว่า

  • หากวางแผนการขับขี่ดี หมายถึงไม่หลงสัญญาณไฟ หรือหาประตูเข้าได้อย่างรวดเร็ว คุณก็จะใช้ระยะทางในการขับขี่ที่ไม่มาก ซึ่งจะส่งผลในข้อต่อไป นั่นคือ
  • เมื่อใช้ระยะทางไม่มาก หรือสั้น ก็จะทำให้เวลาที่ใช้นั้น น้อยลงตามไปด้วย อันจะส่งผลให้ได้คะแนนที่มากขึ้น แต่ที่สำคัญคือ
  • สำคัญที่สุดคือ ความแม่นยำในการวิ่งผ่านประตู หมายความว่า ต้องเข้า(ผ่าน) ให้หน้ารถ(กึ่งกลางหรือโลโก้) ผ่าน ตรงกลาง ของประตู ถึงจะได้คะแนนความแม่นยำแบบเต็ม 100% อย่าลืมว่า GPS ที่ใช้นั้นแม่นยำสูงระดับกองทัพ หากชิดไพล่อนข้างใดข้างหนึ่ง คะแนนความแม่นยำ จะถูกลดหลั่นลงมา
  • เมื่อเอา 3 อย่างมาผ่านโปรแกรมคอมพิวเตอร์ จะออกมาเป็นคะแนน ซึ่งคะแนนเต็มนั้นอยู่ที่ราว 5 หมื่นกว่าๆ แต่เท่าที่เห็น อย่างแย่สุดอยู่ที่ 3 หมื่นนิดๆ ถ้าในระดับโอเคก็อยู่ที่ 3 หมื่นปลายๆ ถ้าจัดว่าดี ต้องข้าม 4 หมื่น แต่ถ้าให้แจ๋วต้อง 4.5 หมื่นขึ้น ซึ่งน้อยคนนักที่จะทำได้

นับว่าเป็นการขับขี่รูปแบบใหม่ที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน ต้องใช้ทักษะการขับขี่ที่พร้อมจะตอบสนองจากสายตา การใช้พวงมาลัย คันเร่ง การวางแพลนแบบฉับพลัน (real time) ในการขับขี่เพื่อให้ไม่หลง และได้ทางที่สั้น รวมถึงอาจต้องอาศัยดวงร่วมด้วย เพราะสัญญาณไฟที่ติด มันขึ้นแบบ Random ถ้าใครได้สัญญาณไฟที่มองเห็นง่าย ก็ แพลนนิ่ง เส้นทางได้ไว ถือเป็นความสนุกที่หาไม่ได้ง่ายๆ เลย 

แท็กยี่ห้อรถยนต์ : Jaguar

แท็กฮิต : ,