รีวิว : Suzuki Swift Energy Green (Limited Color)มุ่งหน้าสู่ สปป. ลาว เส้นทาง หนองคาย – เวียงจันทร์ – วังเวียง ในคอนเซ็ปต์ “Swifter Way… Swifter’s Green”

คุณเคยคิดไหมว่า “ล้อ กับ เครื่อง” จะสามารถพาคุณไปได้ไกลขนาดไหน ยิ่งรถที่มีข้อจำกัดอย่าง “Eco Car” ที่ต้องใช้งานในเมือง และต้องประหยัดน้ำมันสูงสุด แต่วันนี้ทุกข้อจำกัดของ “Eco Car” ถูกทำลายลงด้วยบทพิสูจน์ ของการเดินทางข้ามประเทศของสื่อมวลชนไทยกว่า 60 ชีวิต มุ่งหน้าสู่ สปป. ลาว เส้นทาง หนองคาย – เวียงจันทร์ – วังเวียง ในคอนเซ็ปต์ “Swifter Way… Swifter’s Green”กับ Suzuki Swift Energy Green (Limited Color)

 

Suzuki Swift Energy Green

หลังจากที่ SUZUKI Swift สร้างความไว้วางใจให้กับผู้บริโภคชาวไทย สร้างยอดขายอันดับ 1 มา 5 เดือนซ้อน ทาง บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด จึงปล่อย Suzuki Swift Energy Green (Limited Color) ในรุ่น GLX เพื่อเพิ่มทางเลือกใหม่ๆ ให้ลูกค้าที่ต้องการความต่าง และโดดเด่น พร้อมทั้งจัดคาราวานขับข้ามประเทศตอกย้ำสมรรถนะที่มากกว่า “Eco Car” ทั่วไป ในทริปที่มีชื่อว่า “Swifter Way… Swifter’s Green”

 

 

 

ความนิ่มนวลระบบช่วงล่าง

การเดินทางในครั้งนี้เริ่มต้น ณ สนามบิน ดอนเมือง โดยมี คุณวัลลภตรี ฤกษ์งาม ผู้จัดการทั่วไปบริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) มาต้อนรับสื่อมวลชนด้วยตนเอง หลังจากบินลัดฟ้าข้ามมาถึง สนามบิน อุดรธานี ทั้งคณะแวะทานอาหารที่ ร้าน ฟาโรห์ เฮ้าท์ ซึ่งเป็นร้านอาหารอิตาเลียน ที่ขึ้นชื่อเรื่องรสชาติมากที่สุดในแถบอีสาน จากนั้นมุ่งหน้าสู่ โชว์รูมซูซูกิ หนองคาย เพื่อทำการปล่อยคาวาวานทริปนี้ พอเห็น SWIFT Energy Green (Limited Color) เป็นครั้งแรกเกิดข้อสงสัยทันทีว่าจะข้ามแดนได้อย่างไร เพราะรถในขบวนเป็น “ป้ายแดง” เกือบทุกคัน ลองสอบถามทาง PR ซูซูกิดูเค้าบอกว่าเป็นการประสานงานระหว่างทางกรมศุลกากรของจังหวัดหนองคาย และได้รับการประสานงานจากเจ้าหน้าที่ สปป.ลาว จึงทำให้การข้ามแดนในครั้งนี้มีการทำเอกสารถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ หมดข้อสงสัยออกเดินทางแบบ Swifter กันเลย พอมาถึงหน้าด่านฝั่งไทยทั้ง 14 คัน รถทุกคันวิ่งผ่านแบบฉลุย ผ่านสะพานมิตรภาพไทย – ลาว ชมความงามของแม่น้ำโขงมาถึงด่านฝั่งลาวก็ผ่านแบบชิวๆ แถมยังมีตำรวจมาคอยนำทางเคลียร์รถให้เราอีก ออกจากด่านเราเลี้ยวเข้าถนน 450 ใหม่ของลาว ซึ่งเป็นถนน 4 เลนแรกของประเทศลาว สภาพถนนเรียบกริบวิ่งกันสบายๆ พอมาถึงแยกแรก งงเข้าไปอีกมีตำรวจจากประเทศลาวมาปิดสี่แยกให้วิ่งผ่านไฟแดงทั้งขบวนเลย พอตรงมาอีกหน่อยจะเรียกว่าถนนดงโดด ซึ่งก็โดดสมชื่อจริงๆ ทำให้สัมผัสความนิ่มนวลระบบช่วงล่างแม็กเฟอร์สัน สตรัท พร้อมคอยล์สปริงในด้านหน้า ทอร์ชั่มบีม พร้อมคอยล์สปริงในด้านหลัง เรียกได้ว่าถนนเป็นคลื่นขนาดนี้ยังขับสบายๆ ผมถือว่าระบบการซับแรงสั่นสะเทือนในห้องโดยสารทำได้เยี่ยมแล้วครับ

