Suzuki Swift Sport 2020 ขุมพลัง Booster Jet ผสาน Mild Hybrid
วางจำหน่ายตามแพลนเดิมเมื่อ เมษายน 2020 ในตลาด UK โดยซูซูกิสร้างชื่อ สวิฟท์ ในเวอร์ชั่นแรงด้วยขุมพลังเทอร์โบมาเป็นที่รู้จักกันดีตั้งแต่ก่อนหน้านี้ แต่สำหรับ Suzuki Swift Sport 2020 จำต้องพัฒนาเพื่อก้าวสู่เทรนด์รักษ์โลกควบคู่กันไปด้วย ดังนั้นการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยจึงถือเป็นความท้าทายในการลดก๊าซ Co2 ให้เหลือเพียง 127 กรัม/กม.ด้วยเทคโนโลยี Mild Hybrid
หากพูดถึง Mild Hybrid นั้น ไม่ใช่ของใหม่แต่อย่างใด ซูซูกิ ใช้มาช้านานแล้ว แต่สำหรับเวอร์ชั่น Swift Sport 2020 นั้นซูซูกิได้อัพเลเวลจากเดิม 12V hybrid เมื่อปี 2016 มาเป็น 48V hybrid สำหรับรุ่นใหม่นี้ ซึ่งช่วยให้ลดมลพิษไปจากเดิมได้ถึง 8 กรัม/กม.
Booster Jet ใน Suzuki Swift Sport 2020
ภายใต้ฝากระโปรงของ สวิฟท์ สปอร์ต พกพาความแรงด้วยเครื่องยนต์เบนซิน รหัส K14D เทอร์โบชาร์จเจอร์ เสริมด้วยระบบไฮบริดแบบ Mild Hybrid 48V ซึ่งประกอบไปด้วย เจนเนอเรเตอร์ แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน และคอนเวอร์เตอร์ ซึ่งมีน้ำหนักรวมๆ กันแล้วประมาณ 15 กก. โดยระบบไมด์ ไฮบริดนี้จะไม่ได้ช่วยในเรื่องการขับเคลื่อนโดยตรงแบบไฮบริดทั่วไป
พละกำลังที่ได้แม้ไม่ได้เพิ่มมากขึ้น แต่ความสนุกกลับตกไปอยู่ที่ แรงบิด ที่ได้เพิ่มขึ้นมาเป็น 235 นิวตัน-เมตรที่ 2,000-3,500 รอบ/นาที โดยมีอัตราการบูสท์เทอร์โบอยู่ที่ 1.0 บาร์
สำหรับเครื่องยนต์มีการปรับปรุงระบบวาล์วแปรผัน VVT ใหม่ ระบบการคายไอเสียใหม่ รวมไปถึงการปรับจูนเกียร์ธรรมดาแบบ 6 สปีดใหม่ โดยเกียร์ 1 กับ 2 จะใช้เฟืองแบบ ทริปเปิ้ล โคน ซินโครเมซ ส่วนเกียร์ 3 จะใช้เฟืองแบบ ดับเบิ้ล โคน ซินโครเมซ
ช่วงล่างทำมาได้ค่อนข้างเป็นที่น่าพอใจอยู่แล้ว แต่ก็ได้มีการปรับอีกเล็กน้อย โดยด้านหน้าเลือกคบกับ ช็อคอัพ ของ Monroe รุ่นล่าสุด พร้อมปรับเปลี่ยนเหล็กกันโคลงเส้นโตขึ้น ส่วนด้านท้ายได้ปรับ trailing arm ให้ได้มุมล้อที่ช่วยในการเลี้ยวได้ดีขึ้น
ระบบเบรกเปลี่ยนมาใช้จานใหญ่ขึ้นในด้านหน้า ขนาด 285 มม.ซึ่งซูซูกิเคลมว่าประสิทธิภาพดีกว่าเดิม 10% รวมไปถึงการเปลี่ยนมาใช้ผ้าเบรกรุ่นใหม่ด้วย โดยที่ล้อแม็กอัลลอยดีไซน์เฉพาะ สวิฟท์ สปอร์ต มีขนาด 17 นิ้ว
เกือบลืมไปทั้งหมดทั้งมวลที่ว่ามา ยังไม่รวมถึงออปชั่นอื่นๆ ทำให้เจ้า สวิฟท์ สปอร์ตมีกำลังอยู่ที่ 127 แรงม้า โดยแบกน้ำหนักตัวถังที่ 1,025 กก.ซึ่งบนตัวถัง HEARTECT นี้มีความยาวเพิ่มจากเดิมอีก 15 มม. และเมื่อเช็กสมรรถนะแล้วกลับทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.ได้ในเวลา 9.1 วินาที ซึ่งช้ากว่าเดิมถึง 1 วินาทีทีเดียว แต่การขับขี่ที่สนุก เร้าใจ เร่งติดเท้าน่าจะทำได้ดีขึ้น ที่สำคัญ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น