 

เครื่องยนต์

เลี้ยวขวาอีกครั้งเข้าสู่ถนนเส้นหลัก 13 เหนือมุ่งหน้าสู่วังเวียง เส้นทางนี้จะเป็นทางตรงยาวๆ 2 เลน แต่รถที่วิ่งร่วมทางส่วนใหญ่จะขับช้ามากๆ แถมยังขับชิดขวาอีก ทำให้การแซงยากสักหน่อย แต่ทีมนำทางเยี่ยมมาก บอกรถสวน ระยะการแซงตลอดทางทำให้เราสามารถขับไล่แซงได้ปลอดภัยมากขึ้น ที่เหลือเป็นหน้าที่ของสมรรถนะของเครื่องยนต์รหัส K12B แบบ 4 สูบ ความจุกระบอกสูบ 1,242 ซีซี. DOHC 16 วาล์ว พร้อมระบบวาล์วแปรผันทั้งด้านไอดีและไอเสีย VVT มีแรงม้าสูงสุดที่ 91 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที และแรงบิด 118 นิวตัน-เมตร 4800 รอบต่อนาที รองรับน้ำมันเชื้อเพลิง E20 ด้วย จากที่ได้สัมผัสกับอัตราเร่ง ลืมไปเลยว่าใช้อีโคคาร์อยู่ อัตราเร่งทำได้น่าพอใจ กดคันเร่งเพื่อแซงก็สามารถผ่านพ้นไปด้วยดีแบบไม่มีลุ้น ยิ่งเวลาขับชิวๆ ระบบส่งกำลังอัตโนมัติ CVT ก็ทำงานอย่างราบรื่นปล่อยตามจังหวะแบบนิ่มนวล ไปนานเราก็ถึง 60 กม.สุดท้ายก่อนถึงวังเวียง ช่วงนี้แหล่ะครับ คือ บทพิสูจน์อันสุดยอดของ SWIFT Energy Green เนื่องจากเป็นทางโค้งขึ้น – ลง เขาแคบๆ ต่อเนื่องกันเป็นร้อยโค้ง ทำให้เราได้สัมผัสแรงบิดที่ส่งตัวรถขึ้นเขาสูงอย่างง่ายดาย ระบบการบังคับเลี้ยงสามารถส่งงานได้แบบคล่องตัว ผ่านโค้งต่างๆ อย่างฉับไว ช่วยให้เราไปถึงมุ่งหมายวังเวียงก่อนเวลาที่กำหนดช่วยให้ทุกคนในคาราวานได้ซึมซับบรรยากาศของสวรรค์เมือง ลาว ที่งดงามกันอย่างเต็มที่ ปิดท้ายวันแรกของการเดินทางด้วยดินเนอร์ริมสระน้ำ มีน้องๆ นักศึกษาจาก สปป. ลาว มาฟ้อนรำตามแบบฉบับวัฒนธรรมลาวแท้ๆ เพื่อให้พี่ๆ สื่อมวลชนได้เก็บความประทับใจก่อนเข้านอนในโรงแรมระดับ 6 ดาวที่เดียวในวังเวียง

 

นั่งเรือชมบรรยายสองข้างทางแม่น้ำซอง

เช้าตรู่วันที่ 2 ทุกท่านในทริปตื่นกันตั้งแต่เช้า เพื่อมานั่งเรือชมบรรยายสองข้างทางแม่น้ำซอง ซึ่งถือว่าเป็นไฮไลท์ที่สุดของทริป เพราะบรรยากาศเช่นนี้ไม่ได้หาชมกันได้ง่ายๆ การที่ได้นั่งอยู่บนเรือมองไปด้านซ้ายคุณจะเห็นภูเขาที่มีหมอกคั่นกลางอยู่ระหว่างเขาสะท้อนกันแสงพระอาทิตย์ บางๆ ในยามเช้า ด้านขวาจะเห็นวิถีชีวิตของผู้คนท้องถิ่นซึ่งยังเป็นวิถีที่บริสุทธิ์ไร้มลพิษ ทำให้เราเองเก็บเกี่ยวพลังงานธรรมชาติ ซึมซัมอากาศบริสุทธิ์ มาเป็นพลังในการกลับไปใช้ชีวิตในเมืองต่อไป หลังจากนั้นเราก็พร้อมเดินทางกลับเข้าเวียงจันทร์กันต่อ เส้นทางย้อนกลับทางเดิมทำให้เราได้สัมผัสสมรรถนะที่เหนือกว่าอีโคคาร์ธรรมดาของ SWIFT Energy Green อีกหนึ่งรอบ

 

Center Point Lao

พอถึงเวียงจันทร์ทางซูซูกิพาแวะทางอาหารเที่ยงที่ “ร้านลานน้ำพุ” ซึ่งอยู่ในแหล่งชุมชนวัยรุ่นเวียงจันทร์ หรือเรียกอีกอย่างว่า “Center Point Lao” ซึ่งการหาที่จอดรถเป็นไปได้ยากมาก แต่ทางซูซูกิเคลียร์ที่จอดรถจนโล่งสามารถจอดกันทุกคันแบบสบายๆ ทำให้ทุกท่านในทริปลงไปทานอาหาร Fusion Food แบบอาหารลาว ที่มีหน้าตาสวยงามรสชาติดีๆ หลังจากอิ่มท้องเราเดินทางกันต่อแบบปิดเมืองวิ่ง มีตำรวจนำทาง และปิดทุกแยกการจราจรโดยไม่ติดไฟแดง ผมลองถามจากไกด์คนลาวเค้าบอกว่าการจะทำแบบนี้ได้ก็ต้องเป็นระดับรัฐมนตรีของลาวเลยทีเดียว หลังจากนั้นเราไปชมประตูชัย เวียงจันทร์ หรือที่คนลาวเรียกว่า “สนามบินแนวตั้ง” ซึ่งประตูชัยนี้เป็นสัญลักษณ์ของชัยชนะ เปรียบได้กับรถ SUZUKI Swift พอดิบพอดีที่มียอดขายมาเป็นอันดับ 1 มา 5 เดือนซ้อน เรียกว่าชนะอีโอคาร์ค่ายอื่นๆ มาแล้ว จากนั้นไปกันต่อที่ “พระธาตุหลวง” ซึ่งมีสถาปัยกรรมที่งดงามร่วมสมัย เสมือนกันกับการออกแบบตัวรถของ SUZUKI Swift ที่มีดีไซน์ที่งดงาม ทันสมัยอยู่ตลอดเวลา แม้จะออกมานานพอสมควรแล้ว แต่ดูยังไงก็ไม่เอ้าท์ครับ ปิดท้ายทริปนี้ด้วยการช็อปปิ้งที่ Duty Free ด่านสะพานมิตรภาพไทย – ลาว

 

สุดท้ายขอบคุณบริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่สร้างสรรทริป “Swifter Way… Swifter’s Green” ที่จัดทริปแบบนี้ ถือเป็นการทดสอบรถรูปแบบใหม่ๆ ที่แตกต่างในคอนเซ็ปต์ที่ลงตัวกับรถ SWIFT Energy Green มากๆ สำหรับท่านที่สนใจรถ SUZUKI ขอแอบบอกว่าในงาน MOTOR EXPO 2013 วันที่ 29-10 พฤจิกายน 2556 นี้ ณ อิมแพคเมืองทองธานี ทางซูซูกิเตรียมแคมเปญดีๆ รอเอาไว้มากมายครับ

 


แท็กยี่ห้อรถยนต์ : Suzuki

แท็กฮิต : , , ,